อยากให้ลองอ่านดู

กระทู้คำถาม
เรื่อง   ฤดูกาลนั้น จะกลับมาอีกครั้งได้ไหม

จดหมายถึงคนฤดูหนาว
    สายลมพัดพาความหนาว ผ่านผิวผ้าเข้าไปถึงในหัวใจ     ใบไม้ปลิดปลิวร่วงลงสู่พื้นดิน  เหลือแต่กิ่งก้านสีน้ำตาลยืนต้นเดียวดาย เหมือนภาพวาดของจิตรกรที่เคยเห็นไม่มีผิด   ความเย็นของฤดูหนาวทำให้โรงเรียนประจำจังหวัดแห่งนี้  ละลานตาไปด้วยสีสันของเสื้อกันหนาวให้ความรู้สึกสดใส  เหมือนเป็นฤดูที่ทุกคนต่างเฝ้ารอคอย  ลืมความเฉอะแฉะแต่ชุ่มฉ่ำของฤดูฝนไปก่อน   สำหรับฉันแล้วจะมีฤดูกาลไหนที่มีความสุขเท่านี้ล่ะ   ได้นอนซุกตัวอุ่นๆอยู่ใต้ผ้าห่ม  
    แต่ต้องตื่นเช้ามาโรงเรียนนี่สิ!  แค่คิดบรรยากาศสดใสตรงหน้าก็เริ่มกลับมาสู่สภาพเดิม
    โรงเรียนประจำจังหวัดที่มีนักเรียนจากทั่วสารทิศทั้งมัธยมต้นและมัธยมปลาย    มีบริเวณกว้างขวาง กินเนื้อที่หลายไร่   รอบข้างเป็นโรงเรียนในฝัน   และวิทยาลัยเทคนิค  ตรงข้ามเป็นโรงเรียนเอกชนที่ค่าเทอมแพงหูดับ   และมีแต่ลูกคุณหนูถักหางเปียแบบพจมานเดินกันขวักไขว่
    “เถลิงประเทศชาติไทย  ทวีมีชัยชโย”  เสียงเพลงท่อนสุดท้ายจบลง  พร้อมเสียงพูดคุยกันอย่างเซ็งแซ่ทั้งเด็กวิทย์และเด็กศิลป์  ฉลองวันจันทร์ที่ไม่ได้เจอเพื่อนในวันหยุด
    มัทนา  เด็กสาวรูปร่างสูงโปร่ง  ผิวสีน้ำผึ้ง   มีเสน่ห์ที่รอยยิ้มกว้างเปิดเผย  เธอเรียนอยู่สายศิลป์ที่โรงเรียนแห่งนี้
    สายตาของมัทนากำลังมองไปที่วงโยธวาทิตของโรงเรียนที่มีใครคนหนึ่งทำหน้าที่อยู่ในนั้น  ใครคนนั้นที่รบกวนจิตใจมาตลอด   และเขาก็มองมาที่เธอเช่นกัน
    ทุกอย่างดูเหมือนจะเริ่มต้นจากวันนั้น  
_______________________________________________________________________
    วันที่ฉันย้ายเข้ามาเรียนมัธยมปลายที่นี่ได้ 1 เดือนแล้ว
“มัทขอเบอร์หน่อยสิ”   วินธัย  เพื่อนชายร่วมห้องพูด  พร้อมยื่นโทรศัพท์มาให้

    “ได้ๆ” ฉัน  กดเบอร์โทรศัพท์ให้โดยไม่คิดอะไร
    วินธัย  หรือ วิน เด็กหนุ่มห้องเดียวกันผู้ที่ทำให้ชีวิตของฉันได้รู้จักกับความรู้สึกบางอย่างของวัยแรกสาว
    ใครจะรู้ว่าเส้นทางของเราที่เป็นเหมือนเส้นขนานจะมาบรรจบกัน  ด้วยความรู้สึกว้าวุ่นของวัยหรือชะตาบันดาลก็ยากจะคาดเดา  หลังจากวันนั้นเราสองก็สนิทกันมากขึ้น   และผูกพันกันด้วยสิ่งของแทนใจ
    “ลองใส่ให้ดูหน่อย”    วินธัยพูดขึ้นในห้องเรียนภาษาอังกฤษ   ที่เราทั้งสองคนมักนั่งข้างกันบ่อยๆ  ฉันเลขที่เกือบสุดท้ายด้วยความที่ไม่ชอบนั่งเรียนหลังห้องเลยขออาจารย์มานั่งข้างหน้า  และวินก็เป็นเลขที่ 1   ของห้อง
    ฉันคว้าแหวนเงินกลมเกลี้ยงมาสวมที่นิ้วนางข้างขวาของตนเองทันทีอย่างไม่คิดอะไรหรือเรียกง่ายๆว่าไม่อยากคิดอะไร
    “ได้พอดีเลยอะ”  ฉันพูดขึ้น
    “เราให้เธอ” วินธัยตอบพร้อมส่งยิ้มด้วยแววตายินดีเป็นอย่างยิ่งมาให้
    “เฮ้ยยยย  อะแฮ่มๆสองคนนี้ยังไงอะไรกันวะ "  ซาไกร  เด็กหนุ่มผิวคล้ำรูปร่างอ้วน  เพื่อนสนิทที่สุดของวินธัยพูดขึ้น
    เสียงเพื่อนๆในห้องต่างเฮดังลั่น  และตรงเข้ามาล้อเลียนทั้งสองกันใหญ่  ฉันอายจนทำอะไรไม่ถูก  หลังเหตุการณ์นี้เราก็ถูกล้อว่าเป็นแฟนกันเรื่อยมา
    "สำหรับฉันฤดูหนาวที่หนาวเหน็บคงไม่หนาวอีกต่อไปแล้ว  เมื่อความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่