สารบัญ
ตอนที่ 1 ลาก่อนอิตาลี สวัสดี โฮจิมินท์ โดฮา ออสโล ไอซ์แลนด์!!!
http://ppantip.com/topic/33537568
ตอนที่ 2 เฉียดตายในพายุหิมะ ภายใต้แสงเหนือที่มองไม่เห็น
http://ppantip.com/topic/33540516
ตอนที่ 3 แทมมี่ เพื่อนใหม่ผู้มาพร้อมกับแสงอาทิตย์
http://ppantip.com/topic/33548182
ตอนที่ 4 ทะเลสาป Myvatn และความหวังที่เริ่มริบหรี่
http://ppantip.com/topic/33556293
ตอนที่ 5 ออโรร่าจัง เราจะได้เจอกันไหม
http://ppantip.com/topic/33564350
ตอนที่ 6 วงแหวนทองคำ และบินลัดฟ้าสู่ออสโล
http://ppantip.com/topic/33589832/
ตอนสุดท้าย พายุฝน และออโรร่าที่แรงที่สุดในรอบสิบปี
http://ppantip.com/topic/33624823
วันที่เจ็ด
//ลายแทงสมบัติ...ซึ่งจริงๆ พวกเราไปได้แค่ Jokulsarlon//
เคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘Anything that can go wrong, will go wrong’ ไหมครับ เป็นประโยคที่อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเราในช่วงวันสองวันต่อจากนี้ได้เป็นอย่างดี
ผมตื่นขึ้นพร้อมกับท้องฟ้าที่ขมุกขมัวและเริ่มมีหิมะตก พวกเรามารวมตัวกันทานข้าวเช้าก่อนจะเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม สองสาวเอเชียที่เจอกันที่บ่อน้ำร้อนจะอยู่เที่ยวต่อในทะเลสาป myvatn อีกวัน ส่วนพวกเราก็กำลังจะเดินทางจาก Myvatn ขับเรื่อยลงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ เป็นวันที่เอกต้องขับรถไกลที่สุดซึ่งผมคาดการณ์ว่าอาจต้องใช้เวลาทั้งวัน ระยะประมาณกรุงเทพ-ขอนแก่น เป้าหมายหนึ่งเดียวในวันนี้จึงมีแค่การไปให้ถึงทะเลสาปที่มีก้อนน้ำแข็งลอยตุ๊บป่องนามว่า “Jokulsarlon” ก่อนพระอาทิตย์จะตก แทมมี่จะขับตามเราไปประมาณเกือบครึ่งทางก่อนที่จะแยกตัวไปพักในเมืองเล็กๆ ที่อยู่ทางชายฝั่งด้านตะวันออก
พอขับรถออกมาได้สักพัก พวกเราก็เหมือนนั่งไทม์แมชชีนกลับไปวันแรกที่มาถึงไอซ์แลนด์ หิมะตกหนัก และลมแรงจนบังคับพวกมาลัยลำบาก แต่พวกเราก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป จากหิมะเปลี่ยนมาเป็นฝน สลับกันไป บางครั้งมีฟิจเจอริ่งตกมาทั้งหิมะทั้งฝนก็มี เออ...เอาให้เต็มที่ ตกได้ตกไป!!!
เมื่อไม่มีอะไรทำนอกจากนั่งลุ้นให้พายุหยุดและรถไม่ไถลตกถนน
ผมเลยควักมือถือมาเปิดดูพยากรณ์แสงเหนือ ปรากฎว่าคืนนี้เขาทำนายว่าจะมี KP 5 ครับ!!! โอ้ว มายพระพุทธเจ้า ผมรีบบอกทุกคนในรถ “เฮ้ย วันนี้ KP 5 !!!” (แถมเครื่องหมายตกใจให้อีกร้อยอัน)
ผมเลื่อนหน้าจอเพื่อดูพยากรณ์เมฆเพิ่มเติม ปรากฎว่าตรงบริเวณเลียบชายฝั่งไม่ไกลจากที่พักในวันนี้ พอจะมีพื้นที่สีขาวให้เราได้ลุ้น “ดูดิ แถวโรงแรมมีสีขาวด้วย!!!!” (เอาตกใจไปอีกร้อยอัน สองร้อยเลยก็ได้เอ๊า) ทุกคนดูมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย แต่พายุเจ้ากรรมก็ยังคงสาดทั้งหิมะทั้งฝนใส่พวกเราแบบไม่หยุดยั้ง เวปรายงานสภาพถนนก็เริ่มอัพเดทสีของถนนจากสีฟ้า (ถนนลื่น) เป็นสีฟ้าเข้ม (ถนนลื่นโคตรๆ) หรือบางช่วงก็กลายเป็นสีแดง (อยากแข็งตายก็ขับเข้ามา)
พวกเราก็ได้แต่อดทนท่องเอาไว้ว่า ‘KP 5 คืนนี้ๆ’ ชีวิตมันต้องไม่ย่ำแย่ไปตลอดหรอกใช่ป่ะ
ผมตัดสินใจแวะพักครึ่งทางที่ “Egilsstadir” เมืองใหญ่ที่สุดในแถบตะวันออก พอถึงปั๊มพวกเราก็สุมหัววางแผนปรับเปลี่ยนเส้นทางกันใหม่ เพราะในเวปถนนเปลี่ยนสีกันให้วุ่นไปหมด บางเส้นจิ้มไปดูเวปแคม โอ้... ขาวโพลน ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหิมะปลิวว่อน พวกเราช่วยแทมมี่ดูแผนที่เพิ่มเติมเพราะไปคนละทางกัน
เผื่อทุกคนจะลืม นี่ก็เป็นที่ซึ่งแทมมี่กับพวกเราจะต้องจากกันแล้ว ณ ปั๊มน้ำมันในเมืองชื่อแปลกๆ ท่ามกลางเม็ดฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ถึงแม้จะร่วมทางกับแทมมี่มาแค่สามวัน แต่พอถึงเวลาโบกมือบ๊ายบาย ผมก็รู้สึกใจหายอยู่ดี พายุหิมะทำให้พวกเรามาเจอกัน ตอนจะร่ำลาพวกเราก็จากกันท่ามกลางพายุเหมือนเดิม ใจจริงผมอยากให้แทมมี่ไปเที่ยวต่อด้วยกัน แต่เธอเองก็จองโรงแรมไปเรียบร้อยแล้ว อีกอย่างเธอตั้งใจว่าจะมาเที่ยวด้วยตัวคนเดียว ผมเลยไม่อยากเป็นตัวการทำแผนของเธอรวน หรือไปทำลายความภาคภูมิใจในการเที่ยวแบบลุยเดี่ยวของแทมมี่ มันก็คงเหลือทางเลือกเดียวคือต้องกล่าวคำอำลา พอพูดๆ ไปผมก็น้ำตาจะไหล (....เฮ้ย) ขอหยิบผ้าเช็ดหน้าแป๊บครับ (....เฮ้ย) อันที่จริงดนตรีบรรเลงตอนนี้ต้องค่อยๆ ดังขึ้นแล้วนะครับเนี่ย
เฮ้ย!!! จะลากเข้าฉากดราม่าทำไมมมมมม
อ้าว... โอเค
...ขอโทษครับ
เรื่องจริงคือทุกคนขึ้นรถ พวกเราแลก facebook กันไว้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ที่เหลือก็แค่โบกมือบ๊ายบาย แล้วต่างฝ่ายก็ต่างอวยพรให้เดินทางปลอดภัย และได้เจอแสงเหนือ KP 5 ในคืนนี้... จบครับ แหะๆ ง่ายๆ แบบนั้นแหละ เธอทิ้งท้ายว่าสักวันเธอจะมาเที่ยวเมืองไทย และให้พวกเราพาเที่ยวเสียให้เข็ด
[CR] เจ็ดสหายผจญภัยวิ่งไล่แสงเหนือ ตอนที่ 5 ออโรร่าจัง เราจะได้เจอกันไหม
ตอนที่ 1 ลาก่อนอิตาลี สวัสดี โฮจิมินท์ โดฮา ออสโล ไอซ์แลนด์!!! http://ppantip.com/topic/33537568
ตอนที่ 2 เฉียดตายในพายุหิมะ ภายใต้แสงเหนือที่มองไม่เห็น http://ppantip.com/topic/33540516
ตอนที่ 3 แทมมี่ เพื่อนใหม่ผู้มาพร้อมกับแสงอาทิตย์ http://ppantip.com/topic/33548182
ตอนที่ 4 ทะเลสาป Myvatn และความหวังที่เริ่มริบหรี่ http://ppantip.com/topic/33556293
ตอนที่ 5 ออโรร่าจัง เราจะได้เจอกันไหม http://ppantip.com/topic/33564350
ตอนที่ 6 วงแหวนทองคำ และบินลัดฟ้าสู่ออสโล http://ppantip.com/topic/33589832/
ตอนสุดท้าย พายุฝน และออโรร่าที่แรงที่สุดในรอบสิบปี http://ppantip.com/topic/33624823
เคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘Anything that can go wrong, will go wrong’ ไหมครับ เป็นประโยคที่อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเราในช่วงวันสองวันต่อจากนี้ได้เป็นอย่างดี
ผมตื่นขึ้นพร้อมกับท้องฟ้าที่ขมุกขมัวและเริ่มมีหิมะตก พวกเรามารวมตัวกันทานข้าวเช้าก่อนจะเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม สองสาวเอเชียที่เจอกันที่บ่อน้ำร้อนจะอยู่เที่ยวต่อในทะเลสาป myvatn อีกวัน ส่วนพวกเราก็กำลังจะเดินทางจาก Myvatn ขับเรื่อยลงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ เป็นวันที่เอกต้องขับรถไกลที่สุดซึ่งผมคาดการณ์ว่าอาจต้องใช้เวลาทั้งวัน ระยะประมาณกรุงเทพ-ขอนแก่น เป้าหมายหนึ่งเดียวในวันนี้จึงมีแค่การไปให้ถึงทะเลสาปที่มีก้อนน้ำแข็งลอยตุ๊บป่องนามว่า “Jokulsarlon” ก่อนพระอาทิตย์จะตก แทมมี่จะขับตามเราไปประมาณเกือบครึ่งทางก่อนที่จะแยกตัวไปพักในเมืองเล็กๆ ที่อยู่ทางชายฝั่งด้านตะวันออก
พอขับรถออกมาได้สักพัก พวกเราก็เหมือนนั่งไทม์แมชชีนกลับไปวันแรกที่มาถึงไอซ์แลนด์ หิมะตกหนัก และลมแรงจนบังคับพวกมาลัยลำบาก แต่พวกเราก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป จากหิมะเปลี่ยนมาเป็นฝน สลับกันไป บางครั้งมีฟิจเจอริ่งตกมาทั้งหิมะทั้งฝนก็มี เออ...เอาให้เต็มที่ ตกได้ตกไป!!!
เมื่อไม่มีอะไรทำนอกจากนั่งลุ้นให้พายุหยุดและรถไม่ไถลตกถนน
ผมเลยควักมือถือมาเปิดดูพยากรณ์แสงเหนือ ปรากฎว่าคืนนี้เขาทำนายว่าจะมี KP 5 ครับ!!! โอ้ว มายพระพุทธเจ้า ผมรีบบอกทุกคนในรถ “เฮ้ย วันนี้ KP 5 !!!” (แถมเครื่องหมายตกใจให้อีกร้อยอัน)
ผมเลื่อนหน้าจอเพื่อดูพยากรณ์เมฆเพิ่มเติม ปรากฎว่าตรงบริเวณเลียบชายฝั่งไม่ไกลจากที่พักในวันนี้ พอจะมีพื้นที่สีขาวให้เราได้ลุ้น “ดูดิ แถวโรงแรมมีสีขาวด้วย!!!!” (เอาตกใจไปอีกร้อยอัน สองร้อยเลยก็ได้เอ๊า) ทุกคนดูมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย แต่พายุเจ้ากรรมก็ยังคงสาดทั้งหิมะทั้งฝนใส่พวกเราแบบไม่หยุดยั้ง เวปรายงานสภาพถนนก็เริ่มอัพเดทสีของถนนจากสีฟ้า (ถนนลื่น) เป็นสีฟ้าเข้ม (ถนนลื่นโคตรๆ) หรือบางช่วงก็กลายเป็นสีแดง (อยากแข็งตายก็ขับเข้ามา)
พวกเราก็ได้แต่อดทนท่องเอาไว้ว่า ‘KP 5 คืนนี้ๆ’ ชีวิตมันต้องไม่ย่ำแย่ไปตลอดหรอกใช่ป่ะ
ผมตัดสินใจแวะพักครึ่งทางที่ “Egilsstadir” เมืองใหญ่ที่สุดในแถบตะวันออก พอถึงปั๊มพวกเราก็สุมหัววางแผนปรับเปลี่ยนเส้นทางกันใหม่ เพราะในเวปถนนเปลี่ยนสีกันให้วุ่นไปหมด บางเส้นจิ้มไปดูเวปแคม โอ้... ขาวโพลน ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหิมะปลิวว่อน พวกเราช่วยแทมมี่ดูแผนที่เพิ่มเติมเพราะไปคนละทางกัน
เผื่อทุกคนจะลืม นี่ก็เป็นที่ซึ่งแทมมี่กับพวกเราจะต้องจากกันแล้ว ณ ปั๊มน้ำมันในเมืองชื่อแปลกๆ ท่ามกลางเม็ดฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ถึงแม้จะร่วมทางกับแทมมี่มาแค่สามวัน แต่พอถึงเวลาโบกมือบ๊ายบาย ผมก็รู้สึกใจหายอยู่ดี พายุหิมะทำให้พวกเรามาเจอกัน ตอนจะร่ำลาพวกเราก็จากกันท่ามกลางพายุเหมือนเดิม ใจจริงผมอยากให้แทมมี่ไปเที่ยวต่อด้วยกัน แต่เธอเองก็จองโรงแรมไปเรียบร้อยแล้ว อีกอย่างเธอตั้งใจว่าจะมาเที่ยวด้วยตัวคนเดียว ผมเลยไม่อยากเป็นตัวการทำแผนของเธอรวน หรือไปทำลายความภาคภูมิใจในการเที่ยวแบบลุยเดี่ยวของแทมมี่ มันก็คงเหลือทางเลือกเดียวคือต้องกล่าวคำอำลา พอพูดๆ ไปผมก็น้ำตาจะไหล (....เฮ้ย) ขอหยิบผ้าเช็ดหน้าแป๊บครับ (....เฮ้ย) อันที่จริงดนตรีบรรเลงตอนนี้ต้องค่อยๆ ดังขึ้นแล้วนะครับเนี่ย
เฮ้ย!!! จะลากเข้าฉากดราม่าทำไมมมมมม
อ้าว... โอเค
...ขอโทษครับ
เรื่องจริงคือทุกคนขึ้นรถ พวกเราแลก facebook กันไว้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ที่เหลือก็แค่โบกมือบ๊ายบาย แล้วต่างฝ่ายก็ต่างอวยพรให้เดินทางปลอดภัย และได้เจอแสงเหนือ KP 5 ในคืนนี้... จบครับ แหะๆ ง่ายๆ แบบนั้นแหละ เธอทิ้งท้ายว่าสักวันเธอจะมาเที่ยวเมืองไทย และให้พวกเราพาเที่ยวเสียให้เข็ด