สืบเนื่องจากกระแสดราม่า มาม่า ขนาดใหญ่ในโลกโซเซียลเกี่ยวกับรายการ The Star ค้าฟ้าคว้าดาว ปี 11 ปีนี้นับเป็นนับว่าเป็นปีประวัติศาสตร์ของรายการประกวดร้องเพลง reality เมืองไทยก็ว่าได้เมื่อมีผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบ 3 คนสุดท้ายเป็นหญิงล้วนเป็นครั้งแรก เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก คิดมาตลอดว่าสิ่งนี้จะเป็นไปได้เฉพาะในเวทีประกวดต่างประเทศ

แต่เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมากลับมีกระแสเกิดขึ้นอย่างรุนแรงเรื่องการ ทุ่มโหวต จากครอบครัวผู้เข้าแข่งขัน ทีแรกกระแสโซเซียลเริ่มโจมตีไปทางฝ่ายชาย 1 ใน 4 คนสุดท้ายแต่เมื่อผู้ชายคนเดียวที่เหลืออยู่ตกรอบไปหวยจึงมาตกที่ผู้หญิง 1 ใน 3 ที่เหลือและยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นหลังวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเมื่อเธอคนนั้นผ่านเข้าไปสู้รอบชิงชนะเลิศทั้งๆที่หลายคน ค้านสายตา กับโชว์บนเวทีที่เธอทำได้ไม่พีคในสัปดาห์นั้นและหลายๆสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับผู้เข้าประกวดคนอื่นที่ตกรอบไป กระแสยิ่งแรงขึ้นทวีคูณเมื่อมีการพูดเชิงเหน็บแนมจาก commentator ของรายการเองออกอากาศสดและพิธีกรของรายการเองโพสในโซเซียลในเชิงที่ชวนให้คิดว่าปีนี้มีการ ทุ่มโหวต อย่างจริงจัง

ในฐานะผู้ชมที่เป็นแฟนรายการประเภทนี้แทบทุกรายการและแฟนคลับตัวยงของเดอะสตาร์ที่ติดตามมาตั้งแต่ปีแรกและติดตามปีนี้มากเป็นพิเศษเพราะอยากร่วมเชียร์และสนับสนุนน้องๆผู้หญิงทีมีความสามาถให้มีอนาคตดีๆในวงการ เห็นด้วยกับการคัดค้านเรื่องการทุ่มโหวต ไม่ชอบการเปิดโอกาสให้ ทุ่มไม่อั้นมาแต่ไหนแต่ไร แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เห็นด้วยกับการแก้ที่ปลายเหตุด้วยการสร้างตราบาป ให้ผู้เข้าแข่งขันอย่างที่เป็นอยู่ อยากเห็นการปฎิรูปอย่างจริงจังสำหรับรายการประเภทนี้ไม่ว่าเวทีประกวดไหน อยากให้ตั้งกติกาที่เข้มงวดเพื่อที่จะป้องการการใช้เงิน ทุ่ม ลักษณะนี้ไม่ว่าจากกลุ่มแฟนคลับหรือใครก็ตาม ทำไมผู้ใหญ่ที่มีอำนาจตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับทางรายการไม่ลองพิจารณากติกาตัวเองและแก้ไขที่ต้นเหตุ แทนที่จะปล่อยให้ผู้เข้าแข่งขันตกเป็นเหยื่อสังคมอย่างทีเห็น แพะรับบาป อย่างนี้มีให้เห็นแทบทุกปีและกระแสด้านลบที่เกิดขึ้นซ้ำๆซากๆ ทางแก้ที่ดีที่สุดที่ทำได้ไม่ยากคือแก้ไขกติกาการโหวต

1. กำหนดเลยว่าให้โหวตได้เฉพาะหลังผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้ายร้องจบในสัปดาห์นั้นๆ และให้โหวตกันได้ไม่เกินข้ามคืนอย่างมากสุด
2. กำหนดให้โหวตได้เพียง 1-5 ครั้งในแต่ละช่องทาง โทรออก ส่ง sms และผ่าน application ต่อ 1 เบอร์โทร

ถ้าหากจะทำจริงๆก็ทำได้ไม่ยากแต่รายการไม่เลือกที่จะทำเอง ด้วยเหตุผลทางธุรกิจและเม็ดเงินมหาศาลที่จะต้องสูญเสียไป อีกเหตุผลนึงคงเพราะตัองการสร้าง loyalty ในหมู่แฟนคลับในระยะยาวเพื่อต่อยอดทางธุรกิจเมื่อรายการจบลง ดังนั้นเสียงโหวตจาก คนไทยทั้งประเทศ จริงๆจึงแทบไร้ความหมายเมื่อเทียบกับการทุ่มโหวตด้วยเม็ดเงินมหาศาลจากคนไทยกลุ่มเล็กมากๆเพียงหยิบมือ ในที่สุดแล้วต้องทำใจหากรักจะดูรายการแบบนี้ต่อไป คงจะต้องทนเห็นผู้เข้าประกวดที่ความสามาถบนเวทีค้านสายตากับคะแนนโหวตที่ออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโปรดให้ความเป็นธรรมต่อตัวผู้เข้าแข่งขันที่เดินเข้ามาประกวดด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อสานฝันของตัวเอง พวกเขาไม่สามาถโหวตให้ตัวเองได้ระหว่างการแข่งขันและเท่าที่เห็นพวกน้องๆก็ตั้งใจทำโชว์สุดความสามาถทุกคน ไม่มีใครสมควรจะต้องตกเป็นเหยื่อสังเวยความเกลียดชังไม่ว่าจะเพราะอารมณ์ส่วนตัวของใครหรือเพราะการตลาดใดๆก็ตาม หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากระแสครั้งนี้จะไม่ใช่เพราะเหตุผลอย่างหลัง เพราะถ้าใช่ต้องขอเรียกภาษาชาวบ้านว่าเป็น marketing strategy ที่ เสื่อม มากไร้จรรยาบรรณของมืออาชีพอย่างสิ้นเชิง ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆที่เข้าประกวดทุกคน ขออย่าท้อและหมั่นพัฒนาตัวเองต่อไปเมื่อได้รับโอกาสตรงนี้