[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ถ้าหัวข้อกระทู้แรงไป ต้องขอประทานโทษ ด้วยนะคะ
เผอิญ เจ้าของยูทูปใช้ชื่อนี้ เลยไม่อยากไปเปลี่ยน
เป็นไปได้มั้ย ถ้าผมจะบอกว่า พระเยซูมาเพื่อยกเลิกศาสนา.....
เป็นไปได้มั้ย ถ้าผมจะบอกว่า พระองค์เสด็จมารับการ โหวตในการเลือกตั้ง... จริงๆ หรือ...
ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ภาระกิจพระองค์.....
เพราะว่าการเข้าศาสนาอย่างอัตโนมัต ทำตามๆกัน ไม่ได้หมายถึงคริสเตียน
ถ้าศาสนาดีเยี่ยม ทำไมถึงได้เกิดสงครามมากมาย บนโลกนี้
ถ้าศาสนาดีเยี่ยม สร้างตึกอาคาร ใหญ่โต แต่ ลืมคนยากคนจน ใช่หรือ...
บอก ! Single mom พระเจ้าไม่ได้รักเขาหรือ ทำไมถึงได้มีการหย่าร้างขึ้น
พระเจ้าในธรรมบัญญัติเดิมเรียกคนที่พึ่งศาสนาว่าโสเภณี(หญิงแพศยา)
ถ้าศาสนาดีเยี่ยม มีคำสอน และ ข้อปฏิบัติ กฏเกณฑ์ ต่างๆ
ทำไมบางคนถึงหัวเราะ ยอห์น แบ๊พติศ ทำไมบางคนมีปัญหา ก็ซ่อนปัญหาเอาไว้ หรือ อำพรางไว้ ปัญหาถึงไม่ได้ถูกแก้
ปัญหาหลักๆของศาสนาคือ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นแก่นแท้ เที่ยงแท้ นิรันดร์
เหมือนอะไรที่เป็นลิส ยาวๆ ให้เราปฏิบัติ 1 2 3 4 .....
เหมือนการสวมใส่เสื้อผ้า ที่ภายนอกดูดี สวยงาม ดูขลัง น่าเคารพ นับถือ
ซึ่งตลกมาก ..... มันก็ไม่ต่างอะไร กับซากศพ ที่มีผ้าพันรอบๆ เหมือนกับมัมมี่
ผม ไม่ได้มาตัดสินใคร แค่บอกให้ระวัง กับความจอมปลอมภายนอก
อย่าให้คนทั่วไป รู้ว่าเราเชื่อพระเยซูคริสต์ผ่านทางเฟสบุคเท่านั้น แต่ให้รู้จักพระองค์ได้ ผ่านชีวิตจริงของเรา
อย่าให้จันทร์-เสาว์ เราดำเนินชีวิตอีกอย่าง แต่พอไปโบสถ์วันอาทิตย์อีกอย่าง
อย่าเชื่อพระเจ้า ติดตามพระเจ้าเฉพาะวันอาทิตย์ที่ไปโบสถ์เท่านั้น
อย่าเชื่อพระเยซูคริสต์แค่ภายนอก แต่ให้ออกมาจากภายในจิตใจของเรา
ผมรู้จักพระเยซูคริสต์ ผมสามารถอ้างถึงความอ่อนแอ ของผมได้
เพราะพระคุณของพระองค์ดั่งน้ำมากหลาย มากกว่าโบสถ์ ที่มีมากมายดั่งมหาสมุทร
พิพิธพันธ์ไม่ได้มีไว้เพื่อคนดีเท่านั้น หรือ โรงพยาบาลไม่ได้มีไว้เพื่อคนเจ็บคนป่วยเท่านั้น
ผมซ่อนอยู่ในความล้มเหลวได้ไม่นาน ผมไม่สามารถซ่อนบาปของผมได้
เพราะว่าความรอด และการไถ่บาป ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตัวผม แต่ ขึ้นอยู่ที่พระเยซูคริสต์
เพราะว่าเมื่อก่อน ผมเคยเป็นศัตรูของพระเจ้า แน่นอนพระองค์ไม่ใช่แฟนคลับของผม
พระองค์มองมาที่ผม แล้ว ตรัสว่า * I want that man *
ซึ่งแตกต่างจากคนในศาสนา
Dont’t you see hes so much better than just following some rules?
ผมขอขยายความให้ฟังเพิ่มเติม ผมรักโบสถ์ ผมรักพระคัมภีร์ ผมเชื่อเรื่องความบาป
แต่คำถามของผมก็คือ ถ้าหากพระเยซูอยู่ที่นี่วันนี้ คุณจะต้อนรับพระองค์เข้าไปในโบสถ์มั้ย..
แต่อย่าลืมว่า พระองค์ทรงเรียก คนที่รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ คนที่โลกปฏิเสธ เช่น คนติดสุรา คนละโมบ คนบาป
ศาสนาเรียกคนเหล่านี้ว่า เป็นคนไม่ดี เป็นคนบาป เขาติดสุรา โลภมักได้
The Son of God not supported self-righteousness not now , not then
กลับสู่หัวข้ออีกครั้ง หนึ่งอย่าง ที่ผมจะกล่าวถึงก็คือ
พระเยซู และ ศาสนา ทำในสิ่งตรงข้ามกัน เหมือนเส้นคู่ขนาน
ศาสนามนุษย์สร้างขึ้น แต่ พระเยซูคริสต์ ทำภาระกิจเพื่อพระบิดาที่ทรงใช้มา
พระเยซูคริสต์ มาเพื่อปลดปล่อยฝ่ายจิตวิญญาณ และ ช่วยกู้มนุษย์ให้รอด
ศาสนา เกิดมาเพื่อ ให้หลักปฏิบัติ กฎเกณฑ์ กฎบัญญัติ กระทำไปเรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุด
ในการแสวงหา เพื่อรับการหลุดพ้น ออกแรง และพยายามรักษากฎนั้นไว้ให้ได้ ด้วยตนเอง
แต่พระเยซูคริสต์ พระองค์ตรัสว่า สำเร็จแล้ว ที่พระองค์
Because Religion say do , Jesus says done.
Religion says slave. แต่พระเยซูคริสต์ตรัส บุตรชาย บุตรหญิง ของเรา
ศาสนา เหมือนโซ่ตรวน พันธนาการ ผูกมัด เหมือนทาส
แต่พระเยซูคริสต์บอก เราปลดปล่อยเจ้า จากทาสเป็นไท
ศาสนาทำให้เราตาบอดฝ่ายวิญญาณ แต่ พระเยซูคริสต์ทำให้เราเห็นความสว่าง และ ความจริง
ศาสนา และ พระเยซูคริสต์ จึงแตกต่างกัน ระหว่างสองฝ่าย
ศาสนา หมายถึง มนุษย์มองหาพระเจ้าของเขา หรือ แสวงหาทางไปสู่จุดสูงสุดในเส้นทางนั้นๆ
แต่ตรงกันข้าม พระเยซูคริสต์ทรงมองหาพวกเขา (คนที่เชื่อในพระองค์ บังเกิดใหม่ กลับใจใหม่)
นั่นคือความรอด ซึ่งมอบให้กับเราทั้งหลาย โดยพระคุณ ความรัก เพื่อเรารับการยกโทษบาปทุกประเภท
ผ่านทางพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ความพยายามของเราเอง แต่เป็นการเชื่อและวางใจในพระองค์
เพราะว่า พระเยซูคริสต์ ที่กางเขน ได้ไถ่เราโดยโลหิตของพระองค์ เรียบร้อยแล้ว นี่คือพระคุณ ที่เราไม่สมควรจะได้รับ
ขณะคนทั้งหลายได้ เยาะเย้ย พระองค์ที่การเขนนั้น พระองค์ตรัสว่าต่อพระบิดาว่า ได้โปรดยกโทษให้คนเหล่า นั้นเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร
เพราะเวลานั้นพระองค์ ไม่ได้คิดถึงตัวเองเลย คิดถึงแต่มนุษย์ เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เสรีภาพ จากบาปเป็นไท และได้รับการช่วยกู้ให้รอด
พูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม นี่แหล่ะ ทำให้ผมเกลียดศาสนา
เพราะพระเยซู ได้กล่าวไว้ว่า * สำเร็จแล้ว * ที่กางเขน ซึ่งผมก็เชื่อเช่นนั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ บางคอมเม้นท์ที่ยูทูป
( Sara B )
Christianity is a FAITH not a religion. All you need to do is BELIEVE. A religion requires you to change the way you act socially and politically to please God (wear certain clothes/ live a certain lifestyle/ not eat certain foods) whereas Jesus Christ only requires you to love and accept and forgive. That is it.
God so loved the world
เราผู้เชื่อรับด้วยใจขอบพระคุณ เอเมน ...
Why I Hate Religion, But Love Jesus
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เป็นไปได้มั้ย ถ้าผมจะบอกว่า พระเยซูมาเพื่อยกเลิกศาสนา.....
เป็นไปได้มั้ย ถ้าผมจะบอกว่า พระองค์เสด็จมารับการ โหวตในการเลือกตั้ง... จริงๆ หรือ...
ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ภาระกิจพระองค์.....
เพราะว่าการเข้าศาสนาอย่างอัตโนมัต ทำตามๆกัน ไม่ได้หมายถึงคริสเตียน
ถ้าศาสนาดีเยี่ยม ทำไมถึงได้เกิดสงครามมากมาย บนโลกนี้
ถ้าศาสนาดีเยี่ยม สร้างตึกอาคาร ใหญ่โต แต่ ลืมคนยากคนจน ใช่หรือ...
บอก ! Single mom พระเจ้าไม่ได้รักเขาหรือ ทำไมถึงได้มีการหย่าร้างขึ้น
พระเจ้าในธรรมบัญญัติเดิมเรียกคนที่พึ่งศาสนาว่าโสเภณี(หญิงแพศยา)
ถ้าศาสนาดีเยี่ยม มีคำสอน และ ข้อปฏิบัติ กฏเกณฑ์ ต่างๆ
ทำไมบางคนถึงหัวเราะ ยอห์น แบ๊พติศ ทำไมบางคนมีปัญหา ก็ซ่อนปัญหาเอาไว้ หรือ อำพรางไว้ ปัญหาถึงไม่ได้ถูกแก้
ปัญหาหลักๆของศาสนาคือ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นแก่นแท้ เที่ยงแท้ นิรันดร์
เหมือนอะไรที่เป็นลิส ยาวๆ ให้เราปฏิบัติ 1 2 3 4 .....
เหมือนการสวมใส่เสื้อผ้า ที่ภายนอกดูดี สวยงาม ดูขลัง น่าเคารพ นับถือ
ซึ่งตลกมาก ..... มันก็ไม่ต่างอะไร กับซากศพ ที่มีผ้าพันรอบๆ เหมือนกับมัมมี่
ผม ไม่ได้มาตัดสินใคร แค่บอกให้ระวัง กับความจอมปลอมภายนอก
อย่าให้คนทั่วไป รู้ว่าเราเชื่อพระเยซูคริสต์ผ่านทางเฟสบุคเท่านั้น แต่ให้รู้จักพระองค์ได้ ผ่านชีวิตจริงของเรา
อย่าให้จันทร์-เสาว์ เราดำเนินชีวิตอีกอย่าง แต่พอไปโบสถ์วันอาทิตย์อีกอย่าง
อย่าเชื่อพระเจ้า ติดตามพระเจ้าเฉพาะวันอาทิตย์ที่ไปโบสถ์เท่านั้น
อย่าเชื่อพระเยซูคริสต์แค่ภายนอก แต่ให้ออกมาจากภายในจิตใจของเรา
ผมรู้จักพระเยซูคริสต์ ผมสามารถอ้างถึงความอ่อนแอ ของผมได้
เพราะพระคุณของพระองค์ดั่งน้ำมากหลาย มากกว่าโบสถ์ ที่มีมากมายดั่งมหาสมุทร
พิพิธพันธ์ไม่ได้มีไว้เพื่อคนดีเท่านั้น หรือ โรงพยาบาลไม่ได้มีไว้เพื่อคนเจ็บคนป่วยเท่านั้น
ผมซ่อนอยู่ในความล้มเหลวได้ไม่นาน ผมไม่สามารถซ่อนบาปของผมได้
เพราะว่าความรอด และการไถ่บาป ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตัวผม แต่ ขึ้นอยู่ที่พระเยซูคริสต์
เพราะว่าเมื่อก่อน ผมเคยเป็นศัตรูของพระเจ้า แน่นอนพระองค์ไม่ใช่แฟนคลับของผม
พระองค์มองมาที่ผม แล้ว ตรัสว่า * I want that man *
ซึ่งแตกต่างจากคนในศาสนา
Dont’t you see hes so much better than just following some rules?
ผมขอขยายความให้ฟังเพิ่มเติม ผมรักโบสถ์ ผมรักพระคัมภีร์ ผมเชื่อเรื่องความบาป
แต่คำถามของผมก็คือ ถ้าหากพระเยซูอยู่ที่นี่วันนี้ คุณจะต้อนรับพระองค์เข้าไปในโบสถ์มั้ย..
แต่อย่าลืมว่า พระองค์ทรงเรียก คนที่รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ คนที่โลกปฏิเสธ เช่น คนติดสุรา คนละโมบ คนบาป
ศาสนาเรียกคนเหล่านี้ว่า เป็นคนไม่ดี เป็นคนบาป เขาติดสุรา โลภมักได้
The Son of God not supported self-righteousness not now , not then
กลับสู่หัวข้ออีกครั้ง หนึ่งอย่าง ที่ผมจะกล่าวถึงก็คือ
พระเยซู และ ศาสนา ทำในสิ่งตรงข้ามกัน เหมือนเส้นคู่ขนาน
ศาสนามนุษย์สร้างขึ้น แต่ พระเยซูคริสต์ ทำภาระกิจเพื่อพระบิดาที่ทรงใช้มา
พระเยซูคริสต์ มาเพื่อปลดปล่อยฝ่ายจิตวิญญาณ และ ช่วยกู้มนุษย์ให้รอด
ศาสนา เกิดมาเพื่อ ให้หลักปฏิบัติ กฎเกณฑ์ กฎบัญญัติ กระทำไปเรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุด
ในการแสวงหา เพื่อรับการหลุดพ้น ออกแรง และพยายามรักษากฎนั้นไว้ให้ได้ ด้วยตนเอง
แต่พระเยซูคริสต์ พระองค์ตรัสว่า สำเร็จแล้ว ที่พระองค์
Because Religion say do , Jesus says done.
Religion says slave. แต่พระเยซูคริสต์ตรัส บุตรชาย บุตรหญิง ของเรา
ศาสนา เหมือนโซ่ตรวน พันธนาการ ผูกมัด เหมือนทาส
แต่พระเยซูคริสต์บอก เราปลดปล่อยเจ้า จากทาสเป็นไท
ศาสนาทำให้เราตาบอดฝ่ายวิญญาณ แต่ พระเยซูคริสต์ทำให้เราเห็นความสว่าง และ ความจริง
ศาสนา และ พระเยซูคริสต์ จึงแตกต่างกัน ระหว่างสองฝ่าย
ศาสนา หมายถึง มนุษย์มองหาพระเจ้าของเขา หรือ แสวงหาทางไปสู่จุดสูงสุดในเส้นทางนั้นๆ
แต่ตรงกันข้าม พระเยซูคริสต์ทรงมองหาพวกเขา (คนที่เชื่อในพระองค์ บังเกิดใหม่ กลับใจใหม่)
นั่นคือความรอด ซึ่งมอบให้กับเราทั้งหลาย โดยพระคุณ ความรัก เพื่อเรารับการยกโทษบาปทุกประเภท
ผ่านทางพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ความพยายามของเราเอง แต่เป็นการเชื่อและวางใจในพระองค์
เพราะว่า พระเยซูคริสต์ ที่กางเขน ได้ไถ่เราโดยโลหิตของพระองค์ เรียบร้อยแล้ว นี่คือพระคุณ ที่เราไม่สมควรจะได้รับ
ขณะคนทั้งหลายได้ เยาะเย้ย พระองค์ที่การเขนนั้น พระองค์ตรัสว่าต่อพระบิดาว่า ได้โปรดยกโทษให้คนเหล่า นั้นเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร
เพราะเวลานั้นพระองค์ ไม่ได้คิดถึงตัวเองเลย คิดถึงแต่มนุษย์ เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เสรีภาพ จากบาปเป็นไท และได้รับการช่วยกู้ให้รอด
พูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม นี่แหล่ะ ทำให้ผมเกลียดศาสนา
เพราะพระเยซู ได้กล่าวไว้ว่า * สำเร็จแล้ว * ที่กางเขน ซึ่งผมก็เชื่อเช่นนั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
God so loved the world
เราผู้เชื่อรับด้วยใจขอบพระคุณ เอเมน ...