ผมจะเล่าเรื่องการไปเทรนงานที่ Starbucks ของผมนะครับ ว่ามีการทำอะไรบ้าง
วันที่ 15 เมษายน 2558 ผมได้รับโทรศัพท์จาก Manager Starbucks ( พี่ปุ้ย ) เขาก็ได้โทรสัมภาษณ์งานเรา ซึ่งที่พี่เขาถามมาก็เหมือนกับบริษัททั่วไป ถามเรื่อง การทำงานที่ผ่านมา ออกจากงานทำไม เคยทำงานอะไรมาก่อน คิดยังไงมาทำงานที่นี้ แล้วพี่เขาก็นักวันเทรนงานของเราคือวันพรุ่งนี้ สิ่งที่พี่เขาให้เตรียม คือ 1.เสื้อโปโลสีดำ 2.กางเกงสแล็คสีดำ 3.รองเท้าผ้าใบสีดำ ( เน้นสุภาพ ) ซึ่งพี่เขานัด ไว้บ่าย 2 โมง
วันที่ 16 เมษายน 2558 ผมก็ได้เตรียมตัวไปทำงาน ไปถึงที่ร้าน เวลา 12.00 น. ซึ่งนั้นไปเร็วกว่าปรกติ 2 ชั่วโมง ผมก็ได้ไปนั่งรอที่ร้าน สักครู่ก็มีพี่ที่ทำงาน ( พี่ตูน ) มาถามว่าน้องมาเทรนงานหรอ ค่ะ ผมก็ตอบพี่เขาไปว่า ครับ แล้วพี่เขาก็บอกว่าน้องไม่ไปเดินเล่นก่อนละ กว่า Manager จะมาก็บ่าย 2 โน้นแหละ ผมก็ได้ไปเดินเล่นสักพัก พอดูเวลาอีกทีก็บ่ายโมงครึ่งแล้วเเลยเดินมานั่งที่ร้าน พอดีมีพี่คน 1 เดินมาเก็บแก้วแล้วก็ยิ้มให้ ( พี่ปิงปอง ) แล้วก็บอกผมว่าน้องรอสักครู่นะ เดียวพี่เขาก็มา แล้วพี่เขาก็เอาแก้วไปเก็บ แล้วก็เอาน้ำเปล่ามาให้ผมดื่ม ผมก็ยิ้มให้แล้วพูดว่าขอบคุณครับ พอสักพักผมก็ได้เข้าไปนั่งในร้านซึ่งพี่ปุ้ยที่เป็น Manager ก็มานั่งสัมภาษณ์อีกที ก็ถามเรื่องเดิมๆแต่มีเสริมมาหน่อย ซึ่งผมก็ตอบผ่านแบบชิวๆ แล้วพี่ปุ้ยก็แนะนำให้รู้จักกับพี่เกรด ซึ่งพี่เขาเป็น Supervisor ซึ่งพี่ปุ้ยก็ให้พี่เกรดบอกวิธีการทำงานและคอยสอนเราทำงาน
ซึ่งการมาเทรนงานนี้ใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการทำงาน แต่ละ ชั่วโมงพี่เค้าก็ได้แบ่งเวลาไว้ให้แล้วว่าต้องทำอะไรบ้างซึ่งผมก็ไม่ได้แอะใจอะไรเพราะเวลาแค่ 4 ชั่วโมงนั้นมันแบบเดียวเอง
2 ชั่วโมงแรกพี่เขาก็ให้เราเก็บของที่ลูกค้านั่งทำความสะอาดเช็คโต๊ะดูแลถังขยะแล้วคอยเติมแนพกิ้นซึ่งนั้นก็เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับผมเลย เพราะผมชอบการเก็บกวาดอยู่แล้วบางครั้งพี่เคขาก้ให้เราไปลองทักทายลูกค้า ซึ่งผมก็ทักทายบ้างแต่ไม่มากเพราะพึ่งมาทำงานวันแรกยังไม่มีความกล้าสักเท่าไหร
แล้วพี่เกรดก็บอกให้ไปลองทักทายเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานว่าชื่ออะไรกันบ้าง ผมก็จำได้ทุกคนเลยที่ทำงานในวันนั้น คนแรกที่ผมไปทักคือ ( พี่ซัพ ) พี่เขาทำงานเกี่ยวกับ Barista เกี่ยวกับการชงกาแฟ คนที่ 2 ผมได้ไปทักทาย ( พี่ตูน ) ซึ่งพี่เขาทำงานเกี่ยวกับ แคชเชียร์ แล้วสักพักก็มีพี่มาเปลียนกะทำงานชื่อ
( พี่เกด ) ซึ่งพี่เขาทำงานเกี่ยวกับ แคชเชียร์ สักพักผมก็ได้ไปเก็บขยะ แก้ว จาน ที่ลูกค้ารับประทานไว้ ซึ่งผมก็มองว่าลูกค้าก็เยอะ แต่เราทำไมไม่เหนื่อยเลย สงสัยเป็นเพราะเราชอบงานแบบนี้ละมั่ง ผมก็ได้เอาแก้ว จานไปเก็บที่ซิงค์
ชั่วโมงที่ 3 พี่เกรดก็มอบหน้าที่ให้ไปล้างของที่เก็บมา ซึ่งมันก็ไม่ได้เยอะหรอกแล้วเป็นเรื่องที่สบายอยู่แล้วเพราะมีเครื่องล้างจาน เราแค่ทำความสะอาดที่มีเศษขนมปัง กับคราบกาแฟ เท่านั้นเองแล้วก็ยกใส่เครื่องล้าง แล้วผมก็เดินไปเก็บของข้างนอกต่อ ชั่วโมงนี้ไม่มีอะไรยุ่งยากสักเท่าไหร แล้วพี่ปิงปองก็มาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำงานของร้านนิดหน่อย ซึงผมก็ฟังอย่างตั้งใจ
ขั่วโมงที่ 4 นี้แหละเรื่องยากที่พี่เขาจะให้เราลองทำกาแฟสักเมนู ( เราเลือกเมนูอะไรก้ได้ ) ผมก็ได้เลือกที่ผมชอบกินคือ มอคค่า พี่ปุ้ยก็ได้ให้พี่ซัพมาเป็นเทรนเนอร์ให้กับเราแล้วตอนนั้นผมก็ได้รู้จักกับ ( พี่บีม ) ซึ่งเป็นพี่ที่รู้จักคนสุดท้าย พี่ซัพเขาก้แนะนำขั้นตอนการทำและวิธีการให้เราฟัง พี่เขาได้ทำให้เราดูเป็นตัวอย่าง 1 ครั้ง แล้วก็พูดอธิบายแต่ละขั้นตอนให้เราฟัง ซึ่งพวกนี้แหละเราต้องจำให้ได้ทุกประโยค เพราะมันมีความสำคัญในการทำงาน แล้วตอนต่อมาพี่เขาก็ลองให้เราพูดปากเปล่าดูแล้วอธิบายขั้นตอนแต่ละขั้นตอน แต่ผมก็อธิบายไม่เหมือนพี่เขาสักเท่าไหร ( มือใหม่ ) แต่พี่เขาก็ยังเสริมมาตอนเราพูดไม่ถูกบ้างเพื่อให้เราจำขั้นตอนนั้นๆได้ ตอนต่อมาพี่เขาก็ให้เราทำเอง แล้วอธิบายให้พี่เขาทำแต่ละขั้นตอน ซึ่งผมก็อธิบายไม่ถูกหรอกแต่ทำนี้เรื่องสบาย เพราะมีป้ายบอกอยู่ว่าทำอะไรก่อน ( เป็นภาษา English ) ซึ่งจะให้พูดนั้นเป็นเรี่องที่สบายเลย แต่จะให้พูดเหมือนพี่เขานั้นคงทำได้ยากหน่อย
ผมจะมาอธบายแต่ละขั้นตอนให้ฟังนะ ( ตอนที่ผมเข้าใจนะ )
ขั้นตอนที่ 1 บีบกาแฟ 2 ครั้ง เพื่อให้ได้ปริมาณและรสชาติของ Starbucks ( อธิบายเพิ่มเติมแก้วที่พี่เขาเตรียมให้คือ แก้ว s ซึงดูที่ข้างแก้วจะมีช่องให้เขียน และมีเส้นขีด อยู่ 3 เส้น ช่องที่เราจะเขียนคือ Drink ให้เราเขียนไปว่า MF น่าจะย่อมาจาก Mocha Coffee )
ขั้นตอนที่ 2 คือเทนมลงแก้วให้ได้ปริมาณของเส้นที่มีไว้ ห้ามเกินจนมากไปหรือน้อยจนเกินไป ซึ่งเส้นที่เราจะเทนั้นเป็นเส้นแรก นับจากก้นแก้วขึ้นมา
ขั้นตอนที่ 3 เทกาแฟจากแก้วลงถ้วยปั่น
ขั้นตอนที่ 4 บีบ สครับ 2 ครั้ง แนะนำต้องขึ้นสุดลงสุดนะ
4.1 ใส่น้ำแข็งลงไป ซึ่งที่ตักน้ำแข็งจะมีขนาดที่แตกต่างกันอยู่แล้วให้เราดูดีๆ ของผมอันเล็กสุดเลย ห้ามตักล้นจนเกินไป หรือ น้อยจนเกินไป
ขั้นตอนที่ 5 บีบ มอคค่า 1 ครั้ง รสจะเหมือนๆช็อคโกแลต
ขั้นตอนที่ 6 นำถ้วยปั่นเข้าไปปั่นปิดฝาให้เรียบร้อย ให้เรากดไปที่หมายเลข 1 เพราะว่าจะได้ประหยัดเวลาในการปั่น และมีเวลาไปทำแก้วใหม่แล้วไม่ทำให้เหลวจนเกินไป
ขั้นตอนที่ 7 เทลงบนแก้วที่เราเตรียมไว้แล้วตกแต่งด้วยวิปครีม บีบให้ได้ 2 รอบ
ขั้นตอนที่ 8 ล้างอุปกรณ์ให้สะอาดแล้วเก็บให้พร้อมใช้งาน
ขั้นตอนก็จะมีดังนี้ที่ผมกล่าวมา แต่จริงๆแล้วนั้น ขั้นตอนจะเขียนเป็นภาษา English พอเราทำเสร็จแล้วพี่เขาก็จะให้เราลองชิมฝีมือตัวเอง แล้วก็ชิมฝีมือที่พี่เขาปั่น ผมก็ลองชิมแล้วรู้สึกว่าของผมจะจืดไปหน่อย พี่เขาก็อธิบายว่า คงเป็นตอนบีบกาแฟเพราะหัวบีบมันมักจะบีบไม่ค่อยออกส่วนมากจะเป็นลมออกมาก่อนให้เราลองดูดีๆ ถ้ากาแฟไม่ออกมาหรือออกน้อยไปให้เราเทกลับไปใหม่แล้วลองบีบใหม่ดู
วินาที ที่โหดร้ายก็มาถึง อันนี้ผมต้องยอมคำถามที่ Manager ( พี่ปุ้ย ) เขาถามมามากเลย เขาจะถามเราว่าได้อะไรเกี่ยวกับการทำงานของเราบ้าง ผมนี้ก็ตอบไม่ค่อยได้ มันติดอยู่ที่มุมปากเพราะตื่นเต้นมาก ก็เลยตอบไปว่า ได้รู้วิธีการทำงานของร้าน Starbucks ได้รู้จักพี่แหละเพื่อนๆที่นิสัยดีเพิ่มขึ้น แล้วก็ได้รู้เกี่ยวกับขั้นตอนการชงกาแฟ รู้จักการทำงานเป็นทีม ( กล่าวในนี้จะไม่เหมือนับของจริงเท่าไหรตอนนั้นเกรงมากคงเข้าใจคนทำงานใหม่เนาะ ) แล้วพี่เขาก็ถามขั้นตอนการทำว่า มีกี่ขั้นตอน อธิบายแต่ละขั้น อย่างที่เราเข้าใจมาฟังสิ เชื่อสิว่าครั้งแรกผมอธิบายไม่ถูกเลย ผมเลยบอกพี่เขาไปว่าผมถนัดปฏิบัติ ต้องทำให้ดูถึงทำได้ครับ พี่เขาก็เลยตอบกลับมาว่า น้องทำได้ ก็ต้องอธิบายได้สิ ไม่ยากหรอก พี่ให้โอกาศไปดูขั้นตอน พี่เขาก็ใจดีให้เราไปดู เราก็ไปดู แต่ผมก็จำได้ไม่หมด ผมจำได้แค่ขั้นตอนที่ 1,2,6,7,8 ที่เหลือจำสลับกัน ก็เลยบอกพี่เขาไปว่าผมลองย้อนจากหลังไปหน้าได้ป่าวครับ พี่เขาก็ตอบมาว่า น้องเคยตีกลองจากหลังไปหน้าให้มันเป็นเพลงได้รึป่าว คำถามนี้ผมแถบจะหมดสติเลย ก็จริงอย่างที่พี่เข้าบอก แต่ผมก็อธิบายไม่ได้อยู่ดี ผมยอมจำนนกับหลักฐานเลย แล้วก็มาเจอคำถามสุดโหดดูเหมือนจะเป็นคำถามเชิงจิตวิทยาเลยเชี่ยวแหละ คำถามมีอยู่ว่า ถ้าน้องเจอสถานะการ 1 ซึ่งในตอนนั้นน้องอยู่ในร้านคนเดียวแล้วมีลูกค้ามาซื้อเค้กสตาร์บัคส์ช็อคโกแลตซิกเนเจอร์ แล้วจะมาเปลี่ยนเป็น เค้กสตรอเบอร์รี่เฟรชครีม น้องจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ผมเลยตอบให้พี่เขาไปว่า ไม่สามารถเปลี่ยนได้ครับ เพราะลูกค้าได้ทำการจ่ายบินออกมาแล้ว แล้วสินค้าได้มีทำงานอุ่นในเครื่องไปแล้วเลยไม่สามารถทำการเปลี่ยนให้ลูกค้าได้ครับ คำถามนี้ก็ผ่านไปแบบงงๆ แล้วพี่เขาก็ยิ่งคำถามมาอีกชุด ซึ่งคำถามนี้ทำให้ผม สตั้นไป 5 วิ เลยทีเดียว คำถามมีอยู่ว่า กรณีน้องอยู่ในที่ทำงานคนเดียวแล้วมีลูกค้าคน 1 เดินมาสั่งสินค้าแล้วบอกน้องว่า ยังไม่ขอจ่ายตังรอเพื่อนมาครบเดียวจะจ่ายที่เดียวเลย น้องจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ผมก็ได้ตอบพี่เขาไปว่า ไม่สามารถทำได้ครับ เพราะเป็นกฏของบริษัท เพราะผมรู้ว่าทุกการขายสินค้าเราจะต้องทำการชำระสินค้าก่อนเสมอ พี่เขาก็ยิ่งคำถามมาอีกว่า กรณีเดียวกันแต่ในที่นี้เป็นลูกค้าประจำ น้องจะมีวิธีแก้ไขอย่างไง ผมก็เลยตอบพี่เขาไปว่า ทำได้ครับ เพราะคนนี้คือลูกค้าประจำเรารู้ว่าเขาจะต้องจ่ายเงินหลังเพื่อนเขามาอยู่เสมอ แล้วคำถามพี่เขาก็มา แล้วถ้าลูกค้าอีกคนที่มาไม่พอใจละ บอกว่าไหนอีกคนทำได้แล้วทำไมเราทำไม่ได้ ในเมื่อเราก็จ่ายเหมือนกัน
คำถามนี้ผมไปไม่เป็นเลยครับ เลยพูดกับพี่ไปว่า ถ้างั้นการแก้ปัญหาคือ ให้ทั้ง 2 คนจ่ายเงินก่อน ซึ่งก็โดนกลับมาว่าแล้วเมื่อกี้ไม่ใช่อย่างนี้ แต่คำถามนี้ก็ผ่านไป มาเจอคำถามสุดท้ายละกัน คำถามมีอยู่ว่า ถ้าลูกค้าสั่งสินค้าแล้วไม่พอใจเรา ลูกค้าไม่รับสินค้าแต่เราได้ทำสินค้านั้นขึ้นมาแล้ว น้องจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ผมก็ตอบพี่เขาไปว่า ได้ทำการขอโทดแล้วได้ทำการทำสินค้าขึ้นมา 1 ชิ้นแล้วสมนาคุณ ไป 1 ชิ้น โดยการเอาเงินเราจ่ายให้ พี่เขาก็ตอบมาว่า แล้วถ้าลูกค้าไม่เอาละ คือ เขาไม่รับประทานเลย เราจะทำยังไง คำถามนี้ผมไปไม่เป็นเลย เพราะในชีวิตเคยเจอแต่ลูกค้าเหวี่ยง แต่ไม่ถึงกลับไม่รับสินค้า พี่เขาก็ตอบว่าไม่ได้ไม่เป็นไร เดียวอีก 7 วัน พี่จะทำการส่งเรื่องไปทีบริษัท ถ้าไม่มีการติดต่อแสดงว่าน้องไม่ผ่านนะค่ะ ทำให้ผมทรุดเลยนะตอนนั้นคงคิดว่าคงไม่ได้ทำจริงๆ ใจลึกๆคิดอย่างนั้นอยู่ แล้วพี่เขาก็ให้เงินค่ารถมา 150 บ. แล้วผมก็ขอบคุณพี่เขา แล้วเดินออกมา
นี้ก็เป็นเรื่องคร้าวๆเกี่ยวกับการไปเทรนที่ร้าน Starbucks หวังว่าหระทู้ของผมจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆพี่ๆน้องหลายๆคนที่คิดว่าจะไปสมัครทำงานที่ Starbucks แต่พี่ๆที่ทำงานในร้าน น่ารักทุกคนเลย ยังไงก็ลองไปสมัครทำดูนะครับ สนุกดี
การเทรนงานที่ Starbucks สาขา The mall ท่าพระ
วันที่ 15 เมษายน 2558 ผมได้รับโทรศัพท์จาก Manager Starbucks ( พี่ปุ้ย ) เขาก็ได้โทรสัมภาษณ์งานเรา ซึ่งที่พี่เขาถามมาก็เหมือนกับบริษัททั่วไป ถามเรื่อง การทำงานที่ผ่านมา ออกจากงานทำไม เคยทำงานอะไรมาก่อน คิดยังไงมาทำงานที่นี้ แล้วพี่เขาก็นักวันเทรนงานของเราคือวันพรุ่งนี้ สิ่งที่พี่เขาให้เตรียม คือ 1.เสื้อโปโลสีดำ 2.กางเกงสแล็คสีดำ 3.รองเท้าผ้าใบสีดำ ( เน้นสุภาพ ) ซึ่งพี่เขานัด ไว้บ่าย 2 โมง
วันที่ 16 เมษายน 2558 ผมก็ได้เตรียมตัวไปทำงาน ไปถึงที่ร้าน เวลา 12.00 น. ซึ่งนั้นไปเร็วกว่าปรกติ 2 ชั่วโมง ผมก็ได้ไปนั่งรอที่ร้าน สักครู่ก็มีพี่ที่ทำงาน ( พี่ตูน ) มาถามว่าน้องมาเทรนงานหรอ ค่ะ ผมก็ตอบพี่เขาไปว่า ครับ แล้วพี่เขาก็บอกว่าน้องไม่ไปเดินเล่นก่อนละ กว่า Manager จะมาก็บ่าย 2 โน้นแหละ ผมก็ได้ไปเดินเล่นสักพัก พอดูเวลาอีกทีก็บ่ายโมงครึ่งแล้วเเลยเดินมานั่งที่ร้าน พอดีมีพี่คน 1 เดินมาเก็บแก้วแล้วก็ยิ้มให้ ( พี่ปิงปอง ) แล้วก็บอกผมว่าน้องรอสักครู่นะ เดียวพี่เขาก็มา แล้วพี่เขาก็เอาแก้วไปเก็บ แล้วก็เอาน้ำเปล่ามาให้ผมดื่ม ผมก็ยิ้มให้แล้วพูดว่าขอบคุณครับ พอสักพักผมก็ได้เข้าไปนั่งในร้านซึ่งพี่ปุ้ยที่เป็น Manager ก็มานั่งสัมภาษณ์อีกที ก็ถามเรื่องเดิมๆแต่มีเสริมมาหน่อย ซึ่งผมก็ตอบผ่านแบบชิวๆ แล้วพี่ปุ้ยก็แนะนำให้รู้จักกับพี่เกรด ซึ่งพี่เขาเป็น Supervisor ซึ่งพี่ปุ้ยก็ให้พี่เกรดบอกวิธีการทำงานและคอยสอนเราทำงาน
ซึ่งการมาเทรนงานนี้ใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการทำงาน แต่ละ ชั่วโมงพี่เค้าก็ได้แบ่งเวลาไว้ให้แล้วว่าต้องทำอะไรบ้างซึ่งผมก็ไม่ได้แอะใจอะไรเพราะเวลาแค่ 4 ชั่วโมงนั้นมันแบบเดียวเอง
2 ชั่วโมงแรกพี่เขาก็ให้เราเก็บของที่ลูกค้านั่งทำความสะอาดเช็คโต๊ะดูแลถังขยะแล้วคอยเติมแนพกิ้นซึ่งนั้นก็เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับผมเลย เพราะผมชอบการเก็บกวาดอยู่แล้วบางครั้งพี่เคขาก้ให้เราไปลองทักทายลูกค้า ซึ่งผมก็ทักทายบ้างแต่ไม่มากเพราะพึ่งมาทำงานวันแรกยังไม่มีความกล้าสักเท่าไหร
แล้วพี่เกรดก็บอกให้ไปลองทักทายเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานว่าชื่ออะไรกันบ้าง ผมก็จำได้ทุกคนเลยที่ทำงานในวันนั้น คนแรกที่ผมไปทักคือ ( พี่ซัพ ) พี่เขาทำงานเกี่ยวกับ Barista เกี่ยวกับการชงกาแฟ คนที่ 2 ผมได้ไปทักทาย ( พี่ตูน ) ซึ่งพี่เขาทำงานเกี่ยวกับ แคชเชียร์ แล้วสักพักก็มีพี่มาเปลียนกะทำงานชื่อ
( พี่เกด ) ซึ่งพี่เขาทำงานเกี่ยวกับ แคชเชียร์ สักพักผมก็ได้ไปเก็บขยะ แก้ว จาน ที่ลูกค้ารับประทานไว้ ซึ่งผมก็มองว่าลูกค้าก็เยอะ แต่เราทำไมไม่เหนื่อยเลย สงสัยเป็นเพราะเราชอบงานแบบนี้ละมั่ง ผมก็ได้เอาแก้ว จานไปเก็บที่ซิงค์
ชั่วโมงที่ 3 พี่เกรดก็มอบหน้าที่ให้ไปล้างของที่เก็บมา ซึ่งมันก็ไม่ได้เยอะหรอกแล้วเป็นเรื่องที่สบายอยู่แล้วเพราะมีเครื่องล้างจาน เราแค่ทำความสะอาดที่มีเศษขนมปัง กับคราบกาแฟ เท่านั้นเองแล้วก็ยกใส่เครื่องล้าง แล้วผมก็เดินไปเก็บของข้างนอกต่อ ชั่วโมงนี้ไม่มีอะไรยุ่งยากสักเท่าไหร แล้วพี่ปิงปองก็มาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำงานของร้านนิดหน่อย ซึงผมก็ฟังอย่างตั้งใจ
ขั่วโมงที่ 4 นี้แหละเรื่องยากที่พี่เขาจะให้เราลองทำกาแฟสักเมนู ( เราเลือกเมนูอะไรก้ได้ ) ผมก็ได้เลือกที่ผมชอบกินคือ มอคค่า พี่ปุ้ยก็ได้ให้พี่ซัพมาเป็นเทรนเนอร์ให้กับเราแล้วตอนนั้นผมก็ได้รู้จักกับ ( พี่บีม ) ซึ่งเป็นพี่ที่รู้จักคนสุดท้าย พี่ซัพเขาก้แนะนำขั้นตอนการทำและวิธีการให้เราฟัง พี่เขาได้ทำให้เราดูเป็นตัวอย่าง 1 ครั้ง แล้วก็พูดอธิบายแต่ละขั้นตอนให้เราฟัง ซึ่งพวกนี้แหละเราต้องจำให้ได้ทุกประโยค เพราะมันมีความสำคัญในการทำงาน แล้วตอนต่อมาพี่เขาก็ลองให้เราพูดปากเปล่าดูแล้วอธิบายขั้นตอนแต่ละขั้นตอน แต่ผมก็อธิบายไม่เหมือนพี่เขาสักเท่าไหร ( มือใหม่ ) แต่พี่เขาก็ยังเสริมมาตอนเราพูดไม่ถูกบ้างเพื่อให้เราจำขั้นตอนนั้นๆได้ ตอนต่อมาพี่เขาก็ให้เราทำเอง แล้วอธิบายให้พี่เขาทำแต่ละขั้นตอน ซึ่งผมก็อธิบายไม่ถูกหรอกแต่ทำนี้เรื่องสบาย เพราะมีป้ายบอกอยู่ว่าทำอะไรก่อน ( เป็นภาษา English ) ซึ่งจะให้พูดนั้นเป็นเรี่องที่สบายเลย แต่จะให้พูดเหมือนพี่เขานั้นคงทำได้ยากหน่อย
ผมจะมาอธบายแต่ละขั้นตอนให้ฟังนะ ( ตอนที่ผมเข้าใจนะ )
ขั้นตอนที่ 1 บีบกาแฟ 2 ครั้ง เพื่อให้ได้ปริมาณและรสชาติของ Starbucks ( อธิบายเพิ่มเติมแก้วที่พี่เขาเตรียมให้คือ แก้ว s ซึงดูที่ข้างแก้วจะมีช่องให้เขียน และมีเส้นขีด อยู่ 3 เส้น ช่องที่เราจะเขียนคือ Drink ให้เราเขียนไปว่า MF น่าจะย่อมาจาก Mocha Coffee )
ขั้นตอนที่ 2 คือเทนมลงแก้วให้ได้ปริมาณของเส้นที่มีไว้ ห้ามเกินจนมากไปหรือน้อยจนเกินไป ซึ่งเส้นที่เราจะเทนั้นเป็นเส้นแรก นับจากก้นแก้วขึ้นมา
ขั้นตอนที่ 3 เทกาแฟจากแก้วลงถ้วยปั่น
ขั้นตอนที่ 4 บีบ สครับ 2 ครั้ง แนะนำต้องขึ้นสุดลงสุดนะ
4.1 ใส่น้ำแข็งลงไป ซึ่งที่ตักน้ำแข็งจะมีขนาดที่แตกต่างกันอยู่แล้วให้เราดูดีๆ ของผมอันเล็กสุดเลย ห้ามตักล้นจนเกินไป หรือ น้อยจนเกินไป
ขั้นตอนที่ 5 บีบ มอคค่า 1 ครั้ง รสจะเหมือนๆช็อคโกแลต
ขั้นตอนที่ 6 นำถ้วยปั่นเข้าไปปั่นปิดฝาให้เรียบร้อย ให้เรากดไปที่หมายเลข 1 เพราะว่าจะได้ประหยัดเวลาในการปั่น และมีเวลาไปทำแก้วใหม่แล้วไม่ทำให้เหลวจนเกินไป
ขั้นตอนที่ 7 เทลงบนแก้วที่เราเตรียมไว้แล้วตกแต่งด้วยวิปครีม บีบให้ได้ 2 รอบ
ขั้นตอนที่ 8 ล้างอุปกรณ์ให้สะอาดแล้วเก็บให้พร้อมใช้งาน
ขั้นตอนก็จะมีดังนี้ที่ผมกล่าวมา แต่จริงๆแล้วนั้น ขั้นตอนจะเขียนเป็นภาษา English พอเราทำเสร็จแล้วพี่เขาก็จะให้เราลองชิมฝีมือตัวเอง แล้วก็ชิมฝีมือที่พี่เขาปั่น ผมก็ลองชิมแล้วรู้สึกว่าของผมจะจืดไปหน่อย พี่เขาก็อธิบายว่า คงเป็นตอนบีบกาแฟเพราะหัวบีบมันมักจะบีบไม่ค่อยออกส่วนมากจะเป็นลมออกมาก่อนให้เราลองดูดีๆ ถ้ากาแฟไม่ออกมาหรือออกน้อยไปให้เราเทกลับไปใหม่แล้วลองบีบใหม่ดู
วินาที ที่โหดร้ายก็มาถึง อันนี้ผมต้องยอมคำถามที่ Manager ( พี่ปุ้ย ) เขาถามมามากเลย เขาจะถามเราว่าได้อะไรเกี่ยวกับการทำงานของเราบ้าง ผมนี้ก็ตอบไม่ค่อยได้ มันติดอยู่ที่มุมปากเพราะตื่นเต้นมาก ก็เลยตอบไปว่า ได้รู้วิธีการทำงานของร้าน Starbucks ได้รู้จักพี่แหละเพื่อนๆที่นิสัยดีเพิ่มขึ้น แล้วก็ได้รู้เกี่ยวกับขั้นตอนการชงกาแฟ รู้จักการทำงานเป็นทีม ( กล่าวในนี้จะไม่เหมือนับของจริงเท่าไหรตอนนั้นเกรงมากคงเข้าใจคนทำงานใหม่เนาะ ) แล้วพี่เขาก็ถามขั้นตอนการทำว่า มีกี่ขั้นตอน อธิบายแต่ละขั้น อย่างที่เราเข้าใจมาฟังสิ เชื่อสิว่าครั้งแรกผมอธิบายไม่ถูกเลย ผมเลยบอกพี่เขาไปว่าผมถนัดปฏิบัติ ต้องทำให้ดูถึงทำได้ครับ พี่เขาก็เลยตอบกลับมาว่า น้องทำได้ ก็ต้องอธิบายได้สิ ไม่ยากหรอก พี่ให้โอกาศไปดูขั้นตอน พี่เขาก็ใจดีให้เราไปดู เราก็ไปดู แต่ผมก็จำได้ไม่หมด ผมจำได้แค่ขั้นตอนที่ 1,2,6,7,8 ที่เหลือจำสลับกัน ก็เลยบอกพี่เขาไปว่าผมลองย้อนจากหลังไปหน้าได้ป่าวครับ พี่เขาก็ตอบมาว่า น้องเคยตีกลองจากหลังไปหน้าให้มันเป็นเพลงได้รึป่าว คำถามนี้ผมแถบจะหมดสติเลย ก็จริงอย่างที่พี่เข้าบอก แต่ผมก็อธิบายไม่ได้อยู่ดี ผมยอมจำนนกับหลักฐานเลย แล้วก็มาเจอคำถามสุดโหดดูเหมือนจะเป็นคำถามเชิงจิตวิทยาเลยเชี่ยวแหละ คำถามมีอยู่ว่า ถ้าน้องเจอสถานะการ 1 ซึ่งในตอนนั้นน้องอยู่ในร้านคนเดียวแล้วมีลูกค้ามาซื้อเค้กสตาร์บัคส์ช็อคโกแลตซิกเนเจอร์ แล้วจะมาเปลี่ยนเป็น เค้กสตรอเบอร์รี่เฟรชครีม น้องจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ผมเลยตอบให้พี่เขาไปว่า ไม่สามารถเปลี่ยนได้ครับ เพราะลูกค้าได้ทำการจ่ายบินออกมาแล้ว แล้วสินค้าได้มีทำงานอุ่นในเครื่องไปแล้วเลยไม่สามารถทำการเปลี่ยนให้ลูกค้าได้ครับ คำถามนี้ก็ผ่านไปแบบงงๆ แล้วพี่เขาก็ยิ่งคำถามมาอีกชุด ซึ่งคำถามนี้ทำให้ผม สตั้นไป 5 วิ เลยทีเดียว คำถามมีอยู่ว่า กรณีน้องอยู่ในที่ทำงานคนเดียวแล้วมีลูกค้าคน 1 เดินมาสั่งสินค้าแล้วบอกน้องว่า ยังไม่ขอจ่ายตังรอเพื่อนมาครบเดียวจะจ่ายที่เดียวเลย น้องจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ผมก็ได้ตอบพี่เขาไปว่า ไม่สามารถทำได้ครับ เพราะเป็นกฏของบริษัท เพราะผมรู้ว่าทุกการขายสินค้าเราจะต้องทำการชำระสินค้าก่อนเสมอ พี่เขาก็ยิ่งคำถามมาอีกว่า กรณีเดียวกันแต่ในที่นี้เป็นลูกค้าประจำ น้องจะมีวิธีแก้ไขอย่างไง ผมก็เลยตอบพี่เขาไปว่า ทำได้ครับ เพราะคนนี้คือลูกค้าประจำเรารู้ว่าเขาจะต้องจ่ายเงินหลังเพื่อนเขามาอยู่เสมอ แล้วคำถามพี่เขาก็มา แล้วถ้าลูกค้าอีกคนที่มาไม่พอใจละ บอกว่าไหนอีกคนทำได้แล้วทำไมเราทำไม่ได้ ในเมื่อเราก็จ่ายเหมือนกัน
คำถามนี้ผมไปไม่เป็นเลยครับ เลยพูดกับพี่ไปว่า ถ้างั้นการแก้ปัญหาคือ ให้ทั้ง 2 คนจ่ายเงินก่อน ซึ่งก็โดนกลับมาว่าแล้วเมื่อกี้ไม่ใช่อย่างนี้ แต่คำถามนี้ก็ผ่านไป มาเจอคำถามสุดท้ายละกัน คำถามมีอยู่ว่า ถ้าลูกค้าสั่งสินค้าแล้วไม่พอใจเรา ลูกค้าไม่รับสินค้าแต่เราได้ทำสินค้านั้นขึ้นมาแล้ว น้องจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ผมก็ตอบพี่เขาไปว่า ได้ทำการขอโทดแล้วได้ทำการทำสินค้าขึ้นมา 1 ชิ้นแล้วสมนาคุณ ไป 1 ชิ้น โดยการเอาเงินเราจ่ายให้ พี่เขาก็ตอบมาว่า แล้วถ้าลูกค้าไม่เอาละ คือ เขาไม่รับประทานเลย เราจะทำยังไง คำถามนี้ผมไปไม่เป็นเลย เพราะในชีวิตเคยเจอแต่ลูกค้าเหวี่ยง แต่ไม่ถึงกลับไม่รับสินค้า พี่เขาก็ตอบว่าไม่ได้ไม่เป็นไร เดียวอีก 7 วัน พี่จะทำการส่งเรื่องไปทีบริษัท ถ้าไม่มีการติดต่อแสดงว่าน้องไม่ผ่านนะค่ะ ทำให้ผมทรุดเลยนะตอนนั้นคงคิดว่าคงไม่ได้ทำจริงๆ ใจลึกๆคิดอย่างนั้นอยู่ แล้วพี่เขาก็ให้เงินค่ารถมา 150 บ. แล้วผมก็ขอบคุณพี่เขา แล้วเดินออกมา
นี้ก็เป็นเรื่องคร้าวๆเกี่ยวกับการไปเทรนที่ร้าน Starbucks หวังว่าหระทู้ของผมจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆพี่ๆน้องหลายๆคนที่คิดว่าจะไปสมัครทำงานที่ Starbucks แต่พี่ๆที่ทำงานในร้าน น่ารักทุกคนเลย ยังไงก็ลองไปสมัครทำดูนะครับ สนุกดี