ความเป็นธรรมยังมีอยู่ไหมค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า วันที่ 20 มิ.ย. 2557
น้องสาวของแฟนขับรถไปส่งลูกชายที่ รร และกำลังจะไปทำงาน(น้องสาวแฟนเป็นหมอนะคะ) ในระหว่างที่ขับรถอยู่ได้มีรถยนต์อีกคันขับตามหลังมาแล้วเปิดไฟสูงใส่ บีบแตรไล่ ซึ่งทางน้องแฟนก็ขับไปเรื่อย เพราะคิดว่าเราก็ขับปกติ ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วถ้าเค้าจะแซงก็สามารถแซงได้เพราะเราไม่ได้ขับขวางทาง แต่พอรถคันนั้นแซงไปได้ คนขับก็ขับมาปาดหน้าไปมา จนเราต้องเว้นระยะห่าง เรื่อยๆ แต่ก็ยังตามหลังไป พอจะแซง ทางนั้นก็ไม่ให้แซงค่ะ แต่พอขับไปสักพัก รถคันนั้นก็เบรกกระทันหัน เหมือนจงใจให้น้องแฟนชนค่ะ แต่ด้วยความตกใจและพอจะมีระยะบ้าง จึงหักหลบแต่ก็เฉี่ยวท้ายไปนิดนึง เลยกลายเป็นว่าน้องแฟนชนรถคันหน้าค่ะ แต่เป็นรอยไม่มาก น้องแฟนตกใจนั่งอยู่ในรถไม่กล้าออกไป เพราะคนขับที่เป็นผู้หญิงกับคนที่มาด้วยเป็นผู้ชาย ได้ลงจากรถและเดินปรี่มาที่รถ ผู้ชายทุบกระจกบอกให้น้องแฟนลงไปเคลียร์ค่ะ น้องแฟนก็เห็นว่าเป็นกลางวัน คงไม่น่าจะมีอะไรค่ะ แล้วอีกอย่างก็อยู่ในจุดที่มีผู้คนพอสมควร จึงเปิดประตูรถลงไปค่ะ พอเดินไปดูจุดที่ชน ก็เกิดการต่อว่าขึ้นมาว่าทางน้องแฟนตั้งใจขับชน น้องแฟนปฎิเสธก็ถูกฝ่ายหญิงหาว่าเถียงจากนั้นฝ่ายชายก็ล็อคแขนน้องแฟน เพื่อให้ฝ่ายหญิงตบหน้าค่ะ ตบกี่ครั้งก็ไม่แน่ใจนะคะ เพราะน้องแฟนบอกว่ามึนไปเลยแถมกระชากผมด้วยค่ท่าทางทั้งสองคนแรงมากจนน่ากลัว แต่ดีที่มีพี่ทหารอากาศที่กำลังจะไปทำงานได้เข้ามาห้ามปรามและช่วยดึงน้องแฟนออกมาแล้วให้เข้าไปนั่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจในรถค่ะ ถ้าไม่ได้พี่ทหารคนนั้น ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง จะเกิดอะไรขึ้นมากกว่านี้รึเปล่า จากนั้นพอตำรวจมาถึงที่ ก็เจรจากันไม่ได้ค่ะ เพราะทางน้องแฟนก็ไม่ยอมแล้วค่ะ มาทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ ถ้าเป็นพวกคุณโดนแบบนี้ จะทำยังไงค่ะ พอไปถึง โรงพักน้องแฟนแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายค่ะ แต่ทางคู่กรณีไม่มีทีท่าเกรงกลัว โวยวายเสียงดัง ใช้คำพูดขู่ต่างๆนาๆ พร้อมท้าให้ไปขนญาติมาให้เยอะๆ มีเท่าไหร่ไปเอามาให้หมด ซึ่งตอนนั้นน้องแฟนโทรหาแม่ให้มาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ ทางคู่กรณี อ้างตัวว่าตัวเองเป็นลูกคนใหญ่คนโตในพื้นที่ซึ่งตำแหน่งอะไรก็ไม่ทราบ แต่คิดว่าทางตำรวจน่าจะทราบค่ะ พอตำรวจถามคู่กรณีก็บอกว่าไม่ได้ตบ แต่ถูกทางน้องแฟนทำร้ายร่างกาย จะขอแจ้งความกลับ ทางน้องแฟนไปตรวจร่างกายเพื่อเอาใบรับรองแพทย์มายื่นว่าได้ถูกทำร้ายร่างกายจริง ซึ่งทางนั้นไม่มีร่องรอยอะไร ตำรวจที่โรงพักก็เหมือนไม่สนใจกรณีของน้องแฟนค่ะ บอกให้เช็คกล้องแถวนั้น ตำรวจบอกกล้องเสีย แต่ ทางน้องแฟนมีพยานที่เป็นคนขายอาหารตรงจุดนั้นและพี่ทหารที่เข้ามาช่วย ซึ่งทั้ง 2 ท่านยินดีช่วยเหลือทุกอย่าง และพร้อมมาเป็นพยานเต็มที่ ซึ่งต่างจากอีกฝ่าย แต่สุดท้าย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่ทางนั้นสามารถหาพยานมาได้หลายคนมากค่ะ น้องแฟนได้มีการว่าจ้างทนายความมาเพื่อติดตามกับทางตำรวจ ผ่านไป 3 เดือนแทบไม่มีอะไรคืบหน้า ทนายบอกให้รอ ทางเราก็รอ เพราะไม่รู้จะทำยังไง จนผ่านมาเกือบปีค่ะ เราพยายามถามตามเรื่องกับทางตำรวจที่โรงพัก แต่ทุกอย่างดูล่าช้ามาก เรื่องไม่ยอมส่งฟ้อง จากที่น้องแฟนฟ้องคู่กรณี กลับพลิกผันกลายเป็นตำรวจส่งเรื่องของคู่กรณีขึ้นศาลจนตอนนี้น้องแฟนตกอยู่ในสถานะของจำเลยค่ะ พรุ่งนี้ต้องไปขึ้นศาล ซึ่งทางเราเองก็ได้เตรียมเรื่องการประกันตัวไว้แล้ว จากเหตุการณ์คร่าวๆ ที่เราพิมพ์มาทั้งหมด นี่ก็รวมเวลา 10 เดือน ที่ทางครอบครัวเราพยายามจะถามหาความยุติธรรมว่ามันอยู่ตรงไหน ทางนั้นสืบพยานกี่ปาก ตำรวจรับไว้หมด พอทางเราตำรวจบอกสืบพยานยังไม่ครบ แล้วไม่ยอมยื่นเรื่องที่เราฟ้องคู่กรณีขึ้นศาล สุดท้ายน้องแฟนต้องตกเป็นจำเลย ตอนนี้ทางครอบครัวทั้งเครียดและกังวลนะคะ ว่าเรื่องจะจบยังไง เพราะถ้าจะให้เรายอมความ เราก็มาไกลถึงขนาดนี้แล้ว เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา แถมยังโดนทำร้ายร่างกายอีก ซึ่งเราเองก็คิดว่าคงยอมไม่ได้ค่ะ เพราะไม่อยากให้ คู่กรณีไปทำแบบนี้กับใครอีก อ่อ ลืมบอกค่ะ พอทางนั้นรู้ว่าน้องแฟนเป็นหมอ ก็ให้ผู้ใหญ่โทรมาเคลียร์เพื่อขอยอมความนะคะ แต่ทางเราไม่ยอมค่ะ ทุกท่านลองคิดดูว่าถ้าเกิดคู่กรณีมีอาวุธ มันจะเกิดอะไรขึ้น จากความป่าเถื่อนของคน ที่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง เราเคยเห็นเรื่องราวแบบนี้มากมายในอินเตอร์เนต จากการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่แบบไม่ใส่ใจ จนต้องร้องออกสื่อ คือทางเราอยากรู้ว่าเราต้องยอมให้กับคนที่ทำร้ายร่างกายเราจริงๆ เหรอ มีหน่วยงานไหน สื่อไหน พอจะช่วยเราได้ไหมค่ะ หรือมีใคร จะแนะนำเราได้ไหมว่าควรทำยังไง ถึงจะเอาคนที่ทำร้ายเรามารับผิดได้ ซึ่งตอนนี้ทางนั้นก็อ้างว่าโดนเราทำร้ายร่างกาย ลองคิดดูสิคะ ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว ชับรถมาคนเดียว จะเข้าไปทำร้ายผู้ชายกับผู้หญิงที่มาด้วยกันยังไง พรุ่งนี้ต้องไปขึ้นศาลแล้วค่ะ ก็คงต้องพูดตามความจริงทุกอย่าง ไม่รู้ทางนั้นจะหาหลักฐานเท็จอะไรมารึเปล่า ใครพอมีวิธีช่วยแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณที่สละเวลาอ่านนะคะ
ช่วยด้วยค่ะ ถูกทำร้ายร่างกาย แต่สุดท้ายตกเป็นจำเลย ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า วันที่ 20 มิ.ย. 2557
น้องสาวของแฟนขับรถไปส่งลูกชายที่ รร และกำลังจะไปทำงาน(น้องสาวแฟนเป็นหมอนะคะ) ในระหว่างที่ขับรถอยู่ได้มีรถยนต์อีกคันขับตามหลังมาแล้วเปิดไฟสูงใส่ บีบแตรไล่ ซึ่งทางน้องแฟนก็ขับไปเรื่อย เพราะคิดว่าเราก็ขับปกติ ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วถ้าเค้าจะแซงก็สามารถแซงได้เพราะเราไม่ได้ขับขวางทาง แต่พอรถคันนั้นแซงไปได้ คนขับก็ขับมาปาดหน้าไปมา จนเราต้องเว้นระยะห่าง เรื่อยๆ แต่ก็ยังตามหลังไป พอจะแซง ทางนั้นก็ไม่ให้แซงค่ะ แต่พอขับไปสักพัก รถคันนั้นก็เบรกกระทันหัน เหมือนจงใจให้น้องแฟนชนค่ะ แต่ด้วยความตกใจและพอจะมีระยะบ้าง จึงหักหลบแต่ก็เฉี่ยวท้ายไปนิดนึง เลยกลายเป็นว่าน้องแฟนชนรถคันหน้าค่ะ แต่เป็นรอยไม่มาก น้องแฟนตกใจนั่งอยู่ในรถไม่กล้าออกไป เพราะคนขับที่เป็นผู้หญิงกับคนที่มาด้วยเป็นผู้ชาย ได้ลงจากรถและเดินปรี่มาที่รถ ผู้ชายทุบกระจกบอกให้น้องแฟนลงไปเคลียร์ค่ะ น้องแฟนก็เห็นว่าเป็นกลางวัน คงไม่น่าจะมีอะไรค่ะ แล้วอีกอย่างก็อยู่ในจุดที่มีผู้คนพอสมควร จึงเปิดประตูรถลงไปค่ะ พอเดินไปดูจุดที่ชน ก็เกิดการต่อว่าขึ้นมาว่าทางน้องแฟนตั้งใจขับชน น้องแฟนปฎิเสธก็ถูกฝ่ายหญิงหาว่าเถียงจากนั้นฝ่ายชายก็ล็อคแขนน้องแฟน เพื่อให้ฝ่ายหญิงตบหน้าค่ะ ตบกี่ครั้งก็ไม่แน่ใจนะคะ เพราะน้องแฟนบอกว่ามึนไปเลยแถมกระชากผมด้วยค่ท่าทางทั้งสองคนแรงมากจนน่ากลัว แต่ดีที่มีพี่ทหารอากาศที่กำลังจะไปทำงานได้เข้ามาห้ามปรามและช่วยดึงน้องแฟนออกมาแล้วให้เข้าไปนั่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจในรถค่ะ ถ้าไม่ได้พี่ทหารคนนั้น ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง จะเกิดอะไรขึ้นมากกว่านี้รึเปล่า จากนั้นพอตำรวจมาถึงที่ ก็เจรจากันไม่ได้ค่ะ เพราะทางน้องแฟนก็ไม่ยอมแล้วค่ะ มาทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ ถ้าเป็นพวกคุณโดนแบบนี้ จะทำยังไงค่ะ พอไปถึง โรงพักน้องแฟนแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายค่ะ แต่ทางคู่กรณีไม่มีทีท่าเกรงกลัว โวยวายเสียงดัง ใช้คำพูดขู่ต่างๆนาๆ พร้อมท้าให้ไปขนญาติมาให้เยอะๆ มีเท่าไหร่ไปเอามาให้หมด ซึ่งตอนนั้นน้องแฟนโทรหาแม่ให้มาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ ทางคู่กรณี อ้างตัวว่าตัวเองเป็นลูกคนใหญ่คนโตในพื้นที่ซึ่งตำแหน่งอะไรก็ไม่ทราบ แต่คิดว่าทางตำรวจน่าจะทราบค่ะ พอตำรวจถามคู่กรณีก็บอกว่าไม่ได้ตบ แต่ถูกทางน้องแฟนทำร้ายร่างกาย จะขอแจ้งความกลับ ทางน้องแฟนไปตรวจร่างกายเพื่อเอาใบรับรองแพทย์มายื่นว่าได้ถูกทำร้ายร่างกายจริง ซึ่งทางนั้นไม่มีร่องรอยอะไร ตำรวจที่โรงพักก็เหมือนไม่สนใจกรณีของน้องแฟนค่ะ บอกให้เช็คกล้องแถวนั้น ตำรวจบอกกล้องเสีย แต่ ทางน้องแฟนมีพยานที่เป็นคนขายอาหารตรงจุดนั้นและพี่ทหารที่เข้ามาช่วย ซึ่งทั้ง 2 ท่านยินดีช่วยเหลือทุกอย่าง และพร้อมมาเป็นพยานเต็มที่ ซึ่งต่างจากอีกฝ่าย แต่สุดท้าย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่ทางนั้นสามารถหาพยานมาได้หลายคนมากค่ะ น้องแฟนได้มีการว่าจ้างทนายความมาเพื่อติดตามกับทางตำรวจ ผ่านไป 3 เดือนแทบไม่มีอะไรคืบหน้า ทนายบอกให้รอ ทางเราก็รอ เพราะไม่รู้จะทำยังไง จนผ่านมาเกือบปีค่ะ เราพยายามถามตามเรื่องกับทางตำรวจที่โรงพัก แต่ทุกอย่างดูล่าช้ามาก เรื่องไม่ยอมส่งฟ้อง จากที่น้องแฟนฟ้องคู่กรณี กลับพลิกผันกลายเป็นตำรวจส่งเรื่องของคู่กรณีขึ้นศาลจนตอนนี้น้องแฟนตกอยู่ในสถานะของจำเลยค่ะ พรุ่งนี้ต้องไปขึ้นศาล ซึ่งทางเราเองก็ได้เตรียมเรื่องการประกันตัวไว้แล้ว จากเหตุการณ์คร่าวๆ ที่เราพิมพ์มาทั้งหมด นี่ก็รวมเวลา 10 เดือน ที่ทางครอบครัวเราพยายามจะถามหาความยุติธรรมว่ามันอยู่ตรงไหน ทางนั้นสืบพยานกี่ปาก ตำรวจรับไว้หมด พอทางเราตำรวจบอกสืบพยานยังไม่ครบ แล้วไม่ยอมยื่นเรื่องที่เราฟ้องคู่กรณีขึ้นศาล สุดท้ายน้องแฟนต้องตกเป็นจำเลย ตอนนี้ทางครอบครัวทั้งเครียดและกังวลนะคะ ว่าเรื่องจะจบยังไง เพราะถ้าจะให้เรายอมความ เราก็มาไกลถึงขนาดนี้แล้ว เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา แถมยังโดนทำร้ายร่างกายอีก ซึ่งเราเองก็คิดว่าคงยอมไม่ได้ค่ะ เพราะไม่อยากให้ คู่กรณีไปทำแบบนี้กับใครอีก อ่อ ลืมบอกค่ะ พอทางนั้นรู้ว่าน้องแฟนเป็นหมอ ก็ให้ผู้ใหญ่โทรมาเคลียร์เพื่อขอยอมความนะคะ แต่ทางเราไม่ยอมค่ะ ทุกท่านลองคิดดูว่าถ้าเกิดคู่กรณีมีอาวุธ มันจะเกิดอะไรขึ้น จากความป่าเถื่อนของคน ที่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง เราเคยเห็นเรื่องราวแบบนี้มากมายในอินเตอร์เนต จากการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่แบบไม่ใส่ใจ จนต้องร้องออกสื่อ คือทางเราอยากรู้ว่าเราต้องยอมให้กับคนที่ทำร้ายร่างกายเราจริงๆ เหรอ มีหน่วยงานไหน สื่อไหน พอจะช่วยเราได้ไหมค่ะ หรือมีใคร จะแนะนำเราได้ไหมว่าควรทำยังไง ถึงจะเอาคนที่ทำร้ายเรามารับผิดได้ ซึ่งตอนนี้ทางนั้นก็อ้างว่าโดนเราทำร้ายร่างกาย ลองคิดดูสิคะ ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว ชับรถมาคนเดียว จะเข้าไปทำร้ายผู้ชายกับผู้หญิงที่มาด้วยกันยังไง พรุ่งนี้ต้องไปขึ้นศาลแล้วค่ะ ก็คงต้องพูดตามความจริงทุกอย่าง ไม่รู้ทางนั้นจะหาหลักฐานเท็จอะไรมารึเปล่า ใครพอมีวิธีช่วยแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณที่สละเวลาอ่านนะคะ