เดิมที Xiaomi ก็มีความน่าสนใจอยู่แล้วในเรื่องของความคุ้มค่า และตั้งแต่ได้จับมือกับ LEICA ก็ทำให้
Xiaomi มีความน่าสนใจขึ้นไปอีกระดับ และได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึง Xiaomi 14T แต่ถ้าจะให้มาเล่า
สเปกก็อาจจะเบื่อกันแล้ว หรือถ้าเน้นรูปถ่ายก็ไปดูสายน้าๆ จะดีกว่า ดังนั้นในรีวิวนี้ผมจะโฟกัสไปไปในส่วนของ
เรื่องราวเบื้องหลังบวกกับประสบการณ์ใช้งานจริงครับ

ความร่วมมือกับ LEICA บน Xiaomi 14T

นับตั้งแต่ปี 2022 ที่เกิดความร่วมมือระหว่าง Xiaomi และ LEICA บน Xiaomi 12S Ultra จนถึงตอนนี้
Xiaomi 14T ก็ยังคงดึงดูดคนที่เน้นการถ่ายรูปด้วยมือถือ โดยใช้ชิ้นเลนส์ของ LEICA
VARIO-SUMMILUX 1:1/7-2.2/15-50 ASPH กล้องหลักเทียบเท่าระยะ 23 mm ความละเอียด
50MP f/1.7 กล้องมุมกว้างเทียบเท่าระยะ 15 mm ความละเอียด 12MP f/2.2 กล้องเท
เลเทียบเท่าระยะ 50 mm ความละเอียด 50MP f/1.9 และใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX906 ที่มี OIS
ส่วนกล้องหน้า 32MP f/2.0

 
ประโยชน์หลักๆ จากการใช้กล้องหลักที่มี f/1.7 ก็คือการรับแสงได้มากขึ้น ช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสง
น้อยได้ดีขึ้น เวลาถ่ายรูปคนหรือสิ่งของก็เกิดโบเก้ง่ายขึ้น และที่สำคัญคือเวลาถ่ายของที่เคลื่อนที่ก็
ช่วยลดอาการรูปเบลอได้ ซึ่ง 3 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ต้องการ และ Sony IMX906 เป็น
เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.56 นิ้ว และมี Super Pixel ขนาด 2.0บm เมื่อท่างานร่วมกันกับระบบ OIS และ
f/1.7 ก็ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูดี

แม้ว่ากล้องหลังจะมี 3 ตัวเทียบเท่าระยะ 15 mm, 23 mm, 50 mm แต่กล้องเทเลมีเทคโนโลยี In
Sensor Zoom ที่ช่วยให้ได้ภาพเทียบเท่าระยะ 100 mm นั่นทำให้ Xiaomi 14T สามารถเก็บภาพ
ได้ตั้งแต่ 15 mm ไปจนถึง 100 mm

ถ้าดูจาก UI ในแอปกล้องจะเป็นแบบนี้ครับ
- 0.6x คือระยะ 15 mm
- 1x คือระยะ 23 mm
- 2x คือระยะ 50 mm
- 4x คือระยะ 100 mm ที่ใช้ระยะ 50 mm + In Sensor Zoom

 
แต่ในกรณีที่แสงน้อย Xiaomi 14T จะเปลี่ยนมาใช้กล้อง หลักระยะ 23 mm ซูมเป็นระยะ 2x และ 4x
และแม้ว่า UI จะแสดงผลการซูมมากสุดที่4x แต่ถ้า เรากดค้างก็จะพบวงล้อ ที่เลื่อนซูมไปได้ถึง 20x
โดยจะเป็นการใช้ดิจิตอลซูมแล้วนำมาประมวลผล ซึ่งความคมชัดจะไม่เท่าระยะปรกติ แต่เหมาะกับ
การใช้งานในกรณีที่เป้าหมายอยู่ไกลจริงๆ
 
และในโหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพบุคคลให้อิสระในการเลือกระยะ 23 mm, 35 mm, 50 mm,
75 mm ตามสะดวก เพราะในพื้นที่จำกัดการใช้ระยะ 23 mm ก็ช่วยให้เราไม่ต้องถอยจากแบบเยอะ

เช่นการไปร้านอาหารแล้วนั่งคนละฝั่งของโต๊ะ ในขณะที่ระยะ 35mm, 50mm, 75mm แม้ว่าจะ
ต้องการระยะห่างที่เยอะกว่า แต่ก็ให้มิติภาพบุคคลที่น่าสนใจกว่า

และยังคงมีโหมดถ่ายภาพสวยๆ ง่ายๆ อย่าง Long exposure ที่หลายคนชอบ เพราะมันง่ายกว่าการ
ตั้งกล้องใหญ่ลากชัตเตอร์เอง และถ้าชอบการตั้งค่าเองทั้งหมดก็มีโหมด Pro สำหรับภาพนิ่ง และ
Director mode สำาหรับงานวีดีโอ ซึ่งทั้งคู่จะเป็นการตั้งค่าแบบ Manual ให้เราตั้งค่าได้เองไม่ว่าจะ
เป็น White Balance, Auto Focus, Shutter, ISO, EV

ภาพแบบ LEICA

สไตล์ของภาพมีให้เลือก 2 แบบ คือ LEICA Authentic และ LEICA Vibrant หากอธิบายอย่างง่าย LEICA Authentic คือภาพที่ให้อารมณ์แบบ LEICA มี Contrast หนักๆ เน้นแสงและเงา ติดโทนเย็นหน่อยๆ และไม่อัด Sharpen พร้อมกับใส่ Vignette ให้มีขอบมืดๆ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนเล่นกล้อง

 
ในขณะที่LEICA Vibrant จะให้สีสันที่สดใสกว่า ใช้ HDR เข้า มาช่วยให้ภาพมีความสว่างมากขึ้น ไม่ใส่ Vignette ซึ่งเป็นไปตามความชอบของผู้ใช้มือถือส่วนมาก


ส่วนฟิลเตอร์ของ LEICA มีให้เลือก 6 แบบ ได้แก่
- LEICA Vivid เหมาะกับสถานการณ์ที่ต้องการสีสันจัดจ้านเพื่อความน่าสนใจ เช่นวิวทิวทัศน์
- LEICA Natural เหมาะกับการถ่ายรูปบุคคลให้ดูเป็นธรรมชาติ ทั้งเรื่องของรายละเอียดและสี
ผิว
- LEICA Black & White Natural เหมาะกับการถ่ายรูปขาวดำ ให้ดูเป็นธรรมชาติ
- LEICA Black & White High Contrast เหมาะกับภาพถ่ายแนวสตรีท ที่เน้น องค์ประกอบให้
โดดเด่น
- LEICA Sepia เหมาะกับงานวินเทจ ให้ภาพที่ดูย้อนอดีต
- LEICA Blue เหมาะกับการถ่ายภาพที่มีสไตล์เล่นกับอารมณ์ผิว
 

และในโหมด Portrait นอกจากจะเลือกถ่ายในแต่ละระยะได้อย่างอิสระแล้ว ยังมีระบบ Master lens
system ที่จำลองเลนส์ของกล้อง LEICA แต่ละแบบ
- Document 35 mm ให้ภาพเสมือนช่างภาพสายข่าว เหมาะกับการถ่ายที่มีอิริยาบถเป็น
ธรรมชาติ
- Swirly bokeh 50 mm ให้ภาพที่มีโบเก้หมุนวนเป็นฉากหลัง สร้างอารมณ์ชวนฝัน
- Portrait 70 mm เหมาะกับการถ่ายรูปบุคคลหรือภาพครึ่งตัว กับโบเก้ที่ดูนุ่มนวล
- Soft focus 90 mm ให้ภาพที่อ่อนโยน ดูฟุ้งละมุน โรแมนติก

ประมวลผลภาพด้วย Xiaomi AISP

Xiaomi AISP เป็น Algorithm ที่ออกแบบมาเพื่อประมวลผลภาพ AI ด้วยโมเดล Stable Diffusion
ที่ทำงานร่วมกับส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU, NPU และ ISP ซิ่ง Xiaomi AISP ประกอบ'ไป
ด้วย 4 ส่วนคือ
- FusionLM ประมวลผล RAW ได้สูงสุด 8 รูป และรวมเข้าเป็นไฟล์ RAW ที่มีรายละเอียดและ
Dynamic
- ToneLM ทำการจับคู่โทนสีของ RAW และลดสิ่งแปลกปลอมในภาพ
- ColorLM น่า 3D LUT เข้ามาช่วยประมวลผลสี ให้มีความแม่นยำและตรงกับการรับรู้ของ
มนุษย์
- PortraitLM จำลองเทคนิคการถ่ายภาพของช่างภาพมืออาชีพ

ซึ่งเป็นอีกส่วนที่มีบทบาทในการประมวลผลภาพให้ออกมาสวยขึ้น

สเปกเด่นและการออกแบบ

Xiaomi 14T ใช้การออกแบบสไตล์ตัดเหลี่ยมขอบแบนตามยุคสมัย ซึ่งดีไซน์แบบนี้มีข้อดีตรงที่เรา
สามารถเอามือถือวางตั้งกับโต๊ะแล้วถ่ายรูปได้โดยไม่ต้องมีขาตั้ง และหน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว แบบ
AMOLED ความละเอียด 2712 x 1220 หรือ 446 PPI รีเฟรชเรทสูงสุด 144 Hz ก็แสดงผลได้สวย
งาม


 
ภาพและเสียงรองรับ Dolby Vision และ Dolby Atmos พร้อมลำโพงคู่และไมค์ 2 ตัว ด้าน
ประสิทธิภาพใช้ชิป MediaTek Dimensity 8300-Ultra ซึงอธิบายอย่างง่ายกว่าเป็นซิประดับบน
โดดเด่นเรื่องของการประมวลผลกล้อง รวมถึง AI และ GPU ส่วนแรมเป็นแบบ LPDDR5x และหน่วย
ความจำแบบ UFS 4.0 พร้อมกับระบบระบายความร้อนแบบ Xiaomi Loop LiquidCool


 
แบตเตอรี่ 5000mAh พร้อมชิป Xiaomi Surge G1 ที่ช่วยจัดการแบตเตอรี่ มีระบบชาร์จเร็ว 67W
HyperCharge งานประกอบมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นที่ IP68 ซึ่งเหมาะกับการใช้งานประจำวัน

Al แบบ Xiaomi

Al ที่อยู่ใน Xiaomi HyperOS มีอยู่หลายส่วนไม่ใช่แค่การถ่ายรูป ส่วนแรกคือการผนวก Gemini
เข้าไปในตัวระบบ ทำให้เราสามารถค้นหาข้อมูลหรือสอบถามสิ่งต่างๆ จาก Gemini ของ Google
ได้ ด้วยการถ่ายรูป การพิมพ์ หรือการพูดถามไปตรงๆ เลย ถัดมาก็คือ Circle to Search ที่วงไปบน
หน้าจอเพื่อค้นหาข้อมูลของสิ่งนั้น ซึ่งเบื้องหลังของฟีเจอร์นี้ก็คือ Google ครับ
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือ AI Interpreter ที่เป็นการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ซึ่งรองรับการแปลผ่าน
การโทรด้วย 

 


โดยมี AI Photo Edit ที่สามารถลบสิ่งแปลกปลอม รวมถึงขยายขอบเขต
ของรูปออกไป และยังมี AI ส่วนอื่นๆ อีก เช่น AI Message Assistant ที่ใช้ Gemini ช่วยเขียนข้อความ, Al
Recorder ส่าหรับถอดเสียงเป็นข้อความ, AI Note ทำการสรุป แก้ไข หรือแปล, AI Subtitle ทำซับ
ไตเติ้ลให้กับวีดีโอ 

ประสบการณ์ใช้งานจริงประจำวัน

ในชีวิตประจำวันผมชอบเอา Xiaomi 14T ไปถ่ายรูปที่ต่างๆ แทนการใช้งานกล้อง ซึ่งคุณภาพโดย
รวมถือว่าทำได้ดีเลยครับ แต่คาแรกเตอร์ของภาพจะติด Contrast ค่อนข้างหนัก ซึ่งอันนี้ก็อยู่ที่
ความชอบ และผมลองถ่ายอาหารที่มีโทนสีขาว ผลก็คือ Xiaomi 14T สามารถไล่ระดับสีได้ดี ทำให้
แยกวัตถุแต่ละชิ้นได้ชัดเจน ไม่ขาวโพลนกลืนกันหรือวัดแสงเพี้ยน

 
การถ่ายอาหารผมชอบใช้ระยะ 2x หรือเทียบเท่า 50 mm เนื่องจากซีนมันดูบีบมากกว่าระยะ 1x ซึ่ง
ผมมองว่าสวยกว่า

 

และด้วยคุณภาพของเลนส์เทเลที่ให้ความละเอียด 50MP และ f/1.9 ทำให้คุณภาพออกมาดีไม่แพ้
กล้องหลักของหลายๆ รุ่นเลย ผมลองกดซูมตั้งแต่ 0.6 ไปจนถึง 4x ไปจนถึง 20x ก็ถือว่าทำได้ดีนะ
ครับ

 
คุณภาพกล้องหน้า ผมคิดว่าทำได้ดีพอตัวเลยครับ จากที่ลองถ่ายในห้อง สภาพแสงจริงไม่ยิงไฟสตู
ภาพก็ยังให้รายละเอียดที่ดีอยู่
 

ในชีวิตจริงผมไม่ได้โลดโผนอะไรมาก มีแต่เดินห้างกับหาของกิน รูปถ่ายในชีวิตจริงเลยมีไม่กี่อย่าง
แต่ที่ช่วยให้น่าสนใจขึ้นก็คือโหมดจำลองเลนส์รูปแบบต่างๆ ของ LEICA ที่ทำให้การ Portrait สนุก
ขึ้น
 
 
 ในการถ่ายวีดีโอ ผมคิดว่าระบบกันสั่นต่างๆ ทำได้ดีพอสำหรับการใช้งานจริง โดยสามารถถ่าย 4K
ได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง กล้องหลังไปได้ถึง 60fps แต่กล้องหน้าได้ 30fps ซึ่งเราก็มีของให้เล่น
หลายสิ่ง โดยในโหมด Video จะมี MasterCinema ที่ตั้งค่าให้ผลลัพธ์ออกแนวภาพยนตร์ ส่วน
Movie Mode จะช่วยให้ผลลัพธ์เหมือนการถ่ายหนังเข้าไปอีกทั้งการโฟกัสและการเบลอหลัง
และสิ่งที่ผมชม Xiaomi มาตลอดก็คือ Photo Editor ที่สามารถใช้ AI ช่วยเปลี่ยนท้องฟ้าได้ ไม่ต้อง
กลัววันที่ฟ้าครึ้มหรือฝนตก และนอกจากจะทำบิ้วตี้ให้หล่อสวยตั้งแต่หัวจรดเท้าได้แล้ว ยังมีการปรับ
แต่งเพื่อสัตว์เลี้ยงที่เรารักได้ด้วย เพิ่มความคมชัดของเส้นขนและความสว่างได้ด้วย รวมถึงการ
แก้ไขโบเก้ด้วย Al



ด้านประสิทธิภาพการใช้งาน ผมคิดว่าเป็นมือถืออีกรุ่นที่ทำออกมาดีมาก จากที่ผมได้ใช้งานจริง
ถ่ายรูป ถ่ายคลิป เล่นเกม ตามที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ยังไม่พบอาการร้อนเลยแม้แต่น้อย แต่ทั้งนี้ผม
ใช้งานในบ้านนะครับ ไม่ได้เอาไปเดินตากแดดนานๆ
 
มีต่อในเม้น