คืออยากเล่าให้รุ่นน้อง หรือคนทั่วไปอ่านดูน่ะครับเป็นเรื่องชีวิตของผม ในด้านการเรียน ปัญหาต่างๆที่เจอ และทำไมถึงอยากเป็นหมอ
เข้าเรื่องกันเลยนะครับ ผมเป็นลูกคนโตของที่บ้าน มีน้องหนึ่งคน พ่อแม่ก็ฐานะปานกลางครับที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัว ตอนผมยังเด็กแม่จะเรียกให้ไปช่วยงานที่บ้านบ่อย แต่พอเริ่มขึ้น ป 5 แม่ก็เริ่มปล่อยไม่ให้ผมทำงาน คือให้เรียนอย่างเดียว คือช่วงนั้นผมเริ่มพบว่าตัวเองชอบเรียนเลขมากๆ ผมเป็นตัวแทนแข่งคณิตสมัยประถมของ รร แทบทุกรายการ พอขึ้น ป 6 แม่ผมบังคับให้เรียนพิเศษวิชาอื่นด้วยผมไม่อยากเรียนเลยเพราะเวลาเรียนนี่คือกินเวลาแทบทั้งวัน แต่แม่ขู่ว่าถ้าไม่เรียนแต่สอบไม่ได้ก็ไม่ต้องมาพูดกัน ผมเลยต้องเรียนครับเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองต้องแข่งขันกับคนอื่นจริงจังๆ ผมขยันอ่าน ทำโจทย์จนผลสอบออกมา ผมสอบได้ห้องคิง ผมสอบได้เป็นอันดับต้นๆ แม่ผมดีใจมาก ผมชื่นใจที่สิ่งที่ผมตั้งใจตอบแทนผมเหมือนเป็นความสำเร็จก้าวแรกในชีวิต
พอขึ้นมัธยมมาผมก็เรียนพิเศษแค่คณิตเท่านั้นเพราะว่าชอบมาก วิชาอื่นคือเพือนเรียนกันผมก็ไม่เรียนเพราะผมว่ามันน่าเบื่อมาก ผมชอบคณิตมากขนาดที่อยากจะพิสูจน์สูตร หาที่มาของสมการ ของทฤษฎีบทต่างๆทางคณิตศาสตร์ ว่างๆผมจะชอบปริ๊นท์โจทย์เลขจากเน็ตมานั่งทำ ผมไม่เครียดนะสำหรับผมมันคืองานอดิเรกอย่างนึง นั่นแหละครับด้วยความที่ผมรักเลขมากเลยทำให้วิชาอื่นดูจะด้อยๆลงไปมาก ผมหลงระเริงว่าตัวเองสอบเข้ามาได้ที่ดีอยู่ห้องคิงทำให้ผมไม่ตั้งใจเรียนเลย กลายเป็นพอผมขึ้นมัธยมมาผมสอบได้เกรดน้อยกว่าคนในห้องมาก ผมสอบได้ที่ประมาณ 40 กว่าๆจากคนในห้อง50กว่าคนมันเป็นอย่างนี้อยู่สองปีครับ จนก่อนจะขึ้น ม สาม ผมอยากสอบเข้า ม4 ย้ายไปเรียนที่อื่นครับ ผมอยากเข้า รร มหิดลวิทยาสุสรณ์ ไม่ก็ เตรียมอุดมครับ คือมีคนบอกว่าดีอย่างงั้นอย่างงี้ แล้วคือยอมรับว่าไม่อยากอยู่ รร เก่าแล้ว อยากสอบเข้า อย่างน้อย รร ไหนก็ได้ในสอง รร นี้
ผมเริ่มขยันเรียนอีกครั้ง ผมอยากได้ความรู้สึกที่ประสบความสำเร็จ ความรู้สึกที่มีชื่อเราบนใบประกาศสอบติด อยากให้พ่อแม่ภิมใจในตัวผมอีกครั้ง เพราะว่าตอนนั้นพ่อแม่ผมก็เริ่มเอือมผมเต็มที่ล่ะครับ เกรดในห้องก็ได้น้อย แถมแม่ก็เริ่มบ่นว่าเรียนให้มันดีหน่อยงานก็ไม่ต้องทำที่กูไม่ให้ทำงานก็เพราะว่าเรียนดีเผื่อจะเป็นที่พึ่งให้ครอบครัว ผมเรียนพิเศษเพิ่มกวดวิชา อ่านหนังสือทุกวัน เพื่อเตรียมสอบ
ผมวาดฝันชีวิตในอนาคตไว้แล้วว่าอยากเป็น"วิศวะจุฬา"เพราะจากที่เรียนมาผมชอบเลขกับฟิสิกส์มาก แต่สุดท้ายผลไม่เป็นดังคาดครับ ผมสอบไม่ได้ทั้งสองที่ พ่อแม่ก็แบบก็ไม่ได้ว่าอะไรก็เพราะว่าผมตั้งใจทำเต็มที่แล้ว แต่ท่านก็พูดๆว่าทำไมไม่ติดนะ เห็นขยันตั้งเยอะ แล้วพ่อก็บ่นว่าเสียดายเงินเรียนไปตั้งเยอะไม่ได้อะไรเลย ผมเสียใจครับ เสียใจยิ่งกว่าสอบไม่ติดอีก เหมือนบ้านผมเค้ามองว่าเงินลงทุนไปก็ต้องได้กำไรกลับมาเสมอ ต้องได้ผลที่คุ้มค่า แต่ผมก็ได้ทำสิ่งที่ควรทำไปหมดแล้วผมไม่รู้ว่าผมพลาดตรงไหน นี่คือความผิดหวังที่เจ็บปวดครั้งแรกๆในชีวิตของผมครับ
ตอนขึ้นม ปลาย ผมเริ่มมามองข้อเสียของตัวเอง เพื่อเตรียมพร้อมกับสนามใหญ่ในการสอบเข้ามหาลัย ผมเริ่มรู้ว่าสิ่งที่ถ่วงผมจริงๆคือการชอบเรียนเลขมากเกินไป เหมือนจะต้องรู้ที่มาของสูตรในคณิตศาสตร์ อ่านหนังสือเกี่ยวกับเลขเพิ่มเติม ครุ่นคิดอยู่กับมัน หาโจทย์สวยๆยากๆทำทั้งที่มันไม่ได้ใช้ในการสอบเข้าเลยสักนิด ผมเริ่มทำเลขเรียนเลขแบบที่มันใช้ในการสอบเข้าเท่านั้น ไม่ได้เรียนเพราะว่าหลงใหลหรือรักในคณิตศาสตร์แบบ ม ต้นอีกแล้ว ผมเริ่มเอาเวลาไปเรียนพิเศษทุกวิชาครับ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ อังกฤษ ทำให้เวลา ที่ทุ่มเท ที่สนุกกับการคิดเลขก็ไม่ค่อยมีทำให้ผมรู้สึกเบื่อๆเลขขึ้นมาเฉยๆแต่ก็ยังเป็นวิชาที่ถนัดอยู่ ผมเรียนโดยไม่แน่ใจมากนักครับว่าอยากเรียนต่อด้านไหน แต่คือในใจก็ยังคิดว่ายังอยากเรียนวิศวะจุฬาอยู่เพราว่าชอบฟิสิกส์กับเลข
แต่หลายๆอย่างทำให้ผมเริ่มไม่อยากเรียนวิศวะจุฬาขึ้นมาซะงั้น
- แม่ผมชอบพูดๆว่าเนี่ยเรียนหมอก็ดีนะลูกญาติเรายังไม่มีใครเป็นเลย เป็นได้นี่อย่างเท่เลยนะ แถมบ้านเราก็มีคนสุขภาพไม่ดีตั้งเอยะจะได้มาดูแล
-เวลารวมญาติก็จะเจอ คนเรียกว่า คุณหมอๆ ทั้งที่ผมยังสอบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ
-รุ่นพี่ใน รร ที่ติดหมอ คนก็ชื่นชมถูกพูดถึงมากมาย ทั้งรุ่นน้อง ครู ใน รร
-เรื่อง"เงิน"ครับ คือบ้านผมก็ฐานะไม่ได้ดีอะไร คือแต่บางทีผมก็รู้สึกว่าถ้าเทียบกับคนอื่นผมรู้สึกว่าฐานะผมด้อยกว่าครับ เพราะผมเทียบกับเพื่อนผมญาติๆเค้าจะได้ของ ได้ไปเที่ยวไปไหนมาไหน กินนู่นกินนี่ มากกว่าผม แม่ผมจะว่าผมบ่อยๆครับว่าใช้เงินเยอะ ทั้งที่ผมก็เทียบๆกับเพื่อนคนอื่นๆก็น้อยกว่าด้วยซ้ำ เวลาขออะไรแม่ถ้าแพงแล้วไม่จำเป็นนี่ไม่มีวันได้แน่ๆ เช่นขอเปลี่ยนมือถืออะไรยังงี้ ผมรู้สึกอิจฉาเพื่อนบ่อยครับว่าทำไมเราไม่มีอย่างเค้าบ้าง ทำไมเราขอซื้ออันนี้บ้างไม่ได้ แล้วช่วง ม 6 ผมเรียนคอร์สเอนท์เยอะมากครับ ใช้เงินเยอะมาก แม่จะบ่นว่าแม่เหนื่อยนะสอบให้ติดๆนะ ถ้าไม่ได้นี่แม่คงเครียดแย่ หรือไม่ก็บ่นว่าขอเรียนอีกแล้วหรอลงเรียนอะไรเยอะเนี่ยแม่เหนื่อยนะ ตังค์มันหายากนะ ผมเครียดยิ่งกว่าสอบเข้ามหาลัยอีกครับช่วงนั้นแบบกว่าจะขอเงินไปลงเรียนได้ผมต้องรวบรวมความกล้าตลอด เพราะขอครั้งนึงก็จะโดนแม่บ่นเรื่องเงินเกือบครึ่ง ชม และแม่ก็พูดๆว่าให้ผมส่งน้องเรียนต่อด้วยแม่เหนื่อย และพูดตามโต๊ะอาหารบ่อยๆว่าแบบคือโตไปคนที่จ่ายแทบทุกอย่างจะกลายเป็นผม
ผมลองมาคิดๆดูนะครับ ถ้าผมเป็นวิศวะ
-เท่าที่ผมฟังมาเงินเดือนเริ่มต้น2 หมื่นกว่า ได้ข่าวว่างานก็หนัก ทำแทบทั้งวัน แถมต้องเดินทางบ่อยๆ แถมต้องหางานอีกด้วย
-ถ้าผมเบนมาสอนพิเศษ ก็เงินเดือนคงดีกว่า แต่ผมว่ามันไม่ใช่ทางของผมเท่าไรถ้าผมเรียนวิศวะก็อยากทำงานด้านที่เรียนมาโดยตรง ใช้ความรู้ให้คุ้มค่ามากกว่า เพราะถ้าสอนพิเศษ ความรู้วิศวะคงไม่ได้ใช้อะไรมาก
-จะสอนพิเศษไปด้วย ทำวิศวะไปด้วยก็คงเหนื่อยตายไม่มีเวลาพักแน่ๆ ถึงบางคนจะบอกว่างานวิศวะเงินเดือนเป็นแสนๆก็มีเยอะจะตายงานสบายด้วย แต่ผมว่าถ้าขั้นนั้น คงต้องหัวกระทิจริงๆ แล้วรุ่นนึงจะมีสักกี่คน กว่าจะไต่เต้าได้ไปถึงขนาดนั้น ถ้าผมเรียนคงไม่เก่งขนาดนั้นแน่ๆ
ผมลองมาคิดดูครับว่า ถ้าผมอยากจะยกระดับฐานะให้ตัวเองให้ครอบครัว ต้องส่งน้องเรียนต่อเอาง่ายๆก็เกือบหมื่นล่ะ จ่ายค่านู่นนี่อีก ถ้าผมเป็นวิศวะงานนี่จะได้แบบไหนก็ยังไม่รู้ เงินเดือนก็ยังไม่แน่นอน ผมเลยคิดว่าถ้าเราเป็นหมอล่ะ ชีวิตเราน่าจะดีขึ้นกว่านี้นะมีงานมั่นคง รู้ว่าต้องทำงานแบบไหน มีเกียรติ คนยกย่อง มีฐานะ ช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของทางบ้าน เพราะความสุขสมัยนี้มันซื้อด้วยเงินแทบทั้งนั้นครับ มีเงินก็ทำอะไรได้สะดวก อยากไปไหนก็ไป อยากซื้ออะไรก็ทำได้ และในอนาคตผมต้องรับผิดชอบครอบครัวอีกเยอะ อย่าหาว่าผมเห็นแก่เงินเลยนะครับ ผมแค่อยากให้ชีวิตผมดีขึ้นเท่านั้นเองผมเข้าใจความรู้สึกที่ไม่มีเงินในบางอย่างทีจำเป็นต้องใช้มันเป็นยังไง คือผมไม่อยากเอาเรื่องเงินมาเป็นเรื่องเครียดในชีวิต ถ้าจะเครียดอยากเครียดเรื่องอื่นดีกว่า
-เพือนผมคุยเรื่องอาชีพที่อยากเป็นคือตอนแรกก็อยากเป็นอาชีพนู่นี่กันตั้งเยอะ เช่น นักข่าว เชฟ นักเขียน ครู แต่พอมาถึง ม.6 ใกล้สอบเข้ามหาลัยจริงๆก็สอบหมอ ทันตะกันหมด กลายเป็นผมก็คล้ายๆว่าจะสอบตามเพื่อนไปงั้น?
-การศึกษาบ้านเราที่เอื้อให้คนเรียนเก่งไปเรียนหมอ คือหมอมันใช้วิชาสอบทุกวิชาครับ แต่วิศวะใช้แค่ฟิสิกส์ เลข เคมีนิดๆ อังกฤษหน่อย คือคนที่เรียนเก่งๆเวลาเรียนมันก็ตั้งใจเรียนทำได้ดีทุกวิชาอยู่แล้ว คือผมก็คิดว่าผมเรียนชีวะ อักฤษ เคมี อย่างเยอะเลย เราสอบหมอดีกว่าไหม? เพราะก็ไม่อยากทิ้งความรู้ที่ไปเรียนมาตั้งมากมาย
-บ้านเราเป็นหมอคนจะยกย่องมากมาย บางทีผมว่าเยอะเกินไปด้วยซ้ำ เช่นเวลาจบมาก็มีคำนำหน้าชื่อล่ะ นพ. เวลาบอกว่าสอบติดหมอก็จะมีคนชมล่ะว่าเก่งจังมารักษาด้วยนะ เป็นอาชีพที่ได้ช่วยเหลือคน เป็นที่พึ่งของคนป่วย เหมือนได้ทำบุญ
หลังจากที่ผมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียแล้วทำให้ผมเลือกจะสอบ "หมอ" ครับ ผมคิดดูแล้วว่าถ้าผมเป็นหมอชีวิตผมจะดีขึ้นมากกว่า คือผมก็ไม่ได้ฝืนตัวเองเท่าไรนะครับ กับการที่จะเป็นหมอ คือ วิชาที่ไม่ใช่เลขกับฟิสิกส์ก็ชอบเหมือนกันอย่าง ชีวะ อังกฤษ พอขึ้นม 5 ผมเริ่มปีเป้าหมายแน่วแน่ครับ ว่าจะเป็นหมอ ผมพยายามเรียนในห้องบางวิชาที่เค้าสอนรู้เรื่อง(มีหลายวิชาที่สอนไม่รู้เรื่อง) แต่ยอมรับว่าผมไม่ใช่เด็กดีอะไรหรอกครับ เวลาวิชาไหนน่าเบื่อๆ ผมไม่ชอบครูที่สอนหรือ นั่งไปก็ไมไ่ด้ความรู้ ผมก็จะออกมาเล่นกีฬากับเพื่อนข้างนอก ซึ่งก็คือการโดดเรียนนั่นเอง ม ปลายผมโดดเรียนบ่อยมาก เกรดเลยได้ท้ายๆของห้องแบบไม่ต้องสงสัย คือผมได้ที่ 50 กว่าได้ คือพ่อก็บอกว่าเกรดอย่างนี้จะสอบติดหมอรึ? เห็นคนที่สอบติดเค้าก็ได้เกรดกันเยอะมากเลยนะ ได้ที่ต้นๆของห้องด้วย ผมเซ็งมากครับ แต่ก็พยายามปล่อยๆไป พอถึงที่เรียนพิเศษก็ตั้งใจเรียนเก็บทุกเม็ด กลับบ้านก็อ่านหนังสือ ทำข้อสอบถึงเที่ยงคืนกว่าๆก็ไปนอน เวลาเบื่อโรงเรียนก็วิ่งหนีออกจาก รร ไปเรียนพิเศษ หรือไม่ก็โดดเรียนไปเรียนพิเศษเลย ผมคิดว่า รร ช่วยผมให้สอบติดหมอไม่ได้เท่า รร กวดวิชาแน่ๆ ยอมรับเถอะครับ ว่าคนที่สอบติดที่ดีๆ เค้าก็เรียนพิเศษกันเยอะมาก ความรู้ในห้องมันก็พอได้บ้างแต่ที่ผมเอาไปสอบเข้ามาถึงวันนี้ได้ก็เพราะ ร ร กวดวิชา ข้างนอกแทบทั้งนั้นครับ คือกลายเป็นวิชาไหนใน รร น่าเบื่อ ผมก็โดดมาเล่นกีฬา คิดว่าเป็นการพักผ่อนจากการอ่าน หนังสือและการเรียนที่มันหนัก
พอถึงตอนประกาศผล ผมได้หมอสองที่ครับพ่อแม่ดีใจ ความรู้สึกขอความสำเร็จกลับมาอีกครั้ง ผมเชื่อว่าที่ผมสอบติดมันไม่ใช่เพราะเวลาเพียงสามปีใน ม.ปลาย บางทีผมว่ามันเป็นสิ่งที่ผมทำตอน ม ต้นด้วยที่ผมตั้งใจอ่านสอบเข้าเตรียม กับมหิดล ผมเชื่อว่ามันส่งผลให้ผมมีความรู้ถึงพอที่จะสอบเข้ามหาลัยด้วย คือตอนนี้ก็รอมหาลัยเปิดอยู่น่ะครับ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลคณะมาแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มรู้แล้ว่าชีวิตจะเป็นไปในแนวทางไหน ถึงหมออาจจะไม่ใช่อาชีพที่ผมใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก คือเป็นอาชีพที่ผมเลือกเพราะผมคิดแล้วว่าเหมากับผม จะทำให้ชีวิตผมดีขึ้นในหลายด้าน แต่ก็มีความตั้งใจครับ ว่าจะเป็นหมอที่ดีไม่เอาเปรียบคนไข้ อยากช่วยคน อยากทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อยากเป็นหมอที่ดีคนหนึ่งในสังคม
สำหรับใครที่จะสอบหมอก็สู้ๆนะครับอ่านหนังสือเยอะๆ ทำโจทย์ให้มากๆ ผมเชื่อว่าการจะสอบหมอได้ความเก่งมันเป็นเรื่องรองครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความขยันของเราต่างหาก แต่เตรียมสอบเข้าก็ไม่ต้องเครียดมากนะ เล่นกีฬา เล่นเกมพักผ่อนกัเพื่อนไรบ้างก็ได้ ชีวิตจะได้มีสีสัน
อยากเล่าชีวิตของผม กว่าจะสอบติดหมอและทำไมถึงอยากเป็น
เข้าเรื่องกันเลยนะครับ ผมเป็นลูกคนโตของที่บ้าน มีน้องหนึ่งคน พ่อแม่ก็ฐานะปานกลางครับที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัว ตอนผมยังเด็กแม่จะเรียกให้ไปช่วยงานที่บ้านบ่อย แต่พอเริ่มขึ้น ป 5 แม่ก็เริ่มปล่อยไม่ให้ผมทำงาน คือให้เรียนอย่างเดียว คือช่วงนั้นผมเริ่มพบว่าตัวเองชอบเรียนเลขมากๆ ผมเป็นตัวแทนแข่งคณิตสมัยประถมของ รร แทบทุกรายการ พอขึ้น ป 6 แม่ผมบังคับให้เรียนพิเศษวิชาอื่นด้วยผมไม่อยากเรียนเลยเพราะเวลาเรียนนี่คือกินเวลาแทบทั้งวัน แต่แม่ขู่ว่าถ้าไม่เรียนแต่สอบไม่ได้ก็ไม่ต้องมาพูดกัน ผมเลยต้องเรียนครับเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองต้องแข่งขันกับคนอื่นจริงจังๆ ผมขยันอ่าน ทำโจทย์จนผลสอบออกมา ผมสอบได้ห้องคิง ผมสอบได้เป็นอันดับต้นๆ แม่ผมดีใจมาก ผมชื่นใจที่สิ่งที่ผมตั้งใจตอบแทนผมเหมือนเป็นความสำเร็จก้าวแรกในชีวิต
พอขึ้นมัธยมมาผมก็เรียนพิเศษแค่คณิตเท่านั้นเพราะว่าชอบมาก วิชาอื่นคือเพือนเรียนกันผมก็ไม่เรียนเพราะผมว่ามันน่าเบื่อมาก ผมชอบคณิตมากขนาดที่อยากจะพิสูจน์สูตร หาที่มาของสมการ ของทฤษฎีบทต่างๆทางคณิตศาสตร์ ว่างๆผมจะชอบปริ๊นท์โจทย์เลขจากเน็ตมานั่งทำ ผมไม่เครียดนะสำหรับผมมันคืองานอดิเรกอย่างนึง นั่นแหละครับด้วยความที่ผมรักเลขมากเลยทำให้วิชาอื่นดูจะด้อยๆลงไปมาก ผมหลงระเริงว่าตัวเองสอบเข้ามาได้ที่ดีอยู่ห้องคิงทำให้ผมไม่ตั้งใจเรียนเลย กลายเป็นพอผมขึ้นมัธยมมาผมสอบได้เกรดน้อยกว่าคนในห้องมาก ผมสอบได้ที่ประมาณ 40 กว่าๆจากคนในห้อง50กว่าคนมันเป็นอย่างนี้อยู่สองปีครับ จนก่อนจะขึ้น ม สาม ผมอยากสอบเข้า ม4 ย้ายไปเรียนที่อื่นครับ ผมอยากเข้า รร มหิดลวิทยาสุสรณ์ ไม่ก็ เตรียมอุดมครับ คือมีคนบอกว่าดีอย่างงั้นอย่างงี้ แล้วคือยอมรับว่าไม่อยากอยู่ รร เก่าแล้ว อยากสอบเข้า อย่างน้อย รร ไหนก็ได้ในสอง รร นี้
ผมเริ่มขยันเรียนอีกครั้ง ผมอยากได้ความรู้สึกที่ประสบความสำเร็จ ความรู้สึกที่มีชื่อเราบนใบประกาศสอบติด อยากให้พ่อแม่ภิมใจในตัวผมอีกครั้ง เพราะว่าตอนนั้นพ่อแม่ผมก็เริ่มเอือมผมเต็มที่ล่ะครับ เกรดในห้องก็ได้น้อย แถมแม่ก็เริ่มบ่นว่าเรียนให้มันดีหน่อยงานก็ไม่ต้องทำที่กูไม่ให้ทำงานก็เพราะว่าเรียนดีเผื่อจะเป็นที่พึ่งให้ครอบครัว ผมเรียนพิเศษเพิ่มกวดวิชา อ่านหนังสือทุกวัน เพื่อเตรียมสอบ ผมวาดฝันชีวิตในอนาคตไว้แล้วว่าอยากเป็น"วิศวะจุฬา"เพราะจากที่เรียนมาผมชอบเลขกับฟิสิกส์มาก แต่สุดท้ายผลไม่เป็นดังคาดครับ ผมสอบไม่ได้ทั้งสองที่ พ่อแม่ก็แบบก็ไม่ได้ว่าอะไรก็เพราะว่าผมตั้งใจทำเต็มที่แล้ว แต่ท่านก็พูดๆว่าทำไมไม่ติดนะ เห็นขยันตั้งเยอะ แล้วพ่อก็บ่นว่าเสียดายเงินเรียนไปตั้งเยอะไม่ได้อะไรเลย ผมเสียใจครับ เสียใจยิ่งกว่าสอบไม่ติดอีก เหมือนบ้านผมเค้ามองว่าเงินลงทุนไปก็ต้องได้กำไรกลับมาเสมอ ต้องได้ผลที่คุ้มค่า แต่ผมก็ได้ทำสิ่งที่ควรทำไปหมดแล้วผมไม่รู้ว่าผมพลาดตรงไหน นี่คือความผิดหวังที่เจ็บปวดครั้งแรกๆในชีวิตของผมครับ
ตอนขึ้นม ปลาย ผมเริ่มมามองข้อเสียของตัวเอง เพื่อเตรียมพร้อมกับสนามใหญ่ในการสอบเข้ามหาลัย ผมเริ่มรู้ว่าสิ่งที่ถ่วงผมจริงๆคือการชอบเรียนเลขมากเกินไป เหมือนจะต้องรู้ที่มาของสูตรในคณิตศาสตร์ อ่านหนังสือเกี่ยวกับเลขเพิ่มเติม ครุ่นคิดอยู่กับมัน หาโจทย์สวยๆยากๆทำทั้งที่มันไม่ได้ใช้ในการสอบเข้าเลยสักนิด ผมเริ่มทำเลขเรียนเลขแบบที่มันใช้ในการสอบเข้าเท่านั้น ไม่ได้เรียนเพราะว่าหลงใหลหรือรักในคณิตศาสตร์แบบ ม ต้นอีกแล้ว ผมเริ่มเอาเวลาไปเรียนพิเศษทุกวิชาครับ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ อังกฤษ ทำให้เวลา ที่ทุ่มเท ที่สนุกกับการคิดเลขก็ไม่ค่อยมีทำให้ผมรู้สึกเบื่อๆเลขขึ้นมาเฉยๆแต่ก็ยังเป็นวิชาที่ถนัดอยู่ ผมเรียนโดยไม่แน่ใจมากนักครับว่าอยากเรียนต่อด้านไหน แต่คือในใจก็ยังคิดว่ายังอยากเรียนวิศวะจุฬาอยู่เพราว่าชอบฟิสิกส์กับเลข
แต่หลายๆอย่างทำให้ผมเริ่มไม่อยากเรียนวิศวะจุฬาขึ้นมาซะงั้น
- แม่ผมชอบพูดๆว่าเนี่ยเรียนหมอก็ดีนะลูกญาติเรายังไม่มีใครเป็นเลย เป็นได้นี่อย่างเท่เลยนะ แถมบ้านเราก็มีคนสุขภาพไม่ดีตั้งเอยะจะได้มาดูแล
-เวลารวมญาติก็จะเจอ คนเรียกว่า คุณหมอๆ ทั้งที่ผมยังสอบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ
-รุ่นพี่ใน รร ที่ติดหมอ คนก็ชื่นชมถูกพูดถึงมากมาย ทั้งรุ่นน้อง ครู ใน รร
-เรื่อง"เงิน"ครับ คือบ้านผมก็ฐานะไม่ได้ดีอะไร คือแต่บางทีผมก็รู้สึกว่าถ้าเทียบกับคนอื่นผมรู้สึกว่าฐานะผมด้อยกว่าครับ เพราะผมเทียบกับเพื่อนผมญาติๆเค้าจะได้ของ ได้ไปเที่ยวไปไหนมาไหน กินนู่นกินนี่ มากกว่าผม แม่ผมจะว่าผมบ่อยๆครับว่าใช้เงินเยอะ ทั้งที่ผมก็เทียบๆกับเพื่อนคนอื่นๆก็น้อยกว่าด้วยซ้ำ เวลาขออะไรแม่ถ้าแพงแล้วไม่จำเป็นนี่ไม่มีวันได้แน่ๆ เช่นขอเปลี่ยนมือถืออะไรยังงี้ ผมรู้สึกอิจฉาเพื่อนบ่อยครับว่าทำไมเราไม่มีอย่างเค้าบ้าง ทำไมเราขอซื้ออันนี้บ้างไม่ได้ แล้วช่วง ม 6 ผมเรียนคอร์สเอนท์เยอะมากครับ ใช้เงินเยอะมาก แม่จะบ่นว่าแม่เหนื่อยนะสอบให้ติดๆนะ ถ้าไม่ได้นี่แม่คงเครียดแย่ หรือไม่ก็บ่นว่าขอเรียนอีกแล้วหรอลงเรียนอะไรเยอะเนี่ยแม่เหนื่อยนะ ตังค์มันหายากนะ ผมเครียดยิ่งกว่าสอบเข้ามหาลัยอีกครับช่วงนั้นแบบกว่าจะขอเงินไปลงเรียนได้ผมต้องรวบรวมความกล้าตลอด เพราะขอครั้งนึงก็จะโดนแม่บ่นเรื่องเงินเกือบครึ่ง ชม และแม่ก็พูดๆว่าให้ผมส่งน้องเรียนต่อด้วยแม่เหนื่อย และพูดตามโต๊ะอาหารบ่อยๆว่าแบบคือโตไปคนที่จ่ายแทบทุกอย่างจะกลายเป็นผม
ผมลองมาคิดๆดูนะครับ ถ้าผมเป็นวิศวะ
-เท่าที่ผมฟังมาเงินเดือนเริ่มต้น2 หมื่นกว่า ได้ข่าวว่างานก็หนัก ทำแทบทั้งวัน แถมต้องเดินทางบ่อยๆ แถมต้องหางานอีกด้วย
-ถ้าผมเบนมาสอนพิเศษ ก็เงินเดือนคงดีกว่า แต่ผมว่ามันไม่ใช่ทางของผมเท่าไรถ้าผมเรียนวิศวะก็อยากทำงานด้านที่เรียนมาโดยตรง ใช้ความรู้ให้คุ้มค่ามากกว่า เพราะถ้าสอนพิเศษ ความรู้วิศวะคงไม่ได้ใช้อะไรมาก
-จะสอนพิเศษไปด้วย ทำวิศวะไปด้วยก็คงเหนื่อยตายไม่มีเวลาพักแน่ๆ ถึงบางคนจะบอกว่างานวิศวะเงินเดือนเป็นแสนๆก็มีเยอะจะตายงานสบายด้วย แต่ผมว่าถ้าขั้นนั้น คงต้องหัวกระทิจริงๆ แล้วรุ่นนึงจะมีสักกี่คน กว่าจะไต่เต้าได้ไปถึงขนาดนั้น ถ้าผมเรียนคงไม่เก่งขนาดนั้นแน่ๆ
ผมลองมาคิดดูครับว่า ถ้าผมอยากจะยกระดับฐานะให้ตัวเองให้ครอบครัว ต้องส่งน้องเรียนต่อเอาง่ายๆก็เกือบหมื่นล่ะ จ่ายค่านู่นนี่อีก ถ้าผมเป็นวิศวะงานนี่จะได้แบบไหนก็ยังไม่รู้ เงินเดือนก็ยังไม่แน่นอน ผมเลยคิดว่าถ้าเราเป็นหมอล่ะ ชีวิตเราน่าจะดีขึ้นกว่านี้นะมีงานมั่นคง รู้ว่าต้องทำงานแบบไหน มีเกียรติ คนยกย่อง มีฐานะ ช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของทางบ้าน เพราะความสุขสมัยนี้มันซื้อด้วยเงินแทบทั้งนั้นครับ มีเงินก็ทำอะไรได้สะดวก อยากไปไหนก็ไป อยากซื้ออะไรก็ทำได้ และในอนาคตผมต้องรับผิดชอบครอบครัวอีกเยอะ อย่าหาว่าผมเห็นแก่เงินเลยนะครับ ผมแค่อยากให้ชีวิตผมดีขึ้นเท่านั้นเองผมเข้าใจความรู้สึกที่ไม่มีเงินในบางอย่างทีจำเป็นต้องใช้มันเป็นยังไง คือผมไม่อยากเอาเรื่องเงินมาเป็นเรื่องเครียดในชีวิต ถ้าจะเครียดอยากเครียดเรื่องอื่นดีกว่า
-เพือนผมคุยเรื่องอาชีพที่อยากเป็นคือตอนแรกก็อยากเป็นอาชีพนู่นี่กันตั้งเยอะ เช่น นักข่าว เชฟ นักเขียน ครู แต่พอมาถึง ม.6 ใกล้สอบเข้ามหาลัยจริงๆก็สอบหมอ ทันตะกันหมด กลายเป็นผมก็คล้ายๆว่าจะสอบตามเพื่อนไปงั้น?
-การศึกษาบ้านเราที่เอื้อให้คนเรียนเก่งไปเรียนหมอ คือหมอมันใช้วิชาสอบทุกวิชาครับ แต่วิศวะใช้แค่ฟิสิกส์ เลข เคมีนิดๆ อังกฤษหน่อย คือคนที่เรียนเก่งๆเวลาเรียนมันก็ตั้งใจเรียนทำได้ดีทุกวิชาอยู่แล้ว คือผมก็คิดว่าผมเรียนชีวะ อักฤษ เคมี อย่างเยอะเลย เราสอบหมอดีกว่าไหม? เพราะก็ไม่อยากทิ้งความรู้ที่ไปเรียนมาตั้งมากมาย
-บ้านเราเป็นหมอคนจะยกย่องมากมาย บางทีผมว่าเยอะเกินไปด้วยซ้ำ เช่นเวลาจบมาก็มีคำนำหน้าชื่อล่ะ นพ. เวลาบอกว่าสอบติดหมอก็จะมีคนชมล่ะว่าเก่งจังมารักษาด้วยนะ เป็นอาชีพที่ได้ช่วยเหลือคน เป็นที่พึ่งของคนป่วย เหมือนได้ทำบุญ
หลังจากที่ผมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียแล้วทำให้ผมเลือกจะสอบ "หมอ" ครับ ผมคิดดูแล้วว่าถ้าผมเป็นหมอชีวิตผมจะดีขึ้นมากกว่า คือผมก็ไม่ได้ฝืนตัวเองเท่าไรนะครับ กับการที่จะเป็นหมอ คือ วิชาที่ไม่ใช่เลขกับฟิสิกส์ก็ชอบเหมือนกันอย่าง ชีวะ อังกฤษ พอขึ้นม 5 ผมเริ่มปีเป้าหมายแน่วแน่ครับ ว่าจะเป็นหมอ ผมพยายามเรียนในห้องบางวิชาที่เค้าสอนรู้เรื่อง(มีหลายวิชาที่สอนไม่รู้เรื่อง) แต่ยอมรับว่าผมไม่ใช่เด็กดีอะไรหรอกครับ เวลาวิชาไหนน่าเบื่อๆ ผมไม่ชอบครูที่สอนหรือ นั่งไปก็ไมไ่ด้ความรู้ ผมก็จะออกมาเล่นกีฬากับเพื่อนข้างนอก ซึ่งก็คือการโดดเรียนนั่นเอง ม ปลายผมโดดเรียนบ่อยมาก เกรดเลยได้ท้ายๆของห้องแบบไม่ต้องสงสัย คือผมได้ที่ 50 กว่าได้ คือพ่อก็บอกว่าเกรดอย่างนี้จะสอบติดหมอรึ? เห็นคนที่สอบติดเค้าก็ได้เกรดกันเยอะมากเลยนะ ได้ที่ต้นๆของห้องด้วย ผมเซ็งมากครับ แต่ก็พยายามปล่อยๆไป พอถึงที่เรียนพิเศษก็ตั้งใจเรียนเก็บทุกเม็ด กลับบ้านก็อ่านหนังสือ ทำข้อสอบถึงเที่ยงคืนกว่าๆก็ไปนอน เวลาเบื่อโรงเรียนก็วิ่งหนีออกจาก รร ไปเรียนพิเศษ หรือไม่ก็โดดเรียนไปเรียนพิเศษเลย ผมคิดว่า รร ช่วยผมให้สอบติดหมอไม่ได้เท่า รร กวดวิชาแน่ๆ ยอมรับเถอะครับ ว่าคนที่สอบติดที่ดีๆ เค้าก็เรียนพิเศษกันเยอะมาก ความรู้ในห้องมันก็พอได้บ้างแต่ที่ผมเอาไปสอบเข้ามาถึงวันนี้ได้ก็เพราะ ร ร กวดวิชา ข้างนอกแทบทั้งนั้นครับ คือกลายเป็นวิชาไหนใน รร น่าเบื่อ ผมก็โดดมาเล่นกีฬา คิดว่าเป็นการพักผ่อนจากการอ่าน หนังสือและการเรียนที่มันหนัก
พอถึงตอนประกาศผล ผมได้หมอสองที่ครับพ่อแม่ดีใจ ความรู้สึกขอความสำเร็จกลับมาอีกครั้ง ผมเชื่อว่าที่ผมสอบติดมันไม่ใช่เพราะเวลาเพียงสามปีใน ม.ปลาย บางทีผมว่ามันเป็นสิ่งที่ผมทำตอน ม ต้นด้วยที่ผมตั้งใจอ่านสอบเข้าเตรียม กับมหิดล ผมเชื่อว่ามันส่งผลให้ผมมีความรู้ถึงพอที่จะสอบเข้ามหาลัยด้วย คือตอนนี้ก็รอมหาลัยเปิดอยู่น่ะครับ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลคณะมาแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มรู้แล้ว่าชีวิตจะเป็นไปในแนวทางไหน ถึงหมออาจจะไม่ใช่อาชีพที่ผมใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก คือเป็นอาชีพที่ผมเลือกเพราะผมคิดแล้วว่าเหมากับผม จะทำให้ชีวิตผมดีขึ้นในหลายด้าน แต่ก็มีความตั้งใจครับ ว่าจะเป็นหมอที่ดีไม่เอาเปรียบคนไข้ อยากช่วยคน อยากทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อยากเป็นหมอที่ดีคนหนึ่งในสังคม
สำหรับใครที่จะสอบหมอก็สู้ๆนะครับอ่านหนังสือเยอะๆ ทำโจทย์ให้มากๆ ผมเชื่อว่าการจะสอบหมอได้ความเก่งมันเป็นเรื่องรองครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความขยันของเราต่างหาก แต่เตรียมสอบเข้าก็ไม่ต้องเครียดมากนะ เล่นกีฬา เล่นเกมพักผ่อนกัเพื่อนไรบ้างก็ได้ ชีวิตจะได้มีสีสัน