พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในอนาคตประเทศไทยจะมีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น แต่นายกรัฐมนตรีเห็นว่าเงินที่จะช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุยังไม่เพียงพอ โดยปัจจุบันมาจากกองทุนช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ ที่รัฐบาลมอบให้เป็นรายเดือน เดือนละ 500 บาท 600 บาท หรือ 800 บาทตามเงื่อนไข รวมทั้งกองทุนการออมแห่งชาติ จึงมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงการคลังพิจารณาจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้สูงวัย โดยเฉพาะผู้ยากไร้ได้อย่างไร โดยให้จัดทำรายละเอียดมา ขณะเดียวกันต้องมีมาตรการกำกับตัวผู้สูงวัยที่อยู่ในกองทุนนี้ด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้ใช้ชีวิตไม่ระมัดระวังต่อสุขภาพ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา (ที่มา
http://www.thairath.co.th/content/494116)
จริงๆแล้วถ้า กระทรวงการคลังจัดสรรงบประมาณจากภาษีบาปใหม่ก็ดีนะเพราะว่า บ้านเรามีการใช้งบประมาณดูแลสุขภาพคนไทยปีๆนึงสูงมากเฉพาะแค่หน่วยงานเดียวเช่น สสส. ปีๆนึงกระทรวงการคลังประเคนงบจาก"ภาษีเหล้า" และ "บุหรี่" กว่า 3,000 ล้านบาทให้ไปรณรงค์คนไทยให้ดื่มน้อยลงและเป็นโรคปอดน้อยลง สุขภาพจะได้ดีขึ้น แต่ผลปรากฏว่า
แถมตรวจสอบไม่ได้จนเป็นข่าวมาครั้งนึง
คิดดูแค่ 10ปี เงินเข้ากระเป๋า สสส.หลายหมื่นล้านบาท แต่ในทางตรงกันข้าม ประเทศไทยกลับมีคน "ติดเหล้า-ติดบุหรี" พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสวนทางกับงบประมาณที่ได้ไป....แล้วอย่างนี้ในอนาคตคนไทยจะมีความพร้อมทางสุขภาพที่จะแข่งขันกับประเทศในเออีซีได้อย่างไร ?
คิดอย่างไรถ้าคลังใช้ “ภาษีบาป” ดูแลผู้สูงอายุ?
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในอนาคตประเทศไทยจะมีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น แต่นายกรัฐมนตรีเห็นว่าเงินที่จะช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุยังไม่เพียงพอ โดยปัจจุบันมาจากกองทุนช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ ที่รัฐบาลมอบให้เป็นรายเดือน เดือนละ 500 บาท 600 บาท หรือ 800 บาทตามเงื่อนไข รวมทั้งกองทุนการออมแห่งชาติ จึงมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงการคลังพิจารณาจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้สูงวัย โดยเฉพาะผู้ยากไร้ได้อย่างไร โดยให้จัดทำรายละเอียดมา ขณะเดียวกันต้องมีมาตรการกำกับตัวผู้สูงวัยที่อยู่ในกองทุนนี้ด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้ใช้ชีวิตไม่ระมัดระวังต่อสุขภาพ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา (ที่มา http://www.thairath.co.th/content/494116)
จริงๆแล้วถ้า กระทรวงการคลังจัดสรรงบประมาณจากภาษีบาปใหม่ก็ดีนะเพราะว่า บ้านเรามีการใช้งบประมาณดูแลสุขภาพคนไทยปีๆนึงสูงมากเฉพาะแค่หน่วยงานเดียวเช่น สสส. ปีๆนึงกระทรวงการคลังประเคนงบจาก"ภาษีเหล้า" และ "บุหรี่" กว่า 3,000 ล้านบาทให้ไปรณรงค์คนไทยให้ดื่มน้อยลงและเป็นโรคปอดน้อยลง สุขภาพจะได้ดีขึ้น แต่ผลปรากฏว่า
แถมตรวจสอบไม่ได้จนเป็นข่าวมาครั้งนึง
คิดดูแค่ 10ปี เงินเข้ากระเป๋า สสส.หลายหมื่นล้านบาท แต่ในทางตรงกันข้าม ประเทศไทยกลับมีคน "ติดเหล้า-ติดบุหรี" พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสวนทางกับงบประมาณที่ได้ไป....แล้วอย่างนี้ในอนาคตคนไทยจะมีความพร้อมทางสุขภาพที่จะแข่งขันกับประเทศในเออีซีได้อย่างไร ?