เห็นมีคนแชร์เรื่องเสียเพื่อนเพราะธุรกิจนี้กันเยอะ ไม่คิดว่าจะเกิดกับตัวเองเลยครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมคลุกคลีกับธุรกิจประเภทนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว จะมีรูปแบบคล้าย ๆ กันหมด ชักจูงให้สนใจทำ หาเครือข่าย สู่อิสรภาพทางการเงิน ฯลฯ ซึ่งผมไม่ได้มองว่าธุรกิจประเภทนี้ไม่ดี แต่ต้องตั้งใจทำและชอบที่จะทำจริง ๆ จึงจะสำเร็จ สำหรับผมถ้ายี่ห้อไหนสินค้าดีก็มีซื้อใช้บ้าง แต่ผมเป็นคนไม่ชอบการประชุม สัมมนา เลยไม่อยากเกี่ยวข้องในเชิงลึกกับธุรกิจแบบนี้มากนัก
เข้าเรื่องเลยละกันนะครับ เมื่อประมาณปีที่แล้ว เพื่อนผมสมัยมัธยมที่ค่อนข้างสนิทโทรเข้ามา บอกว่าจะชวนไปงานสัมมนาวิชาการอะไรสักอย่างที่ต่างจังหวัดเป็นเพื่อนหน่อย เพราะมันไม่มีคนรู้จักเลย ค้างโรงแรม 1 คืน จะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด รับ-ส่งให้ด้วย ผมฟังก็รู้สึกตะหงิด ๆ แล้วล่ะ ว่ามันคงใช่ แต่ก็เชื่อใจเพื่อนว่ามันคงไม่หลอกเรา ก็เอาวะ ยอมไปกับมันดู ปรากฏว่าไป.. ก็ใช่จริง ๆ ครับ
ตลอดเวลาที่อยู่ที่งานนั้น ทุกอย่าง ทุกเรื่อง ทุกคำ ที่ออกจากปากมัน มีแต่เรื่องธุรกิจ คือจะคุยกับกูในฐานะเพื่อนสักคำก็ได้นะ อันนี้ไม่มีเลย พูดแต่เรื่องว่ามันดียังงั้นยังงี้ ให้ลิสต์รายชื่อเพื่อนในโทรศัพท์ออกมาให้หมด ให้ชวนทุกคน เอาคนใหญ่คนโตมาพูดบนเวที ริบโทรศัพท์มือถือไม่ให้ถ่ายภาพ คือ โคตรอึดอัดมาก จากเพื่อนที่รู้จักกันมา 10 กว่าปี กลายเป็นใครไม่รู้ที่เหมือนเราไม่เคยรู้จักมันเลย และที่สำคัญ ไม่มีคำขอโทษ จากปากมัน ที่มันหลอกเรามาฟัง ทุกคนในงานมันรู้จักหมด เป็นคนในเครือข่าย อัพไลน์บ้าง ดาวน์ไลน์บ้าง เนื้อหาในการสัมมนาก็เหมือนสูตรสำเร็จขายตรงทั่ว ๆ ไป ใช้จิตวิทยา ดึงความอ่อนแอในใจ ผลักดันให้สู้ เพื่อทำลายความจน มุ่งสู่เศรษฐี บูชาเงินทอง ผมก็ตามน้ำไปเรื่อย ๆ รอว่าเมื่อไหร่มันจะจบ
หลังจากกลับมากรุงเทพฯ มันก็พยายามคะยั้นคะยอให้ผมไปฟังอัพไลน์มันอีกรอบ เพื่อจะสมัครสมาชิก ผมก็นิ่ง ๆ ไม่ตอบไลน์ ไม่อ่าน คืออย่างน้อยจะให้มันรู้ตัวบ้างว่ามันผิด ขอโทษสักคำก็ยังดี จนสุดท้ายมันพิมพ์มาว่า "เสนอสิ่งดี ๆ ให้ แต่ไม่เอา มีคนอีกมากมายไม่มีโอกาส อันนี้โอกาสมาแล้ว จะทิ้งก็แล้วแต่.." เท่านั้นแหละครับ ผมฟิวส์ขาด พิมพ์ตอบไปว่า "เออ ตามนั้น จบ" แล้วก็บล็อกมันทุกช่องทาง ไม่คุย ไม่รับสาย ตัดการติดต่ออย่างถาวร
คือไม่น่าเชื่อว่า ธุรกิจประเภทนี้จะเปลี่ยนคนไปได้ขนาดนี้ เพื่อนคบกันมา 10 กว่าปี กลายเป็นคนแปลกหน้า ที่พูดเป็นแต่เรื่องธุรกิจ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้มันต้องโกหก เพื่อให้ผมไปฟัง อย่างไร้สามัญสำนึกขนาดนี้ และคงไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด เพราะไม่ขอโทษ.. ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมการจะชักจูงให้คนไปฟังธุรกิจแบบนี้ จะต้องโกหกกันด้วย.. สุดท้ายก็เลยเสียเพื่อนคนนี้ไป ปัจจุบันก็ยังไม่คุยกัน กลายเป็นคนไม่รู้จักกันไปแล้ว
สุดท้ายนี้ขอย้ำนะครับว่า ไม่ได้โทษที่ลักษณะธุรกิจ ธุรกิจประเภทนี้ ไม่ใช่ไม่ดี แต่มันอยู่ที่วิธีการของผู้ทำธุรกิจ ใช้วิธีการที่สุจริตมันก็ดีไป แต่วิธีการแย่ ๆ มันบั่นทอนความไว้เนื้อเชื่อใจลงไปทุกวัน ๆ ..บางทีคนเราก็ไม่ได้อยากรวยทุกคนนะครับ ความสุขในการใช้ชีวิตต่างหาก ที่สำคัญที่สุด..
ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง เสียเพื่อนเพราะธุรกิจขายตรง
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมคลุกคลีกับธุรกิจประเภทนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว จะมีรูปแบบคล้าย ๆ กันหมด ชักจูงให้สนใจทำ หาเครือข่าย สู่อิสรภาพทางการเงิน ฯลฯ ซึ่งผมไม่ได้มองว่าธุรกิจประเภทนี้ไม่ดี แต่ต้องตั้งใจทำและชอบที่จะทำจริง ๆ จึงจะสำเร็จ สำหรับผมถ้ายี่ห้อไหนสินค้าดีก็มีซื้อใช้บ้าง แต่ผมเป็นคนไม่ชอบการประชุม สัมมนา เลยไม่อยากเกี่ยวข้องในเชิงลึกกับธุรกิจแบบนี้มากนัก
เข้าเรื่องเลยละกันนะครับ เมื่อประมาณปีที่แล้ว เพื่อนผมสมัยมัธยมที่ค่อนข้างสนิทโทรเข้ามา บอกว่าจะชวนไปงานสัมมนาวิชาการอะไรสักอย่างที่ต่างจังหวัดเป็นเพื่อนหน่อย เพราะมันไม่มีคนรู้จักเลย ค้างโรงแรม 1 คืน จะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด รับ-ส่งให้ด้วย ผมฟังก็รู้สึกตะหงิด ๆ แล้วล่ะ ว่ามันคงใช่ แต่ก็เชื่อใจเพื่อนว่ามันคงไม่หลอกเรา ก็เอาวะ ยอมไปกับมันดู ปรากฏว่าไป.. ก็ใช่จริง ๆ ครับ
ตลอดเวลาที่อยู่ที่งานนั้น ทุกอย่าง ทุกเรื่อง ทุกคำ ที่ออกจากปากมัน มีแต่เรื่องธุรกิจ คือจะคุยกับกูในฐานะเพื่อนสักคำก็ได้นะ อันนี้ไม่มีเลย พูดแต่เรื่องว่ามันดียังงั้นยังงี้ ให้ลิสต์รายชื่อเพื่อนในโทรศัพท์ออกมาให้หมด ให้ชวนทุกคน เอาคนใหญ่คนโตมาพูดบนเวที ริบโทรศัพท์มือถือไม่ให้ถ่ายภาพ คือ โคตรอึดอัดมาก จากเพื่อนที่รู้จักกันมา 10 กว่าปี กลายเป็นใครไม่รู้ที่เหมือนเราไม่เคยรู้จักมันเลย และที่สำคัญ ไม่มีคำขอโทษ จากปากมัน ที่มันหลอกเรามาฟัง ทุกคนในงานมันรู้จักหมด เป็นคนในเครือข่าย อัพไลน์บ้าง ดาวน์ไลน์บ้าง เนื้อหาในการสัมมนาก็เหมือนสูตรสำเร็จขายตรงทั่ว ๆ ไป ใช้จิตวิทยา ดึงความอ่อนแอในใจ ผลักดันให้สู้ เพื่อทำลายความจน มุ่งสู่เศรษฐี บูชาเงินทอง ผมก็ตามน้ำไปเรื่อย ๆ รอว่าเมื่อไหร่มันจะจบ
หลังจากกลับมากรุงเทพฯ มันก็พยายามคะยั้นคะยอให้ผมไปฟังอัพไลน์มันอีกรอบ เพื่อจะสมัครสมาชิก ผมก็นิ่ง ๆ ไม่ตอบไลน์ ไม่อ่าน คืออย่างน้อยจะให้มันรู้ตัวบ้างว่ามันผิด ขอโทษสักคำก็ยังดี จนสุดท้ายมันพิมพ์มาว่า "เสนอสิ่งดี ๆ ให้ แต่ไม่เอา มีคนอีกมากมายไม่มีโอกาส อันนี้โอกาสมาแล้ว จะทิ้งก็แล้วแต่.." เท่านั้นแหละครับ ผมฟิวส์ขาด พิมพ์ตอบไปว่า "เออ ตามนั้น จบ" แล้วก็บล็อกมันทุกช่องทาง ไม่คุย ไม่รับสาย ตัดการติดต่ออย่างถาวร
คือไม่น่าเชื่อว่า ธุรกิจประเภทนี้จะเปลี่ยนคนไปได้ขนาดนี้ เพื่อนคบกันมา 10 กว่าปี กลายเป็นคนแปลกหน้า ที่พูดเป็นแต่เรื่องธุรกิจ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้มันต้องโกหก เพื่อให้ผมไปฟัง อย่างไร้สามัญสำนึกขนาดนี้ และคงไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด เพราะไม่ขอโทษ.. ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมการจะชักจูงให้คนไปฟังธุรกิจแบบนี้ จะต้องโกหกกันด้วย.. สุดท้ายก็เลยเสียเพื่อนคนนี้ไป ปัจจุบันก็ยังไม่คุยกัน กลายเป็นคนไม่รู้จักกันไปแล้ว
สุดท้ายนี้ขอย้ำนะครับว่า ไม่ได้โทษที่ลักษณะธุรกิจ ธุรกิจประเภทนี้ ไม่ใช่ไม่ดี แต่มันอยู่ที่วิธีการของผู้ทำธุรกิจ ใช้วิธีการที่สุจริตมันก็ดีไป แต่วิธีการแย่ ๆ มันบั่นทอนความไว้เนื้อเชื่อใจลงไปทุกวัน ๆ ..บางทีคนเราก็ไม่ได้อยากรวยทุกคนนะครับ ความสุขในการใช้ชีวิตต่างหาก ที่สำคัญที่สุด..