ผมเคยแอนตี้ธุรกิจขายตรงเอามากๆ แต่ลองมองดูดีๆ ธุรกิจแบบนี้ก็พาคนประสพความสำเร็จไปไม่น้อย (การมีอิสรภาพทางการเงิน) ถ้ามองให้ลึกๆ ผมเกลียดวิธีการนำเสนอ (ชักจูง) ของผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้มากกว่า
ไม่รู้ว่าใครริเริ่มวิธีการขาย นำเสนอ ที่ชวน เสียเพื่อน เอาง่ายๆ แบบนี้ แน่นอนเวลาเริ่มขาย เราต้องขายคนรู้จักก่อน เพื่อนๆนี่แหละกลุ่มลูกค้ารายแรกๆเลย ที่ถูกหมายหัว (มันก็ถูกนะ) แต่ในความเป็นจริง ธุรกิจกะเพื่อน ผมมองว่าเป็นคนละเรื่องกันเลยนะ เพื่อนทางธุรกิจจริงๆมันไม่มีนะ มันมีแต่การตกลงผลประโยชน์ที่ลงตัวมากกว่า เลยมาทำธุรกิจร่วมกัน
ในกรณีที่ผมเจอ กะเพื่อนๆที่สนิททั้งสมัย ประถม มัธยม กริ๊ง...กร๊าง...ง กันมา ไงว่ะเมิง สบายดีไหมว่ะ ทำไรอยู่ช่วงนี้ การงานเป็นไงบ้าง พ่อแม่สบายดีไหม ยังพักอยู่ที่เดิมหรือเปล่า (ถามสารทุกข์ สุกดิบ แบบผิดสังเกตเอามากๆ) ปกติ แนวๆเพื่อนผู้ชาย แบบไม่มีเรื่องร้องขอ ก็อย่าหวังว่าจะเห็นหัวเห็นตัวกัน แต่นี่จะเป็นห่วงไรกันนักหนา โทรมา ไม่เว้นวัน อยากเจอ อยากคุยด้วย (เมิงมีอะไรพูดมาตรงๆเลย กรูชักรู้แกวแล้ว) จนปัจจุบันนี้ผมทักไลน์ ทักเฟส เพื่อนเก่าๆ ต้องออกตัวก่อนอันดับแรกว่า ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ได้ขายตรง ทักทายเฉยๆ
แล้วพวกนี้มักชอบปกปิด ไม่อยากให้รู้ว่าตัวเองทำไรอยู่ จนกว่าจะชักจูงให้ไปฟังสัมมนาให้ได้ เคยแซวเพื่อนเรื่องขายตรงในเม้นท์ของเฟส ลบกันออกแทบไม่ทัน แบบไม่บอกกล่าวด้วย (ไหนว่าดีไง ทำไมต้องปกปิด) เคยถึงขนาดพารุ่นพี่ (น่าจะเป็นอัพไลน์) มาหว่านล้อม ชักจูงถึงที่ร้าน (แต่ไม่ซื้อ ไม่อุดหนุนกันเลย แถมมาเสียบไฟ ใช้คอมเล่นเนต ซะงั้น) แบบอยากทำธุรกิจกะเค้า อยากดึงเค้ามาเป็น ดาวน์ไลน์ แต่ไม่ลงทุนกันเลย เกินไปเนอะ...
“ ชอบบอกว่าไม่ใช่งานขาย ” แล้วที่เมิงกำลังสาธิต ยาสีฟัน แชมพู น้ำยาสารพัดประโยชน์ นี่ไม่ใช่งานขายเลยเน๊อะ...อ
“ ไม่ใช่ธุรกิจที่เสี่ยงอะไรเลย ไม่ต้องลงทุน “ ( เมื่อกี้ถามว่าชุดทดสอบ เค้าแจกฟรีเหรอ เห็นบอกว่าต้องซื้อนะ ...งง นี่ไม่ใช่เงินลงทุนเหรอ ) แล้วไหนจะ เวลาที่ต้องเสียไปกับการขับรถไปตระเวนหาเพื่อนเก่าๆ ค่าน้ำมัน ค่าชุดทดสอบผลิตภัณฑ์ ทั้งหมดนี้แหละครับ ที่ผมเรียกว่าเงินทุนและความเสี่ยง ที่เราต้องแบกรับ
พอเราปฏิเสธหนักๆเข้า จนแทบจะทะเลาะกัน (เกือบเสียเพื่อนกันเลยทีเดียว) จนเค้ารู้ว่าคงโน้มน้าวใจเราไม่สำเร็จ หายครับ...หาย...ความเป็นห่วงเป็นใยต่อตัวเรา พ่อแม่เรา พี่น้องเรา ความเอื้ออาทรทั้งหมดทั้งมวล หายไปไหนหมดอ่ะ...แสดงว่าเรื่องที่ผ่านมามันขาดไปอย่างเดียว คือ.....“ความจริงใจ “
เพื่อนกันก็บอกไปตรงๆ น่าจะดีกว่านะผมว่า อย่าทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน แค่การนำเสนอแบบไม่จริงใจผมก็ว่าจบตั้งแต่เริ่มแล้วนะ...จะว่าไปไม่เคยเจอนะครับเพื่อนที่ทำขายตรง แบบเดินเข้ามาบอกดื้อๆเลย ว่า เห้ย เราขายตรงว่ะ ช่วยมาฟังสัมมนากะเราหน่อย เดี๋ยวเลี้ยงกาแฟ อย่างน้อยอุดหนุนเครื่องกรองน้ำก็ดีนะ ช่วยหน่อย เดี๋ยวลดราคาพิเศษ แถนโน่น แถมนี่ให้ บลา ๆ ๆ... หรือมาเป็นดาวน์ไลน์หน่อยดินะขอร้อง สมัครไว้ขำๆก็ได้ ถ้าขายดีก็ค่อยทำจริงจังกันไป แบบนี้ตรงดีนะ แบบเพื่อนๆกันดีออก แต่ส่วนมาก มาแนวเดียวกันเป๊ะ ตำราเล่มเดียวกัน แก๊กเดิมๆ คือเริ่มต้นด้วยความห่วงใย ( แหยะ อ่ะ ) เมิงจะมาจีบกรูเหรอ....
***ธุรกิจขายตรง ไม่ได้แย่ !...แต่มันแย่ที่วิธีการนำเสนอ (ชักจูง) ที่ขาดความจริงใจ***
ไม่รู้ว่าใครริเริ่มวิธีการขาย นำเสนอ ที่ชวน เสียเพื่อน เอาง่ายๆ แบบนี้ แน่นอนเวลาเริ่มขาย เราต้องขายคนรู้จักก่อน เพื่อนๆนี่แหละกลุ่มลูกค้ารายแรกๆเลย ที่ถูกหมายหัว (มันก็ถูกนะ) แต่ในความเป็นจริง ธุรกิจกะเพื่อน ผมมองว่าเป็นคนละเรื่องกันเลยนะ เพื่อนทางธุรกิจจริงๆมันไม่มีนะ มันมีแต่การตกลงผลประโยชน์ที่ลงตัวมากกว่า เลยมาทำธุรกิจร่วมกัน
ในกรณีที่ผมเจอ กะเพื่อนๆที่สนิททั้งสมัย ประถม มัธยม กริ๊ง...กร๊าง...ง กันมา ไงว่ะเมิง สบายดีไหมว่ะ ทำไรอยู่ช่วงนี้ การงานเป็นไงบ้าง พ่อแม่สบายดีไหม ยังพักอยู่ที่เดิมหรือเปล่า (ถามสารทุกข์ สุกดิบ แบบผิดสังเกตเอามากๆ) ปกติ แนวๆเพื่อนผู้ชาย แบบไม่มีเรื่องร้องขอ ก็อย่าหวังว่าจะเห็นหัวเห็นตัวกัน แต่นี่จะเป็นห่วงไรกันนักหนา โทรมา ไม่เว้นวัน อยากเจอ อยากคุยด้วย (เมิงมีอะไรพูดมาตรงๆเลย กรูชักรู้แกวแล้ว) จนปัจจุบันนี้ผมทักไลน์ ทักเฟส เพื่อนเก่าๆ ต้องออกตัวก่อนอันดับแรกว่า ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ได้ขายตรง ทักทายเฉยๆ
แล้วพวกนี้มักชอบปกปิด ไม่อยากให้รู้ว่าตัวเองทำไรอยู่ จนกว่าจะชักจูงให้ไปฟังสัมมนาให้ได้ เคยแซวเพื่อนเรื่องขายตรงในเม้นท์ของเฟส ลบกันออกแทบไม่ทัน แบบไม่บอกกล่าวด้วย (ไหนว่าดีไง ทำไมต้องปกปิด) เคยถึงขนาดพารุ่นพี่ (น่าจะเป็นอัพไลน์) มาหว่านล้อม ชักจูงถึงที่ร้าน (แต่ไม่ซื้อ ไม่อุดหนุนกันเลย แถมมาเสียบไฟ ใช้คอมเล่นเนต ซะงั้น) แบบอยากทำธุรกิจกะเค้า อยากดึงเค้ามาเป็น ดาวน์ไลน์ แต่ไม่ลงทุนกันเลย เกินไปเนอะ...
“ ชอบบอกว่าไม่ใช่งานขาย ” แล้วที่เมิงกำลังสาธิต ยาสีฟัน แชมพู น้ำยาสารพัดประโยชน์ นี่ไม่ใช่งานขายเลยเน๊อะ...อ
“ ไม่ใช่ธุรกิจที่เสี่ยงอะไรเลย ไม่ต้องลงทุน “ ( เมื่อกี้ถามว่าชุดทดสอบ เค้าแจกฟรีเหรอ เห็นบอกว่าต้องซื้อนะ ...งง นี่ไม่ใช่เงินลงทุนเหรอ ) แล้วไหนจะ เวลาที่ต้องเสียไปกับการขับรถไปตระเวนหาเพื่อนเก่าๆ ค่าน้ำมัน ค่าชุดทดสอบผลิตภัณฑ์ ทั้งหมดนี้แหละครับ ที่ผมเรียกว่าเงินทุนและความเสี่ยง ที่เราต้องแบกรับ
พอเราปฏิเสธหนักๆเข้า จนแทบจะทะเลาะกัน (เกือบเสียเพื่อนกันเลยทีเดียว) จนเค้ารู้ว่าคงโน้มน้าวใจเราไม่สำเร็จ หายครับ...หาย...ความเป็นห่วงเป็นใยต่อตัวเรา พ่อแม่เรา พี่น้องเรา ความเอื้ออาทรทั้งหมดทั้งมวล หายไปไหนหมดอ่ะ...แสดงว่าเรื่องที่ผ่านมามันขาดไปอย่างเดียว คือ.....“ความจริงใจ “
เพื่อนกันก็บอกไปตรงๆ น่าจะดีกว่านะผมว่า อย่าทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน แค่การนำเสนอแบบไม่จริงใจผมก็ว่าจบตั้งแต่เริ่มแล้วนะ...จะว่าไปไม่เคยเจอนะครับเพื่อนที่ทำขายตรง แบบเดินเข้ามาบอกดื้อๆเลย ว่า เห้ย เราขายตรงว่ะ ช่วยมาฟังสัมมนากะเราหน่อย เดี๋ยวเลี้ยงกาแฟ อย่างน้อยอุดหนุนเครื่องกรองน้ำก็ดีนะ ช่วยหน่อย เดี๋ยวลดราคาพิเศษ แถนโน่น แถมนี่ให้ บลา ๆ ๆ... หรือมาเป็นดาวน์ไลน์หน่อยดินะขอร้อง สมัครไว้ขำๆก็ได้ ถ้าขายดีก็ค่อยทำจริงจังกันไป แบบนี้ตรงดีนะ แบบเพื่อนๆกันดีออก แต่ส่วนมาก มาแนวเดียวกันเป๊ะ ตำราเล่มเดียวกัน แก๊กเดิมๆ คือเริ่มต้นด้วยความห่วงใย ( แหยะ อ่ะ ) เมิงจะมาจีบกรูเหรอ....