Iceland ฟังชื่อแล้วน่าจะหนาว อากาศเป็นยังไงบ้าง?
ที่นี่ได้ชื่อว่า Land of Ice and Fire - Iceland ภูมิประเทศเป็นประเทศที่มีภูเขาไฟและมี ธารน้ำแข็ง (Glacier) จึงเป็นที่มาของดินแดนแห่ง น้ำแข็งและไฟ ซึ่งสภาพอากาศนั้นช่วงหน้าหนาวถือว่าอุ่นกว่าหลายๆประเทศในแถบซีกโลกเหนือด้วยกัน เพราะบริเวณนี้มีกระแสน้ำอุ่นจากมหาสมุทร North Atlantic ช่วยเรื่องอุณหภูมิ หน้าหนาวจะอุณหภูมิประมาณไม่ต่ำกว่า -10C ส่วนหน้าร้อนนั้นก็ร้อนไม่เกิน 20C ฟังดูเหมือนสบายๆ เกาหลี ญี่ปุ่นยังหนาวกว่าอีกนี่ แต่ก็นั้นแหละครับ เพราะกระแสน้ำอุ่นจากมหาสมุทร North Atlantic จะมาเจอกระแสนำเย็นจากมหาสมุทร Arctic จากทางขั้วโลกเหนือที่เกาะนี้พอดี ทำให้อากาศที่นี่แปรปรวนตลอดเวลา เรียกว่าสภาพอากาศเปลี่ยนกันได้ทุกๆ 10นาทีเลยทีเดียว และลมที่นี่ก็แรงมาก เพราะเป็นประเทศที่มีต้นไม้น้อยมากๆ โดยเฉพาะด้านทางใต้ของเกาะ จะมีลมแรงมาก ตลอดทั้งปี สิ่งที่จะทำให้เราหนาวก็คือลมนี่เอง บางทีอุณหภูมิ 1C แต่อาจ feel like ไปได้ถึง -5C หรือต่ำกว่าครับ สภาพอากาศนั้น สามารถเช็คได้ที่
http://en.vedur.is/
แต่งตัวยังไงดี?
คิดจะเที่ยว Iceland แบบลุยๆ อย่าห่วงหล่อ ห่วงสวยมากครับ เน้นแนว sport ไปเลยก็ได้เพื่อความคล่องตัว และด้วยอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เลยอยากแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าเป็นหลายๆชั้น เพื่อที่จะได้ปรับให้เหมาะกับสภาพอากาศครับ สำคัญคือต้องกันลมและกันน้ำ เพราะฝนและหิมะ อาจตกได้ทุกเมื่อ กางเกงกันน้ำแบบสวมทับและรองเท้ากันน้ำหรือแบบ Gore-Tex เตรียมไปเผื่อเดินลุยหิมะก็ดีครับ บางที่ที่ไปมา หิมะสูงเลยหัวเข่าอีก ใส่ยีนส์ไปอาจเปียกกลับมาได้ครับ และจะยิ่งหนาวด้วยถ้ารองเท้าหรือกางเกงเปียก ผ้าสำหรับปิดปากและหมวกสำหรับปิดหู ช่วยได้เยอะครับเวลาลมแรงๆ และถุงมือเน้นแบบหนาๆหน่อยครับอย่าใช้แบบไหมพรมถักที่มีรูเพราะลมจะเข้าได้ ถ้าอยากเตรียม fashion แบบหล่อๆ สวยๆ เผื่อไว้เดินในเมือง Akureyri และ Reykjavik ก็สามารถครับ สรุปการแต่งตัวที่กลุ่มผมเตรียมไปนะครับ สำหรับอากาศช่วงเดือนเมษายน
- หมวกกันหนาวที่ปิดหูได้
- ผ้าพันคอแบบปิดหน้าได้
- แว่นกันแดด
- ชุดลองจอน
- เสื้อสเวทเตอร์ Heattech/Omniheat
- ฟลีท หรือ/และ เสื้อ Down Jacket
- เสื้อกันลมและน้ำ
- ถุงมือแบบหนาๆ จากที่เจอมา Heattech เอาไม่ค่อยอยู่
- กางเกงลองจอน หรือ ยีนส์
- กางเกงกันน้ำ หรือ Gore-tex
- ถุงเท้าหนากันหนาว หรือ Heattech
- รองเท้าแบบกันน้ำ หรือ Gore-tex
ถ้าวันไหนอุ่นก็สามารถถอดบางชั้นออกได้ เช่นไม่ใส่ลองจอนหรือสเวทเตอร์ และใส่แค่ยีนส์ ธรรมดา ส่วนถ้าเมืองไทยแนะนำให้หาซื้อช่วงปลายๆปีหรือต้นๆปีนะครับ เพราะไม่งั้นบางยี่ห้อเช่น Uniqlo, Northface หรือ Columbia อาจโละรุ่นสำหรับลุยหิมะออกไปครับ
ไปเที่ยวช่วงไหนดี?
คนไปเที่ยว Iceland จะเยอะในช่วงหน้าร้อน ซึ่งจะอยู่ตั้งแต่ June-September คนนิยมท่องเที่ยวเยอะในแถบเมืองหลวงและทางใต้ของเกาะ หน้าร้อนนั้นมีข้อดีคือจะได้เห็น Iceland ในแบบสีเขียวและพระอาทิตย์เที่ยงคืน ส่วนช่วงหน้าหนาวนั้นนักท่องเที่ยวจะไม่เยอะมากเพราะการเดินทางที่ลำบากขึ้นและช่วงกลางวันที่สั้นมาก โดยเฉพาะเดือน December นั้นจะเห็นแค่พระอาทิตย์ลอยตามขอบฟ้าไม่กี่ชั่วโมงแค่นั้น แต่สิ่งที่ได้คือ โอกาสในการที่จะเห็นแสงเหนือ (Aurora) ความหนาแน่นของประชากรในประเทศนี้ถือว่าต่ำ ตกประมาณ 3คนต่อตารางกิโลเมตร ขับรถไปบางช่วงจะไม่มีเมืองเลยเป็นระยะหลายร้อยกิโล คนประมาณ 2ใน3 ของประเทศจะอยู่ที่เมือง Reykjavik เมืองหลวงของ Iceland นั้นเอง
เขาไปล่าแสงเหนือกัน แล้วต้องเตรียมยังไงล่ะ?
พยาการณ์แสงเหนือ สามารถติดตามได้ที่
http://en.vedur.is/weather/forecasts/aurora/ สิ่งที่ต้องดูก็คือความแรงของแสงเหนือมีตั้งแต่ระดับ 0-9 จากที่ไปดูมาระดับ 3ก็สามารถเห็นได้แล้วครับ ส่วนที่สำคัญกว่าความแรงของแสงเหนือก็คือ เมฆครับ แรงแค่ไหนฟ้าปิดก็นอนได้เลยครับไม่ต้องรอ แต่อากาศที่นี่เปลี่ยนแปลงบ่อยครับ แนะนำให้ดูพยากรณ์เรื่อยๆครับ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้จนชั่วโมงสุดท้ายเลย อย่าหมดหวังง่ายๆครับ สถานที่ๆเหมาะจะชมแสงเหนือนั้นควรเป็นนอกเมืองที่แสงน้อยๆครับ จะถ่ายรูปออกมาสวยเลยทีเดียว วิธีถ่ายแสงเหนือก็ควรเป็นกล้องระดับ mirrorless หรือ SLR ที่เลนส์สามารถเปิด f ได้กว้างๆ เลนส์ wide เท่าที่จะหาได้ครับ ตั้ง ISO สูงสุดที่คิดว่า noise พอรับได้ และ ขาตั้งกล้องครับ เปิด Manual focus และหาช่วง infinity เลยอันนี้แล้วแต่เลนส์นะครับ ลองศึกษาก่อนไปจะดีมาก เพราะรายละเอียดจริงๆมีถึงขั้นตั้งสี white balance ด้วยเพื่อให้รูปออกมาดีที่สุดครับ สามารถหาอ่านได้จาก
http://www.dennismammana.com/skyinfo/phototips/skyphoto_aurora.htm หรือกระทู้ใน pantip ที่ผ่านๆมาครับ
จะเตรียมเงินสดไปยังไงดี?
หน่วยเงินใช้เป็น Icelandic Króna (ISK) ไม่มี bank ไหนรับแลกในไทยครับ แนะนำให้แลกเป็น Euro ไปแล้วค่อยแปลงเป็น ISK ที่นู่นครับ แต่แลกติดตัวไว้นิดเดียวพอนะครับ เพราะไปที่นู่น 99% รับบัตรเครดิตครับ ส่วนบางที่เขาจะให้กด PIN ก็ให้ใช้ PIN ที่กดเงินสดของบัตรเครดิต ที่เขาให้มาตอนเปิดบัตรใหม่ๆ หรือไม่ก็ถ้าลืมแล้วก็ขอ PIN กับเจ้าหน้าที่บัตรเลยครับ กรอกไปแทน PIN สำหรับรูดได้ครับ แต่ส่วนใหญ่จะแค่กด Accept แล้วเครื่องก็ print slip มาให้เลย (ไม่ถาม PIN) บางที่ก็จะให้เซ็นกำกับในใบ slip ครับไม่มีปัญหาใดๆ รวมทั้งปั๊มน้ำมันแบบ Automatic จากที่ไปมาผมแลกติดตัวไปแค่คนละ 50euro ครับผม ใช้เงินสดสองครั้งคือตอนจ่ายเงินที่โรงแรมในเมือง Seydisfjordur และค่าเข้าหมู่บ้านไวกิ้งครับ ใช้บัตรไหนเรทดี ตามนี้เลยครับ
http://topicstock.ppantip.com/blueplanet/topicstock/2012/08/E12569566/E12569566.html
P.S.ที่ไม่แนะนำให้แลกเงิน ISK ไว้เยอะๆเพราะว่าเราต้องผ่าน Exchange จาก THB>EUR>ISK ครับ เสียค่าส่วนต่างแลกเปลี่ยนหลายต่อเวลาทั้งแลกไปและแลกคืนครับ
เที่ยวรอบเกาะนั้นต้องขับรถระยะทางเท่าไหร่?
ระยะทางสำหรับเส้น ring road หมายเลข 1 นั้นอยู่ที่ประมาณ 1,300km ครับ แต่บางทีต้องออกนอกเส้นทางกันบ้าง รวมๆแล้ว Trip ผมที่ขับตกอยู่ประมาณ 2,000km ครับ ใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด 12วัน ขับรถต่อวันเฉลี่ยนประมาณ 250-300km ครับ วันที่ขับยาวสุดจะอยู่ที่ 370km ถ้าขับรถช่วงหน้าหนาวให้วางแผนเวลาและเผื่อเส้นทางให้ดีนะครับ เพราะช่วงเวลากลางวันสั้นและถนนมักจะปิดบ่อยเพราะหิมะตกหนัก ส่วนหน้าร้อนนั้นก็ระวังขับเพลินนะครับ เพราะกลางวันยาวมากๆ อาจทำให้ล้าโดยไม่รู้ตัวได้
ขับรถที่นี่ต้องระวังอะไรบ้าง?
⁃ ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้เช่ารถ 4x4 ครับ เพราะถนนที่นี่จะดีเฉพาะช่วงตามเมืองเท่านั้น
⁃ F-road นั้นหน้าหนาวจะเข้าไม่ได้ครับ และจะไปได้เฉพาะรถ 4x4 Jeep เท่านั้น ทาง F-road นั้นลุยมากครับมีทั้งลุยลงในแม่น้ำ ลุยทางวิบาก คนที่คิดจะลุย Highland ต้องใช้เส้นนี้ครับ ฝึกวิชาไว้ให้ดีและไปลุยหน้า summer ครับ
⁃ ขับรถชิดขวา แรกๆอาจต้องท่องในใจนิดนึงเวลาจะเลี้ยวว่าเราชิดขวาๆๆๆ ถึงกระนั้นยังแอบมีหลุดบ้างครับ แต่โชคดีที่ประเทศนี้รถน้อยมาก แต่ระวังไว้และมีสติครับ
⁃ การขับรถที่นี่ กฎหมายกำหนดความเร็ว limit speed มี 3ระดับ จำไม่ยากครับและป้ายชัดเจน
• 90km/hr สำหรับถนนระหว่างเมือง
• 80km/hr สำหรับถนนลูกรัง
• 50km/hr สำหรับถนนในเขตเมือง
⁃ กล้องจับความเร็วที่เจอมาจะอยู่ตามเมืองหลวงและรอบๆ ถ้าเช่า GPS ด้วยจะพอช่วยเตือนได้เวลาใกล้ถึงกล้อง พอออกมาไกลหน่อยก็ไม่เจอ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ระวังเจอตำรวจนะครับ ค่าปรับโหดอยู่ ไม่มีพับเล็กๆนะครับ (ในทริปผมมีโดนตำรวจเฉ่งไปรอบนึง ไม่แนะนำให้ทำตามครับ อันนั้นเผลอไปเพราะต้องการหาห้องน้ำด่วนๆ เจอค่าปรับไปทีหายปวดท้องเลย)
⁃ ถนนส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 2เลนครับ เวลาแซงต้องมองรถที่สวนมาดีๆครับส่วนใหญ่จะมีป้ายให้ลดความเร็วก่อนถึงโค้งและเนินที่มองรถข้างหน้าไม่เห็นครับ
⁃ เช็ค road condition ให้ดีว่าสายไหนเปิดหรือปิด หรือสายไหนมีหิมะเยอะ ขับยาก สามารถดูได้จาก
http://www.vegagerdin.is ครับผม update แบบเกือบ realtime ในช่วงเวลา 7:00 - 22:00 บางถนนจะปิดตลอดหน้าหนาวครับ แนะนำให้เช็คก่อนเดินทางทุกวันครับโดยเฉพาะในหน้าหนาว
⁃ เปิดประตูรถให้ระวังลมนะครับ สามารถกระชากประตูกันได้ง่ายๆเลยและอาจโดนค่าซ่อมจาก บริษัทเช่ารถได้นะครับ เพราะเขาจะตรวจตรงประตูเข้มเป็นพิเศษ (เดาว่าเจอประตูพังบ่อย)
⁃ เวลาขับรถเจอถนนที่มีหิมะเยอะๆ อย่าเหยียบเบรกนะครับเวลามันลื่น เพราะอาจทำให้รถปัดได้ แนะนำให้ใช้ gear ต่ำแทน เพื่อลดความเร็วครับ
แล้ว Roaming และ Internet ล่ะทำยังไงดี?
เท่าที่ลองหาข้อมูลมา มือถือค่ายทุกค่ายในไทย ไม่มีโปรโมชั่น Roaming ในประเทศ Iceland ครับผมเลยเลี่ยงไม่ใช้เพราะน่าจะแพงหูฉี่ เลยเช่า Mifi มาแชร์กันแล้วใช้วิธีติดต่อทาง internet เท่านั้น Mifi ที่แนะนำคือของ Trawire ครับ
http://iceland.trawire.com/ ส่วนค่ายมือถือที่นู่นจะแนะนำเป็นของ Siminn ครับ เขาว่าคลอบคลุมที่สุด แต่ถึงกระนั้น นอกเมืองมากๆบางช่วงตามบนภูเขาก็ไม่มีสัญญาณ ได้ครับ เพราะฉะนั้นบางทีการติดต่อระหว่างรถ 2คันที่เช่าจะมีช่วงหลุดหายไปบ้าง แต่ตามที่พักและเมือง มีสัญญาณและ wifi ให้ใช้ครับ
Trip Iceland ที่พวกเราไปกันนี้เป็น Trip ที่เที่ยวรอบเกาะ หลังจากรวมกลุ่มที่อยากไปได้และศึกษาจากทั้งหนังสือ Lonely Planet, Pantip, เพื่อนๆที่เคยไปมาแล้ว และ website ต่างๆมาเป็นเวลาเกือบครึ่งปี เล่นเอาซะคนในทริปเกือบลืมไปแล้วว่าต้องไปเที่ยว เราเพิ่งได้เดินทางไปช่วงวันที่ 8-20 เมษายน 2015 ที่ผ่านมานี่เอง สรุปค่าใช้จ่ายรวมที่พัก เช่ารถ ตั๋วเครื่องบิน และอาหาร อยู่ที่คนละประมาณ 100,000บาท ครับ แบ่งคร่าวๆตามนี้ครับ
• ค่าที่พัก 11คืน 22,310 บาท
• ค่าตั๋วเครื่องบิน TG, SAS และ Icelandair 46,450 บาท
• ค่ากินทั้งกินที่ร้านและซื้อมาทำเอง 17,500 บาท
• ค่าเช่ารถและน้ำมัน 12,860 บาท
• ค่าเข้าสถานที่, Mifi และเบ็ดเตล็ด 5,000 บาท
จะบอกว่ามีค่าที่ต้องเพิ่มเติมสำหรับเตรียมเสื้อผ้ากันน้ำ,รองเท้ากันน้ำและเครื่องกันหนาวอีกตกไปคนละ 10,000-20,000 บาทครับ อันนี้ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันแล้วแต่คนครับเลยขอไม่รวม ส่วนใหญ่คุณผู้หญิงจะเป็นคนที่ค่อนข้างหนาวง่ายครับเลยขอแนะนำให้จัดเครื่องป้องกันความหนาวให้เพียงพอครับ ถ้าไปป่วยที่นู่นจะไม่คุ้มนะครับ ยิ่งถ้าเจอแก๊งชอบถ่ายรูปออกไปล่าแสงเหนือแล้วด้วย อาจมีท้อได้ครับ
อันนี้เป็นทริปแบบไม่ได้กะเอาถูกที่สุด เน้นไปตามที่อยากไปและอยากลองครับ เอาล่ะมาลองดูกันเลยว่าเราไป กิน นอน เที่ยว ที่ไหนกันบ้าง ในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็งครับ
::เพิ่มเติม:: Clip VDO ของทริปที่ผมไปมานะครับ ฝีมือ คุณ Inzagee สำหรับ VDO Clip นี้ครับ (บางช่วงของ clip จะเหมือนรถขับชิดซ้าย เพราะกล้องวางกลับหัวเลยมีการ flip vertical ในโปรแกรมครับ)
เพลงประกอบ Wiz Khalifa - See You Again ft. Charlie Puth
ChattO ที่มา
www.facebook.com/catwannago
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เผื่อใครสนใจติดตาม ig ผมได้ที่ @chat_su ครับผม
[CR] Iceland - Road Trip รอบเกาะ 12วัน
ที่นี่ได้ชื่อว่า Land of Ice and Fire - Iceland ภูมิประเทศเป็นประเทศที่มีภูเขาไฟและมี ธารน้ำแข็ง (Glacier) จึงเป็นที่มาของดินแดนแห่ง น้ำแข็งและไฟ ซึ่งสภาพอากาศนั้นช่วงหน้าหนาวถือว่าอุ่นกว่าหลายๆประเทศในแถบซีกโลกเหนือด้วยกัน เพราะบริเวณนี้มีกระแสน้ำอุ่นจากมหาสมุทร North Atlantic ช่วยเรื่องอุณหภูมิ หน้าหนาวจะอุณหภูมิประมาณไม่ต่ำกว่า -10C ส่วนหน้าร้อนนั้นก็ร้อนไม่เกิน 20C ฟังดูเหมือนสบายๆ เกาหลี ญี่ปุ่นยังหนาวกว่าอีกนี่ แต่ก็นั้นแหละครับ เพราะกระแสน้ำอุ่นจากมหาสมุทร North Atlantic จะมาเจอกระแสนำเย็นจากมหาสมุทร Arctic จากทางขั้วโลกเหนือที่เกาะนี้พอดี ทำให้อากาศที่นี่แปรปรวนตลอดเวลา เรียกว่าสภาพอากาศเปลี่ยนกันได้ทุกๆ 10นาทีเลยทีเดียว และลมที่นี่ก็แรงมาก เพราะเป็นประเทศที่มีต้นไม้น้อยมากๆ โดยเฉพาะด้านทางใต้ของเกาะ จะมีลมแรงมาก ตลอดทั้งปี สิ่งที่จะทำให้เราหนาวก็คือลมนี่เอง บางทีอุณหภูมิ 1C แต่อาจ feel like ไปได้ถึง -5C หรือต่ำกว่าครับ สภาพอากาศนั้น สามารถเช็คได้ที่ http://en.vedur.is/
แต่งตัวยังไงดี?
คิดจะเที่ยว Iceland แบบลุยๆ อย่าห่วงหล่อ ห่วงสวยมากครับ เน้นแนว sport ไปเลยก็ได้เพื่อความคล่องตัว และด้วยอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เลยอยากแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าเป็นหลายๆชั้น เพื่อที่จะได้ปรับให้เหมาะกับสภาพอากาศครับ สำคัญคือต้องกันลมและกันน้ำ เพราะฝนและหิมะ อาจตกได้ทุกเมื่อ กางเกงกันน้ำแบบสวมทับและรองเท้ากันน้ำหรือแบบ Gore-Tex เตรียมไปเผื่อเดินลุยหิมะก็ดีครับ บางที่ที่ไปมา หิมะสูงเลยหัวเข่าอีก ใส่ยีนส์ไปอาจเปียกกลับมาได้ครับ และจะยิ่งหนาวด้วยถ้ารองเท้าหรือกางเกงเปียก ผ้าสำหรับปิดปากและหมวกสำหรับปิดหู ช่วยได้เยอะครับเวลาลมแรงๆ และถุงมือเน้นแบบหนาๆหน่อยครับอย่าใช้แบบไหมพรมถักที่มีรูเพราะลมจะเข้าได้ ถ้าอยากเตรียม fashion แบบหล่อๆ สวยๆ เผื่อไว้เดินในเมือง Akureyri และ Reykjavik ก็สามารถครับ สรุปการแต่งตัวที่กลุ่มผมเตรียมไปนะครับ สำหรับอากาศช่วงเดือนเมษายน
- หมวกกันหนาวที่ปิดหูได้
- ผ้าพันคอแบบปิดหน้าได้
- แว่นกันแดด
- ชุดลองจอน
- เสื้อสเวทเตอร์ Heattech/Omniheat
- ฟลีท หรือ/และ เสื้อ Down Jacket
- เสื้อกันลมและน้ำ
- ถุงมือแบบหนาๆ จากที่เจอมา Heattech เอาไม่ค่อยอยู่
- กางเกงลองจอน หรือ ยีนส์
- กางเกงกันน้ำ หรือ Gore-tex
- ถุงเท้าหนากันหนาว หรือ Heattech
- รองเท้าแบบกันน้ำ หรือ Gore-tex
ถ้าวันไหนอุ่นก็สามารถถอดบางชั้นออกได้ เช่นไม่ใส่ลองจอนหรือสเวทเตอร์ และใส่แค่ยีนส์ ธรรมดา ส่วนถ้าเมืองไทยแนะนำให้หาซื้อช่วงปลายๆปีหรือต้นๆปีนะครับ เพราะไม่งั้นบางยี่ห้อเช่น Uniqlo, Northface หรือ Columbia อาจโละรุ่นสำหรับลุยหิมะออกไปครับ
ไปเที่ยวช่วงไหนดี?
คนไปเที่ยว Iceland จะเยอะในช่วงหน้าร้อน ซึ่งจะอยู่ตั้งแต่ June-September คนนิยมท่องเที่ยวเยอะในแถบเมืองหลวงและทางใต้ของเกาะ หน้าร้อนนั้นมีข้อดีคือจะได้เห็น Iceland ในแบบสีเขียวและพระอาทิตย์เที่ยงคืน ส่วนช่วงหน้าหนาวนั้นนักท่องเที่ยวจะไม่เยอะมากเพราะการเดินทางที่ลำบากขึ้นและช่วงกลางวันที่สั้นมาก โดยเฉพาะเดือน December นั้นจะเห็นแค่พระอาทิตย์ลอยตามขอบฟ้าไม่กี่ชั่วโมงแค่นั้น แต่สิ่งที่ได้คือ โอกาสในการที่จะเห็นแสงเหนือ (Aurora) ความหนาแน่นของประชากรในประเทศนี้ถือว่าต่ำ ตกประมาณ 3คนต่อตารางกิโลเมตร ขับรถไปบางช่วงจะไม่มีเมืองเลยเป็นระยะหลายร้อยกิโล คนประมาณ 2ใน3 ของประเทศจะอยู่ที่เมือง Reykjavik เมืองหลวงของ Iceland นั้นเอง
เขาไปล่าแสงเหนือกัน แล้วต้องเตรียมยังไงล่ะ?
พยาการณ์แสงเหนือ สามารถติดตามได้ที่ http://en.vedur.is/weather/forecasts/aurora/ สิ่งที่ต้องดูก็คือความแรงของแสงเหนือมีตั้งแต่ระดับ 0-9 จากที่ไปดูมาระดับ 3ก็สามารถเห็นได้แล้วครับ ส่วนที่สำคัญกว่าความแรงของแสงเหนือก็คือ เมฆครับ แรงแค่ไหนฟ้าปิดก็นอนได้เลยครับไม่ต้องรอ แต่อากาศที่นี่เปลี่ยนแปลงบ่อยครับ แนะนำให้ดูพยากรณ์เรื่อยๆครับ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้จนชั่วโมงสุดท้ายเลย อย่าหมดหวังง่ายๆครับ สถานที่ๆเหมาะจะชมแสงเหนือนั้นควรเป็นนอกเมืองที่แสงน้อยๆครับ จะถ่ายรูปออกมาสวยเลยทีเดียว วิธีถ่ายแสงเหนือก็ควรเป็นกล้องระดับ mirrorless หรือ SLR ที่เลนส์สามารถเปิด f ได้กว้างๆ เลนส์ wide เท่าที่จะหาได้ครับ ตั้ง ISO สูงสุดที่คิดว่า noise พอรับได้ และ ขาตั้งกล้องครับ เปิด Manual focus และหาช่วง infinity เลยอันนี้แล้วแต่เลนส์นะครับ ลองศึกษาก่อนไปจะดีมาก เพราะรายละเอียดจริงๆมีถึงขั้นตั้งสี white balance ด้วยเพื่อให้รูปออกมาดีที่สุดครับ สามารถหาอ่านได้จาก http://www.dennismammana.com/skyinfo/phototips/skyphoto_aurora.htm หรือกระทู้ใน pantip ที่ผ่านๆมาครับ
จะเตรียมเงินสดไปยังไงดี?
หน่วยเงินใช้เป็น Icelandic Króna (ISK) ไม่มี bank ไหนรับแลกในไทยครับ แนะนำให้แลกเป็น Euro ไปแล้วค่อยแปลงเป็น ISK ที่นู่นครับ แต่แลกติดตัวไว้นิดเดียวพอนะครับ เพราะไปที่นู่น 99% รับบัตรเครดิตครับ ส่วนบางที่เขาจะให้กด PIN ก็ให้ใช้ PIN ที่กดเงินสดของบัตรเครดิต ที่เขาให้มาตอนเปิดบัตรใหม่ๆ หรือไม่ก็ถ้าลืมแล้วก็ขอ PIN กับเจ้าหน้าที่บัตรเลยครับ กรอกไปแทน PIN สำหรับรูดได้ครับ แต่ส่วนใหญ่จะแค่กด Accept แล้วเครื่องก็ print slip มาให้เลย (ไม่ถาม PIN) บางที่ก็จะให้เซ็นกำกับในใบ slip ครับไม่มีปัญหาใดๆ รวมทั้งปั๊มน้ำมันแบบ Automatic จากที่ไปมาผมแลกติดตัวไปแค่คนละ 50euro ครับผม ใช้เงินสดสองครั้งคือตอนจ่ายเงินที่โรงแรมในเมือง Seydisfjordur และค่าเข้าหมู่บ้านไวกิ้งครับ ใช้บัตรไหนเรทดี ตามนี้เลยครับ http://topicstock.ppantip.com/blueplanet/topicstock/2012/08/E12569566/E12569566.html
P.S.ที่ไม่แนะนำให้แลกเงิน ISK ไว้เยอะๆเพราะว่าเราต้องผ่าน Exchange จาก THB>EUR>ISK ครับ เสียค่าส่วนต่างแลกเปลี่ยนหลายต่อเวลาทั้งแลกไปและแลกคืนครับ
เที่ยวรอบเกาะนั้นต้องขับรถระยะทางเท่าไหร่?
ระยะทางสำหรับเส้น ring road หมายเลข 1 นั้นอยู่ที่ประมาณ 1,300km ครับ แต่บางทีต้องออกนอกเส้นทางกันบ้าง รวมๆแล้ว Trip ผมที่ขับตกอยู่ประมาณ 2,000km ครับ ใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด 12วัน ขับรถต่อวันเฉลี่ยนประมาณ 250-300km ครับ วันที่ขับยาวสุดจะอยู่ที่ 370km ถ้าขับรถช่วงหน้าหนาวให้วางแผนเวลาและเผื่อเส้นทางให้ดีนะครับ เพราะช่วงเวลากลางวันสั้นและถนนมักจะปิดบ่อยเพราะหิมะตกหนัก ส่วนหน้าร้อนนั้นก็ระวังขับเพลินนะครับ เพราะกลางวันยาวมากๆ อาจทำให้ล้าโดยไม่รู้ตัวได้
ขับรถที่นี่ต้องระวังอะไรบ้าง?
⁃ ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้เช่ารถ 4x4 ครับ เพราะถนนที่นี่จะดีเฉพาะช่วงตามเมืองเท่านั้น
⁃ F-road นั้นหน้าหนาวจะเข้าไม่ได้ครับ และจะไปได้เฉพาะรถ 4x4 Jeep เท่านั้น ทาง F-road นั้นลุยมากครับมีทั้งลุยลงในแม่น้ำ ลุยทางวิบาก คนที่คิดจะลุย Highland ต้องใช้เส้นนี้ครับ ฝึกวิชาไว้ให้ดีและไปลุยหน้า summer ครับ
⁃ ขับรถชิดขวา แรกๆอาจต้องท่องในใจนิดนึงเวลาจะเลี้ยวว่าเราชิดขวาๆๆๆ ถึงกระนั้นยังแอบมีหลุดบ้างครับ แต่โชคดีที่ประเทศนี้รถน้อยมาก แต่ระวังไว้และมีสติครับ
⁃ การขับรถที่นี่ กฎหมายกำหนดความเร็ว limit speed มี 3ระดับ จำไม่ยากครับและป้ายชัดเจน
• 90km/hr สำหรับถนนระหว่างเมือง
• 80km/hr สำหรับถนนลูกรัง
• 50km/hr สำหรับถนนในเขตเมือง
⁃ กล้องจับความเร็วที่เจอมาจะอยู่ตามเมืองหลวงและรอบๆ ถ้าเช่า GPS ด้วยจะพอช่วยเตือนได้เวลาใกล้ถึงกล้อง พอออกมาไกลหน่อยก็ไม่เจอ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ระวังเจอตำรวจนะครับ ค่าปรับโหดอยู่ ไม่มีพับเล็กๆนะครับ (ในทริปผมมีโดนตำรวจเฉ่งไปรอบนึง ไม่แนะนำให้ทำตามครับ อันนั้นเผลอไปเพราะต้องการหาห้องน้ำด่วนๆ เจอค่าปรับไปทีหายปวดท้องเลย)
⁃ ถนนส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 2เลนครับ เวลาแซงต้องมองรถที่สวนมาดีๆครับส่วนใหญ่จะมีป้ายให้ลดความเร็วก่อนถึงโค้งและเนินที่มองรถข้างหน้าไม่เห็นครับ
⁃ เช็ค road condition ให้ดีว่าสายไหนเปิดหรือปิด หรือสายไหนมีหิมะเยอะ ขับยาก สามารถดูได้จาก http://www.vegagerdin.is ครับผม update แบบเกือบ realtime ในช่วงเวลา 7:00 - 22:00 บางถนนจะปิดตลอดหน้าหนาวครับ แนะนำให้เช็คก่อนเดินทางทุกวันครับโดยเฉพาะในหน้าหนาว
⁃ เปิดประตูรถให้ระวังลมนะครับ สามารถกระชากประตูกันได้ง่ายๆเลยและอาจโดนค่าซ่อมจาก บริษัทเช่ารถได้นะครับ เพราะเขาจะตรวจตรงประตูเข้มเป็นพิเศษ (เดาว่าเจอประตูพังบ่อย)
⁃ เวลาขับรถเจอถนนที่มีหิมะเยอะๆ อย่าเหยียบเบรกนะครับเวลามันลื่น เพราะอาจทำให้รถปัดได้ แนะนำให้ใช้ gear ต่ำแทน เพื่อลดความเร็วครับ
แล้ว Roaming และ Internet ล่ะทำยังไงดี?
เท่าที่ลองหาข้อมูลมา มือถือค่ายทุกค่ายในไทย ไม่มีโปรโมชั่น Roaming ในประเทศ Iceland ครับผมเลยเลี่ยงไม่ใช้เพราะน่าจะแพงหูฉี่ เลยเช่า Mifi มาแชร์กันแล้วใช้วิธีติดต่อทาง internet เท่านั้น Mifi ที่แนะนำคือของ Trawire ครับ http://iceland.trawire.com/ ส่วนค่ายมือถือที่นู่นจะแนะนำเป็นของ Siminn ครับ เขาว่าคลอบคลุมที่สุด แต่ถึงกระนั้น นอกเมืองมากๆบางช่วงตามบนภูเขาก็ไม่มีสัญญาณ ได้ครับ เพราะฉะนั้นบางทีการติดต่อระหว่างรถ 2คันที่เช่าจะมีช่วงหลุดหายไปบ้าง แต่ตามที่พักและเมือง มีสัญญาณและ wifi ให้ใช้ครับ
Trip Iceland ที่พวกเราไปกันนี้เป็น Trip ที่เที่ยวรอบเกาะ หลังจากรวมกลุ่มที่อยากไปได้และศึกษาจากทั้งหนังสือ Lonely Planet, Pantip, เพื่อนๆที่เคยไปมาแล้ว และ website ต่างๆมาเป็นเวลาเกือบครึ่งปี เล่นเอาซะคนในทริปเกือบลืมไปแล้วว่าต้องไปเที่ยว เราเพิ่งได้เดินทางไปช่วงวันที่ 8-20 เมษายน 2015 ที่ผ่านมานี่เอง สรุปค่าใช้จ่ายรวมที่พัก เช่ารถ ตั๋วเครื่องบิน และอาหาร อยู่ที่คนละประมาณ 100,000บาท ครับ แบ่งคร่าวๆตามนี้ครับ
• ค่าที่พัก 11คืน 22,310 บาท
• ค่าตั๋วเครื่องบิน TG, SAS และ Icelandair 46,450 บาท
• ค่ากินทั้งกินที่ร้านและซื้อมาทำเอง 17,500 บาท
• ค่าเช่ารถและน้ำมัน 12,860 บาท
• ค่าเข้าสถานที่, Mifi และเบ็ดเตล็ด 5,000 บาท
จะบอกว่ามีค่าที่ต้องเพิ่มเติมสำหรับเตรียมเสื้อผ้ากันน้ำ,รองเท้ากันน้ำและเครื่องกันหนาวอีกตกไปคนละ 10,000-20,000 บาทครับ อันนี้ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันแล้วแต่คนครับเลยขอไม่รวม ส่วนใหญ่คุณผู้หญิงจะเป็นคนที่ค่อนข้างหนาวง่ายครับเลยขอแนะนำให้จัดเครื่องป้องกันความหนาวให้เพียงพอครับ ถ้าไปป่วยที่นู่นจะไม่คุ้มนะครับ ยิ่งถ้าเจอแก๊งชอบถ่ายรูปออกไปล่าแสงเหนือแล้วด้วย อาจมีท้อได้ครับ
อันนี้เป็นทริปแบบไม่ได้กะเอาถูกที่สุด เน้นไปตามที่อยากไปและอยากลองครับ เอาล่ะมาลองดูกันเลยว่าเราไป กิน นอน เที่ยว ที่ไหนกันบ้าง ในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็งครับ
::เพิ่มเติม:: Clip VDO ของทริปที่ผมไปมานะครับ ฝีมือ คุณ Inzagee สำหรับ VDO Clip นี้ครับ (บางช่วงของ clip จะเหมือนรถขับชิดซ้าย เพราะกล้องวางกลับหัวเลยมีการ flip vertical ในโปรแกรมครับ)
เพลงประกอบ Wiz Khalifa - See You Again ft. Charlie Puth
ChattO ที่มา www.facebook.com/catwannago
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น