1.การเผา
ถ้าเป็นหินจริง จะมีความทนทานต่อความร้อน ไม่ละลาย ได้ง่ายๆอย่างพลาสติก หรือ เรซิ่น แต่ขึ้นอยู่กับว่าเป็นหินชนิดไหนด้วยครับ

2.การลนไฟ
ก็เหมือนกันการเผาไฟครับ

3.การทุบ
หินมีการแตกหักได้ เหมือนกัน แต่การทุบจะดูเรื่องว่าย้อมสีมาหรือเปล่า มีสีอยู่แค่เปลือกนอกหรือเปล่า เพราะหินแต่ละชนิด จะต้องมีสี มีลายตลอดทั้งก้อน หรือมีลายเป็นช่วงๆ ไม่ได้มีลายแค่เปลือกนอก หรือ มีสีแค่ผิวๆ

4.การแช่น้ำยาล้างเล็บ
ก็เป็นการใช้ตัวทำละลายมาล้างผิวสีว่า หลุด ลอก ซีด จาง หรือเปล่า ถ้าเป็นหินธรรมชาติ ไม่ได้ผ่านการย้อมสีมา ตัวสีก็ไม่น่าจะตก หรือเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตกใจ แต่ไม่ใช่หินจริงจะไม่มีอาการนะครับ ขึ้นอยู่กับหินแต่ละชนิดด้วยครัล

5.การแช่น้ำเกลือ
อันนี้ไม่แน่ใจครับ น้ำเกลือ ไม่ได้มีฤทธิ์ด้านการชะล้างได้มากมายนัก แค่แช่น้ำเกลืออาจจะไม่ได้บ่งบอกอะไรมาก  

ขอคำแนะนำว่าวิธีพิสูจน์หินที่ฮิตกันอยู่ณขณะนี้ เช่น เทอร์ควอย ฮาวไลท์ ตาเสือ เป็นต้น
หากเผา ลนไฟ ทุบ แล้ว ถ้าเป็นหินแท้จะออกมาลักษณะใดและถ้าเป็นหินปลอมจะออกมาในลักษณะใด
หินจริงๆอย่าง ตาเสือ กับ ฮาวไลท์ จริงๆก็ถือว่าเป็นหินระดับราคาเริ่มต้นนะครับ ราคาก็ไม่ได้สูงอะไรมากมายนักครับ

ตาเสือมักจะมีการนำไปย้อมสี ให้เป็นสีสันอย่างสีเขียว สีชมพู หรือสีอื่นๆ ก็เคยเห็นบ้าง รวมทั้งย้อมสีเดิมเพื่อให้สีเข้มขึ้น สวยขึ้นก็มีครับ
ฮาวไลท์ มักจะเป็นเป็นพวกเรซิ่น พวกพลาสติกซะบ่อยๆ อันที่จริง ตัวฮาวไลท์ ก็ไม่ได้แพงอะไรมากมายอยู่แล้วด้วยครับ
เทอร์ควอย ถือว่าเป็นหินที่มีราคามากกว่า ทั้ง 2 ตัวข้างบน ส่วนใหญ่จะเห็นปลอมค่อนข้างบ่อย อาจจะเป็นทั้งพลาสติก และเรซิ่น หรือว่านำเอาฮาวไลท์ไปย้อมสีฟ้าให้กลายเป็น เทอร์ควอยก็มีครับ



รูป2 รูปนี้ เป็นเทอร์ควอยครับ สีเงินๆที่เห็นเป็นไพไรท์ ที่แทรกอยู่ในเนื้อของ เทอร์ควอยครับ ลองสังเกตุดูดีๆ จะเห็นได้ว่า เนื้อของหิน จะไม่ได้มีสีเรียบเนียบ เสมอกันในทุกๆส่วนครับ ซึ่งจะแตกต่างจากพวกเรซิ่น หรือ หินย้อมสี ที่สีจะค่อนข้างเนียนกว่ามากเลยครับ แล้วถ้าเปิดไฟblacklight เทอร์ควอย บางชิ้นก็จะมีการเรืองแสงขึ้นมาแบบในรูปด้วยครับ