วันที่ 16 ที่ผ่านมาพาหลานไปมอบตัวเพื่อเรียนต่อ ม. 4
ก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทุกอย่างเป็นเรื่อง ธรรมดา อาทิ
เช่นค่าบำรุง ค่ากิจกรรม ค่าประกันสุขภาพ รวม ๆแล้ว
กว่า 5 พันบาท
นี่ยังไม่คิด ค่าหนังสือเรียน สมุดดินสอ ชุดนักเรียน
ชุดพล ฯ ก็คงอีกไม่ต่ำกว่า 4 พันบาท ทั้งหมด ประมาณ
1 หมื่นบาทเป็นอย่างน้อย ไอ้เรื่องนี้ผม ถือว่าเป็นเรื่อง
ของการศึกษา ที่ต้องมีค่าใช้จ่าย ผู้ปกครองต้องมีกำลังทรัพย์
เพื่อให้ลูก ได้รับการศึกษา
แต่ไปติดใจตรง ห้อง ET เขาบอกว่า เป็นโปรแกรมเรียน ระดับ
ไฮโซ เรียนเป็น E หมด ห้องเรียนติดแอร์ เย็นสบาย โปรแกรมนี้
ว่าเข้าไป ภาคเรียนละกว่า 6 หมื่นบาท
ห้องเรียนแบบนี้นิยมเปิดกันทุกระดับ ไม่ว่าตั้งแต่ชั้น ประถมยันมัธยม
ตามประสาคนบ้าการศึกษา ไอ้จุดอ่อนของการศึกษาไทย ที่ไม่ทราบว่าสอนกันอย่างไร
ปล่อยให้มีโรงเรียนกวดวิชากัน ทุกจังหวัด เด็ก ๆต้องเรียนกวดวิชา มิฉนั้น จะสอบ
เข้า ม. 4 เข้า มหาลัยไม่ได้ รวมทั้งต้องมีห้อง อย่างที่ว่าเพื่อให้เด็กได้ทันสมัย
ไอ้ความที่ผมเป็นครูมาก่อน เคยไปฝึกงานต่างประเทศมา ก้หลายปี หลายประเทศ
พยายาม ดูเรื่องการศึกษาของประเทศที่ไปฝึกงานเช่นอเมริกา หรือญี่ปุ่น เขาไม่มีแบบที่ว่า
เด็ก ๆ เรียนในชั้นเรียน ก็พัฒนาตนเอง ไปตามที่ตนเอง ต้องการ อาจมีติวเตอร์บ้าง
แต่ครูที่สอน ก้เต็มที่กับความรับผิดชอบ ของตนเอง ไม่ต้องทำให้ เด็กต้องไปฝากความหวังไว้กับ
โรงเรียนกวดวิชา
ลองคิดดูครับ ทุกวิชาไม่ว่าคณิตศาสตร์ อังกฤษ เคมี ฟิสิกส์ ต่างก็ต้องไปเรียนหาความรู้เพิ่มเติมจาก
ข้างนอกที่มิใช่โรงเรียน แล้วครูผู้สอนทำไมไม่สอนให้เต็มหลักสูตร เต็มความสามารถของตนเอง
หันกลับมาที่โรงเรียนของหลาน ผมไปประชุมปกครอง ก็เลยเอาปัญหาอย่างที่ว่าไปถาม ผ.อ. ถามครูที่
เข้ามาประชุม ผมถามว่า โรงเรียนนี้มีนโยบายเกี่ยวกับการเรียนการสอนอย่างไร ที่จะสอนทุกวิชาให้เต็ม
โดยไม่ต้องให้ เด็กไปเรียนกวดวิชา เพราะ เห็นเด้กบอกว่า ครูสอนไม่เต็มที่ วิชาทุกวิชาต้องไปเติมเต็ม
ในโรงเรีรยนกวดวิชา ครูตอบว่า เขาสอนกันเต็มหลักสูตรแล้ว ตั้งแต่บทที่ 1 ยัน บทสุดท้าย แต่เนื่องจาก
ความสามารถของเด้กในการรับ ไม่เท่ากันเลยต้องไปพึ่ง กวดวิชา ผมลุกขึ้นถามอีกว่า ผมเป็นครูอาชีว ฯ
ถ้าสอนเด้กแล้วประกอบอาชีพไม่ได้ ผมก็คงเป็นครูอาชีว ไม่ได้ เพราะเด็ก ที่เรียน ไม่เห็นต้องสอนเพิ่มแต่อย่างใด
สอนตามโปรแกรม ทุกอย่างก่จบ เด็กทุกคน ทำงานได้เป็นอย่างดี
วงแตกครับ เพราะครูไม่ยอมรับในเรื่องนี้ เผอิญ ผ.อ. เป็นลูกศิษย์ของผมที่ผมสอนมาตั้งแต่ ปวช แกเรียนอาชีว ฯ
มาก่อน จะ ได้ดิบได้ดี จนมาเป็น ผ.อ. แกเชิญผมไปคารวะ และคุยกัน แกบอกว่า อาจารยื แน่วแน่เหมือนเดิม
สอนผมเข้มแข็ง จนได้ดีเพราะอาจารย์ แต่สมัยปัจจุบัน ครูต่างความคิดไม่เหมือน ครูรุ่นเก่าแบบอาจารย์
ที่สอนด้วยความสำนึกในหน้าที่ แก้ไม่ได้ ผมไม่ได้ว่าอะไร แต่ได้ฝากไว้ว่า ไอ้การศึกษาของเรา
มันเจริญฮวบ ๆนี่ เพราะครูเป็นส่วนใหญ่ แต่ครูที่ดี ก็มี ไม่ดีก็มาก เราคงแก้อะไรไม่ได้หรอกครับ
ในโอกาศที่ เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ในระดับหัวแถวของ ศธ ก้หวังว่า ท่านที่ทำหน้าที่จะเอาไปคิดว่าทำอย่างไร
จะให้เด้กไม่ต้องเรียนกวดวิชา ทำอย่างไรให้ ครูสอนได้เต็มที่ สมกับที่ พ่อแม่ เอาเด้กมาฝากไว้ให้ดูแล
สั่งสอน
การศึกษาในประเทศของผม
ก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทุกอย่างเป็นเรื่อง ธรรมดา อาทิ
เช่นค่าบำรุง ค่ากิจกรรม ค่าประกันสุขภาพ รวม ๆแล้ว
กว่า 5 พันบาท
นี่ยังไม่คิด ค่าหนังสือเรียน สมุดดินสอ ชุดนักเรียน
ชุดพล ฯ ก็คงอีกไม่ต่ำกว่า 4 พันบาท ทั้งหมด ประมาณ
1 หมื่นบาทเป็นอย่างน้อย ไอ้เรื่องนี้ผม ถือว่าเป็นเรื่อง
ของการศึกษา ที่ต้องมีค่าใช้จ่าย ผู้ปกครองต้องมีกำลังทรัพย์
เพื่อให้ลูก ได้รับการศึกษา
แต่ไปติดใจตรง ห้อง ET เขาบอกว่า เป็นโปรแกรมเรียน ระดับ
ไฮโซ เรียนเป็น E หมด ห้องเรียนติดแอร์ เย็นสบาย โปรแกรมนี้
ว่าเข้าไป ภาคเรียนละกว่า 6 หมื่นบาท
ห้องเรียนแบบนี้นิยมเปิดกันทุกระดับ ไม่ว่าตั้งแต่ชั้น ประถมยันมัธยม
ตามประสาคนบ้าการศึกษา ไอ้จุดอ่อนของการศึกษาไทย ที่ไม่ทราบว่าสอนกันอย่างไร
ปล่อยให้มีโรงเรียนกวดวิชากัน ทุกจังหวัด เด็ก ๆต้องเรียนกวดวิชา มิฉนั้น จะสอบ
เข้า ม. 4 เข้า มหาลัยไม่ได้ รวมทั้งต้องมีห้อง อย่างที่ว่าเพื่อให้เด็กได้ทันสมัย
ไอ้ความที่ผมเป็นครูมาก่อน เคยไปฝึกงานต่างประเทศมา ก้หลายปี หลายประเทศ
พยายาม ดูเรื่องการศึกษาของประเทศที่ไปฝึกงานเช่นอเมริกา หรือญี่ปุ่น เขาไม่มีแบบที่ว่า
เด็ก ๆ เรียนในชั้นเรียน ก็พัฒนาตนเอง ไปตามที่ตนเอง ต้องการ อาจมีติวเตอร์บ้าง
แต่ครูที่สอน ก้เต็มที่กับความรับผิดชอบ ของตนเอง ไม่ต้องทำให้ เด็กต้องไปฝากความหวังไว้กับ
โรงเรียนกวดวิชา
ลองคิดดูครับ ทุกวิชาไม่ว่าคณิตศาสตร์ อังกฤษ เคมี ฟิสิกส์ ต่างก็ต้องไปเรียนหาความรู้เพิ่มเติมจาก
ข้างนอกที่มิใช่โรงเรียน แล้วครูผู้สอนทำไมไม่สอนให้เต็มหลักสูตร เต็มความสามารถของตนเอง
หันกลับมาที่โรงเรียนของหลาน ผมไปประชุมปกครอง ก็เลยเอาปัญหาอย่างที่ว่าไปถาม ผ.อ. ถามครูที่
เข้ามาประชุม ผมถามว่า โรงเรียนนี้มีนโยบายเกี่ยวกับการเรียนการสอนอย่างไร ที่จะสอนทุกวิชาให้เต็ม
โดยไม่ต้องให้ เด็กไปเรียนกวดวิชา เพราะ เห็นเด้กบอกว่า ครูสอนไม่เต็มที่ วิชาทุกวิชาต้องไปเติมเต็ม
ในโรงเรีรยนกวดวิชา ครูตอบว่า เขาสอนกันเต็มหลักสูตรแล้ว ตั้งแต่บทที่ 1 ยัน บทสุดท้าย แต่เนื่องจาก
ความสามารถของเด้กในการรับ ไม่เท่ากันเลยต้องไปพึ่ง กวดวิชา ผมลุกขึ้นถามอีกว่า ผมเป็นครูอาชีว ฯ
ถ้าสอนเด้กแล้วประกอบอาชีพไม่ได้ ผมก็คงเป็นครูอาชีว ไม่ได้ เพราะเด็ก ที่เรียน ไม่เห็นต้องสอนเพิ่มแต่อย่างใด
สอนตามโปรแกรม ทุกอย่างก่จบ เด็กทุกคน ทำงานได้เป็นอย่างดี
วงแตกครับ เพราะครูไม่ยอมรับในเรื่องนี้ เผอิญ ผ.อ. เป็นลูกศิษย์ของผมที่ผมสอนมาตั้งแต่ ปวช แกเรียนอาชีว ฯ
มาก่อน จะ ได้ดิบได้ดี จนมาเป็น ผ.อ. แกเชิญผมไปคารวะ และคุยกัน แกบอกว่า อาจารยื แน่วแน่เหมือนเดิม
สอนผมเข้มแข็ง จนได้ดีเพราะอาจารย์ แต่สมัยปัจจุบัน ครูต่างความคิดไม่เหมือน ครูรุ่นเก่าแบบอาจารย์
ที่สอนด้วยความสำนึกในหน้าที่ แก้ไม่ได้ ผมไม่ได้ว่าอะไร แต่ได้ฝากไว้ว่า ไอ้การศึกษาของเรา
มันเจริญฮวบ ๆนี่ เพราะครูเป็นส่วนใหญ่ แต่ครูที่ดี ก็มี ไม่ดีก็มาก เราคงแก้อะไรไม่ได้หรอกครับ
ในโอกาศที่ เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ในระดับหัวแถวของ ศธ ก้หวังว่า ท่านที่ทำหน้าที่จะเอาไปคิดว่าทำอย่างไร
จะให้เด้กไม่ต้องเรียนกวดวิชา ทำอย่างไรให้ ครูสอนได้เต็มที่ สมกับที่ พ่อแม่ เอาเด้กมาฝากไว้ให้ดูแล
สั่งสอน