สงกรานต์ปีนี้ ... ผมไม่ได้มีเงินมากมายไปเที่ยวกับคนอื่น อาจเพราะว่าต้องทำงานและต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นแต่ต้นปี
ไม่ว่าจะเป็นค่าเปลี่ยนยางสี่ล้อ ค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่าบัตรเครดิตที่คั่งค้าง และค่าข้าวค่าน้ำแต่ละมื้อที่ปรับสูงขึ้นจนเงินเดือนปรับตามแทบไม่ทันและนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมีสงกรานต์ปีนี้ ไม่เหมือนใคร
ช่วงเช้าวันที่ 13 เมษาผมตื่นแต่เช้าไปเข้าเวรที่ธนาคารย่านพระราม 9 ปกติ ด้วยบรรยากาศในกรุงเทพที่เงียบเชียบ รอเวลาสนุกสนานคึกคักตามเทศกาลอีกครั้งในช่วงบ่ายและค่ำ ออฟฟิศก็งานปะปายให้ทำตามหน้าที่บ้าง ในวันนั้นมีเพื่อนพนักงานไม่น้อยที่ต้องร่วมชะตากรรมอดหยุดยาวและอดทนทำงานตนเองให้ผ่านช่วงเทศกาลไป
ขณะที่ผมทำงาน ตามปกติก็ได้ยินข่าวแว้วๆว่ามี
คนต่างชาติสลบเมือดหมดสภาพ อยู่บริเวณหน้า 7-11 แถวออฟฟิศ แต่ตอนนั้นไม่คิดอะไรครับ เพราะคิดว่าคงเมาแล้วก็คงมีเจ้าหน้าที่หรือญาตพี่น้องเค้ามาช่วย / แต่เวลาผ่านไปจากเช้า สาย บ่าย เย็น ชายต่างชาติยังอยู่ ผมไม่เห็นว่าเป็นใคร ทราบแต่เพียงว่าแต่งตัวดีแต่สภาพร่างกายไม่ดีนักเป็นที่เวทนาแก่ผู้พบเห็น
โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนในที่ทำงานผม !
กระทั่งเลิกงาน
บรรดาอาร์ทตัวแม่ (ผู้หญิงที่ขี้สงสาร) ก็ได้ฝากผู้ชายตัวใหญ่ใจดำๆ คนนี้แหละ ไปดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผมเองก็ไม่คิดอะไรคาดว่าจะชื้อข้าวซื้อน้ำให้ทานและสอบถามถึงสาเหตุ ก็ปลีกตัวกลับบ้าน
จะได้ไปบอกเพื่อนๆ ว่า
" กูมาถามแล้วน่ะ อย่าว่ากู เพราะจริงๆ แล้วกูไม่เกี่ยว +555 "
เลิกงานเสร็จ ผมจึงขับรถไปสังเกต "ชายต่างชาติ" คนดังกล่าวแต่ก็ไม่พบเพราะคนเยอะมาก ผู้คนหลั่งไหลมาเที่ยวในงานRCA มากมายจริงๆ
ก็เลยเข้าไปสอบถาม
พนักงาน 7-11 ยังไม่ทันได้คุยกันดี
พนักงาน7-11ก็ชี้ให้ผมเห็นตาลุงแก่ๆคนนึง อายุราวๆ 40-50 ปี นอนงอตัวเป็นกุ้งแม่กลอง สวมเสื้อรักประเทศไทย กางเกงยีนส์ลีวายริมแดง รองเท้าอดิแดสของแท้สีแสด นอนสลบเมือดอยู่หน้าร้าน ...
ผมทราบทันทีว่าต้องเป็นคนต่างชาติตามคำบอกกล่าวของเพื่อนร่วมงาน
(อืม ม ม ... มองแบบ รังเกียดนิดๆ )
แต่แล้ว ก็ต้องสอบถามพอเป็นมารยาทเสียหน่อยว่ามาพบแล้วน่ะ เพื่อนๆ จะได้หายห่วง ผมจึงใช้ปลายเท้าสะกิด ๆ ตามประสาคนมีฟอร์ม แต่อยากรู้ อยากเห็น -3-
"เฮ้ !!! ยู โอเครไหม "
ชายชาวต่างชาติตอบว่า "โอเคร"
" และยูมาจากไหน "
/ ไอ ฟอร์ม โตเกียว แอนด์ ๆ ๆ เอม บาส ซี่ เอม บาส ซี่ ๆ ๆ ๆ /
สักพักเขาหยิบเงินจำนวนหนึงขึ้นมาประมาณ 200 บาทกับขนมถ้วยฟูใน 7-11มาใส่มือผม ( เข้าใจได้ว่ามาจากเพื่อนร่วมงานผมที่สงสารเอามาให้ก่อนหน้านี้ )
ผมก็ไม่ค่อยเก่งอังกฤษนักได้แต่บอกว่า โนๆๆๆ แอมม์ โน นีด ... เก็บไว้เหอะ
จากนั้นก็ถามกลับไปว่า ยูจะเอายังไง นอนต่อไปไม่ได้น่ะ จะไปไหน ไปสถานีตำรวจไหม /// ชายชาวญี่ปุ่น ตอบว่าไปมาแล้ว แต่ไม่มีใครช่วย ผมเจ็บขามาก ผมโดนทำร้าย ผมไม่มีเงินเลย
ผมก็บอกกลับไปสั้น ๆ ว่า
"ไอ ไม่รู้ ไอ ช่วย ยูไม่ได้ทั้งหมดหรอกน่ะ แต่ตอนนี้อยากได้อะไรไหมที่ไอ พอ จะช่วยได้ "
"ไอ วอนทฺ์ ทู ชาร์ป แอนด์ ชาวเวอร์" /โกนหนวด+อาบน้ำ /
ชายชาวญี่ปุ่นตอบ ผมจึงตอบกลับว่าได้จะไปถามเพื่อนที่ทำงานให้ว่าใครบ้านอยู่แถวนี้ไหม จะได้มาช่วย U ต่อ
ผมวางเงินให้เขาเพิ่มอีก 100 บาท และเร่งเดินหันหลังกลับและรีบขึ้นรถ ก่อนจะบอกตัวเองว่าคงจะช่วยอะไรมากไม่ได้เพราะดูจากสภาพคนญี่ปุ่นคนนี้แล้วอาการหนักจริง ๆ แต่ในขณะผมปิดประตู
ขึ้นรถไปนั้น ตาลุงชาวญี่ปุ่นพยายามเดินตามผมมาด้วยสภาพที่อิดโรยเต็มแก่ ก่อนล้มลงท่ามกลางฝูงนักท่องเที่ยว ทุกคนในงานต่างจับตามามองผม ด้วยสายตาที่ว่า เราเป็นมิจฉาชีพพาคนญี่ปุ่นมา *มอมทรัพย์และทิ้งไว้หน้า 7-11 ด้วยความอับอายต่อสายตาประชาชีผมจึงอุ้ม ประคับประคอง ตาลุงญี่ปุ่นขึ้นรถมาด้วย และรีบขับออกจากที่เกิดเหตุโดยเร็ว
เอาสิครับ
ซ่วย 0.0 แหละงานนี้ จะเอาไปไหนดี จอดรถโทรไปโรงพักก็ได้ความว่าถ้าน้องเอามาส่งและจะให้นอนไหน (ประมาณว่าช่วยไม่ได้) โทรไปสถานทูตก็บอกว่ารอให้หมดสงกรานต์ก่อน แหละนี้ก็
เพิ่งสงกรานต์วันแรกเอง ผมจึงถาม ตาลุงญี่ปุ่น แบบไม่พอประสาภาษากันดีนัก ได้ความว่า แกชื่อ" ทัสสึ "ไปพัทยามาโดนคนไทยหลอกเอาเงินไป 5,000 ดอลล่าห์และโดนทำร้าย แกไม่อยากกลับไป เจอเพื่อนสาวคนนี้อีกแล้ว แกหนีออกมาได้และมีคนมาส่งทิ้งไว้แถวพระราม 9 ตอนนี้อยากอาบน้ำ... อยากอาบน้ำ ... อยากอาบน้ำ ... และหิวมากๆๆ
ด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าเป็นหรือตายต่อจากมือเราเดี่ยวเราจะซ่วยฉลองสงกรานต์(ส่ะ) เงินทองยิ่งไม่ค่อยจะมีอยู่ ก็เลยพากลับไปบ้านแถวพระราม2
พอถึงซอยบ้านเด็กปิดซอยเล่นสงกรานต์ ทำให้ต้องจอดรถเอาไว้ไกลแล้วประคับประคองพา ตาลุงทัสสึเล่นสงกรานต์เปียกปอนเข้าบ้าน แบบไม่ค่อยเต็มใจเล่นนัก ( - - )
พอถึงบ้านทุกคนต่าง อึ้งและทึ่ง ! เมื่อเห็นผมหอบ คนญี่ปุ่น ที่ดูเหมือนจะตายแหล่ ไม่แหล่เข้าบ้าน
... ผมก็ไม่พูดอะไรพาา ทัสสึเข้าบ้านไปหากินข้าว อาบน้ำ แปรงฟัน โกนหนวดตามที่แกร้องขอของเจ้าตัว
ทัสสึ ! เป็นเด็กดีมากครับ เข้าไปอ่อนน้อมถ่อมต้นไหว้ คนทั้งซอย ทั้งบ้านผม
+.+ ก่อนจะก่อเหตุลื่นล้มในห้องน้ำ ทำข้าวของเกลื่อนกลาด กระจกในส้วมแตกกระจาย จึงไม่แปลกนักที่คนในบ้านผม จะยกมือ
เป็นเอกฉันท์ให้ผมเอาทัสสึออกจากบ้านโดยเร็วที่สุดดดดด....ดดดด
แต่ผมก็ขอร้องคนที่บ้านว่า ให้ทัสสึได้นอนพักสัก 1 ชม.แล้วผมจะเอาไปหา ตร.อีกครั้ง ที่บ้านผมก็น่ารัก ๆๆ บอกว่าถ้าเกิน 1 ชม. ทัสสึ ยังไม่ไปพวกเขาจะเป็นฝ่ายไปเอง ....(เวรกรรม บ้านนี้มีรักจิงๆ )
จากนั้นทัสสึ ก็ตื่นนอนขึ้นมาด้วยสภาพดูมีแรงขึ้นแต่ก็มีสีหน้าวิตกกังวล เศร้าซึม ถามคำตอบคำ ผมมองนาฬิกาเห็นว่าดึกแล้ว ผนวกกับพรุ่งนี้ผมก็ต้องทำงานด้วย / อีตาตะลุง ทัสสึ จะนอนไหน ก็ยังไม่รู้
เราคงต้องเร่งพาไปหา ตร.ท่องเที่ยวเพื่อช่วยเหลือต่อไป ผมจึงรีบสตาร์ทรถออกไปไม่รอช้า ศึกษาเป็นอย่างดีจะไปหา ตร.ท่องเที่ยวที่ราชดำเนิน แต่ด้วยความเริ่มไม่มั่นใจเท่าไร จึงไปตาม
... ลูกศิษย์คนนึง เพราะสมัยนึงผมเคยเป็นอาจารย์มาก่อน ลูกศิษย์ผมคนนี้ขี้คุยมาก อ้างตัวเสมอว่าเป็นคนกว้างขวาง มีทัศนคติที่ดีต่อประเทศญี่ปุ่นสูง ซึ่งก็เดชะบุญเป็นวันหยุดพอดี เด็กคนนี้เลยออก มาช่วยผมกับทัสสึ คิดแก้ปัญหา
ผม - ลูกศิษย์ และ ทัสสึ ไปที่ราชดำเนินเพื่อหาทางออกกับตำรวจท่องเที่ยว พอไปถึงหายากมากครับสถานีตำรวจไม่มีป้ายเลยอยู่ในกระทรวงท่องเที่ยว มีพี่สาว 1 คนเป็นล่ามใจดีกับตำรวจอำนวยการ 1 นาย
ซึ่งยอมรับว่าตำรวจท่องเที่ยวบริการดีมากครับ แต่ไม่มีอำนาจติดขัดเรื่องวันหยุดและระเบียบราชการทำได้เพียงสอบความไว้เบื้องต้นความว่า
" ทัสสึมีเงินส่วนหนึงพอใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นแต่มาเมืองไทยมีคนพยายามจะทำร้ายเค้า และเอาเงินไปมาเมืองไทยครั้งนี้มีคนบอกว่าจะได้มาอยู่ตลอด ตนเองก็อยากเปลี่ยนชีวิตเชื่อว่าที่เมืองไทยจะ
เปลี่ยนชีวิตเค้าได้แต่ก็มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ " ทัสสึบอกกับตำรวจว่าเขามีเงินหลายร้อยล้านแต่เอามาใช้ไม่ได้อยากให้หาทางช่วยเขา +555 มุกนี้ผมกับตำรวจท่องเที่ยวขำกันมาก นึกในใจคน รวยบ้าบ่อ อะไรตกอยู่ในสภาพนี้ก่อนจะมีหลายร้อยล้าน คืนนี้ถามก่อนนี้ดีกว่า " แกจะนอนไหน ทัสสึ !!! " +555
ผม กับ ศิษย์ จึงตระเวนไปตามโรงแรมต่างๆ ที่ราคาประหยัดเพื่อหาที่พักให้ทัสสึ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธเพราะว่าทัสสึไม่มีเอกสารอะไรเลย นอกจากสมุดบัญชีที่ญี่ปุ่นพร้อมตาประทับที่ทัสสึ **ห่วงมากๆๆๆ ทำให้คืนนั้นแม้จะรวบรวมเงินได้แต่ก็หาที่นอนให้ทัสสึไม่ได้
ผม กับ ศิษย์ ก็อยู่ในรถด้วยความเงียบกริบไม่รู้จะทำอย่างไร ไปวัด วัดยังไล่ ไปโรงแรมก็ไม่รับ ไปบ้านยิ่งแล้วใหญ่จะเอาใครไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้าบ้าน .... สุดท้ายผมกับศิษย์ไปจอดรถที่หน้า
สวนรัชกาลตรงข้ามสวนลุม จอดด้วยความเหนื่อยล้า เหนื่อยที่จะคิด
ผมตัดสินใจเรียกทัสสึ " GET OUT!! ลงจากรถไป เพราะว่าพรุ่งนี้ ไอ! ต้องทำงาน !! "
ลูกศิษย์มองผมด้วยความผิดหวัง และมองทัสสึด้วยความสงสาร ... ผมจึงพูด ลูกศิษย์ที่ชื่อ แพะ ว่า...
"แพะ เราทำดีที่สุดแล้วเราช่วยเท่าที่เราจะช่วยได้ อาจารย์จนปัญญาว่ะ "
" อาจารย์ ไม่จริง อาจารย์จะทิ้งเขาแบบนี้หรือ ผมนับถืออาจารย์มากน่ะ อาจารย์ลองหันหลังไปดูเขาสิ เขาน่าสงสารแค่ไหน ไม่มีอาจารย์แล้วใครจะช่วยเค้า "
ผมนิ่งเงียบก่อนตอบลูกศิษย์ไปว่า " แล้วจะให้ทำอย่างไร เองนึกสิ อ.ไม่อยากทำ อ.ก็ผิดหวังพอๆ กับเองแหละ หาพึ่งใคร ก็ไม่มีใครช่วยแล้ว ทำไงได้ แพะ ... "
"เอางี้ครับ อ. ผมว่าเอาเขาไปทิ้งที่หัวลำโพงก็ยังดี ที่นั้นมีตำรวจท่องเที่ยวมีหลังคาคุ้มแดด คุ้มฝนเพื่อว่าจะมีคนใจดีมารับต่อจากเรา ... ได้โปรดเถอะครับ อ. อย่าทำแบบนี้ "
ผมหันไปมอง ทัสสึ ที่โดนไล่ออกนอกรถ พร้อมตั้งคำถามในใจหลายล้านตลบ
...ก่อนตัดสินใจลงรถไปประคอง อีตาลุงทัสสึ ไปส่งที่หัวลำโพง
### เราขับรถมาถึงหัวลำโพงครับ คนเยอะมากๆๆ นอนเต็มข้างทางเลย แต่ข้างในหัวลำโพงกลับปิดเข้าไปไม่ได้ ผมลงรถพร้อมพลางเอานิ้วชี้หน้าชานชะลาให้ทัสสึนอนตรงนี้ และบอกให้ทัสสึรอ
รอจนกว่าจะมีคนอื่นมาพากลับสถานทูตในวันพฤหัสที่ 15 ต่อไป #ซึ่งไม่รู้ใคร
ทัสสึ เริ่มมีสีหน้ารับรู้ในชะตากรรมครับ ว่าผมกำลังทิ้งเค้า กำลังจะจากเขาไป เขาพูดกับผมว่า
" เขากลัว เขาไม่รู้จักที่นี่ เขาไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้เลย "
จากภาพผมมีน้องนักศึกษา ไม่สะดวกมาแต่เป็นล่ามญี่ปุ่นคอยคุยสื่อสารให้ตลอดระหว่างทาง
ผมกับไอ้แพะลูกศิษย์ ได้แต่นิ่งเงียบก่อนซื้อน้ำให้ และเทเงินเหรียญให้หมดตัว จากนั้นผมก็ขับรถออกมา ออกมาจนมาติดไฟแดงที่ 4 แยกบรรทัดทอง ... เราสองคนนิ่งเงียบมากครับก่อน แพะลูกศิษย์ จะเปรยขึ้นมาว่า
" เราทำถูกแล้ว หรือ เราทำถูกจริง ๆ อาจารย์ "
ผมถอนหายใจจอดรถนิ่งสงบ สับสนยังไงบอกไม่ถูก สรุปว่า...เจ้าที่ เจ้าทาง แถวนั้นดลใจให้ผมขับรถแอบกลับไปดูทัสสึอีกครั้ง
แต่ๆ ๆ ๆ ทัสสึเห็นรถผม/ครับ
เขาวิ่งตามรถวิ่งแบบคนอยากขึ้น คอร์ปเตอร์รอบสุดท้าย ก่อนเวียดนามใต้จะล่มสลายอะครับ แล้วก็ล้มกลิ้งลงไม่เป็นท่า ...
ไม่ต้องพูดครับว่า #ภาพมันน่าหดหู่เวทนา อับจนหนทางร่วมกันขนาดไหน ...
สุดท้าย ไอ้แพะ อาสาอุ้ม ทัสสึ ขึ้นรถมาอีกครั้ง และกลับไปตั้งหลักที่สวนลุมพินี
ระหว่างทางทัสสึคงเหนื่อยวิ่งตามรถผม อ้วกใส่เสื้อผ้าเลอะเทอะในรถผมกลิ่นคละคลุ้งเกินคำบรรยายยย กดดันสถานการณ์ -*- ให้ยิ่งตึงเครียดขึ้นไปอีก
จากนั้น *** ผม-แพะ นึกอะไรไม่ออกจริง ๆ นั่งกันสามคนอยู่อย่างนั้นตรงอนุสาวรีย์รัชกาลที่6
ผมก็เลยหันไปภาวนา องค์พ่อร.6 ว่า"ถ้าลูกคิดถูก ทำถูกแล้ว ขอให้พ่อช่วย ทัสสึ ด้วยเถอะ"
เหลือเชื่อครับไม่นานมีสายตรวจ สน.ลุมพินี หน้าตาเหมือนสงสัยว่าผมมียาเสพติด+5 เพราะหน้าตาผมกับลูกศิษย์ดูยากจน เกินกว่าจะช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้ +555
ตร.เข้ามาถามผมว่า ทำอะไรกับนักท่องเที่ยวหรือเปล่า ทำไมเลือดออก ผมหันไปมองทัสสึ เลือดออกจมูกครับ ผนวกกับมีคราบอาเจียนจึงดูเหมือนถูกทำร้าย ผมจึงเล่าเรื่องให้สายตรวจฟัง ก่อนแนะนำให้ผมพาทัสสึไปโรงพัก
ขอร้อยเวรนอนในห้องรับรองต่อไป ซึ่งพอไปถึงร้อยเวรก็คิดหนัก คิดนาน ก่อนตัดสินใจด้วยความที่ทนผมกับศิษย์แพะไม่ไหว รับตัวไว้ดูแล โดยขอบัตรประชาชนผมไว้ ให้ผมสัญญาว่าจะมา > รับกลับไปในวันพรุ่งนี้
ผม กับ ไอ้แพะ ดีใจมากๆ ที่รอดวันคืนอันแสนโหดร้ายกับการเป็นคนดีที่แสนจะมีหนทางยากลำบาก แต่ก็ยังจะดันทุรังทำ
####
ราตรีสวัสดิ์"ทัสสึ"
ทัสสึ ! สงกรานต์แห่งชะตากรรม ของญี่ปุ่นหมดสติ กับคนไทยถังแตก
ไม่ว่าจะเป็นค่าเปลี่ยนยางสี่ล้อ ค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่าบัตรเครดิตที่คั่งค้าง และค่าข้าวค่าน้ำแต่ละมื้อที่ปรับสูงขึ้นจนเงินเดือนปรับตามแทบไม่ทันและนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมีสงกรานต์ปีนี้ ไม่เหมือนใคร
ช่วงเช้าวันที่ 13 เมษาผมตื่นแต่เช้าไปเข้าเวรที่ธนาคารย่านพระราม 9 ปกติ ด้วยบรรยากาศในกรุงเทพที่เงียบเชียบ รอเวลาสนุกสนานคึกคักตามเทศกาลอีกครั้งในช่วงบ่ายและค่ำ ออฟฟิศก็งานปะปายให้ทำตามหน้าที่บ้าง ในวันนั้นมีเพื่อนพนักงานไม่น้อยที่ต้องร่วมชะตากรรมอดหยุดยาวและอดทนทำงานตนเองให้ผ่านช่วงเทศกาลไป
ขณะที่ผมทำงาน ตามปกติก็ได้ยินข่าวแว้วๆว่ามี คนต่างชาติสลบเมือดหมดสภาพ อยู่บริเวณหน้า 7-11 แถวออฟฟิศ แต่ตอนนั้นไม่คิดอะไรครับ เพราะคิดว่าคงเมาแล้วก็คงมีเจ้าหน้าที่หรือญาตพี่น้องเค้ามาช่วย / แต่เวลาผ่านไปจากเช้า สาย บ่าย เย็น ชายต่างชาติยังอยู่ ผมไม่เห็นว่าเป็นใคร ทราบแต่เพียงว่าแต่งตัวดีแต่สภาพร่างกายไม่ดีนักเป็นที่เวทนาแก่ผู้พบเห็น โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนในที่ทำงานผม !
กระทั่งเลิกงาน บรรดาอาร์ทตัวแม่ (ผู้หญิงที่ขี้สงสาร) ก็ได้ฝากผู้ชายตัวใหญ่ใจดำๆ คนนี้แหละ ไปดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผมเองก็ไม่คิดอะไรคาดว่าจะชื้อข้าวซื้อน้ำให้ทานและสอบถามถึงสาเหตุ ก็ปลีกตัวกลับบ้าน
จะได้ไปบอกเพื่อนๆ ว่า " กูมาถามแล้วน่ะ อย่าว่ากู เพราะจริงๆ แล้วกูไม่เกี่ยว +555 "
เลิกงานเสร็จ ผมจึงขับรถไปสังเกต "ชายต่างชาติ" คนดังกล่าวแต่ก็ไม่พบเพราะคนเยอะมาก ผู้คนหลั่งไหลมาเที่ยวในงานRCA มากมายจริงๆ
ก็เลยเข้าไปสอบถาม พนักงาน 7-11 ยังไม่ทันได้คุยกันดี
พนักงาน7-11ก็ชี้ให้ผมเห็นตาลุงแก่ๆคนนึง อายุราวๆ 40-50 ปี นอนงอตัวเป็นกุ้งแม่กลอง สวมเสื้อรักประเทศไทย กางเกงยีนส์ลีวายริมแดง รองเท้าอดิแดสของแท้สีแสด นอนสลบเมือดอยู่หน้าร้าน ...
ผมทราบทันทีว่าต้องเป็นคนต่างชาติตามคำบอกกล่าวของเพื่อนร่วมงาน
(อืม ม ม ... มองแบบ รังเกียดนิดๆ )
แต่แล้ว ก็ต้องสอบถามพอเป็นมารยาทเสียหน่อยว่ามาพบแล้วน่ะ เพื่อนๆ จะได้หายห่วง ผมจึงใช้ปลายเท้าสะกิด ๆ ตามประสาคนมีฟอร์ม แต่อยากรู้ อยากเห็น -3-
"เฮ้ !!! ยู โอเครไหม "
ชายชาวต่างชาติตอบว่า "โอเคร"
" และยูมาจากไหน "
/ ไอ ฟอร์ม โตเกียว แอนด์ ๆ ๆ เอม บาส ซี่ เอม บาส ซี่ ๆ ๆ ๆ /
สักพักเขาหยิบเงินจำนวนหนึงขึ้นมาประมาณ 200 บาทกับขนมถ้วยฟูใน 7-11มาใส่มือผม ( เข้าใจได้ว่ามาจากเพื่อนร่วมงานผมที่สงสารเอามาให้ก่อนหน้านี้ )
ผมก็ไม่ค่อยเก่งอังกฤษนักได้แต่บอกว่า โนๆๆๆ แอมม์ โน นีด ... เก็บไว้เหอะ
จากนั้นก็ถามกลับไปว่า ยูจะเอายังไง นอนต่อไปไม่ได้น่ะ จะไปไหน ไปสถานีตำรวจไหม /// ชายชาวญี่ปุ่น ตอบว่าไปมาแล้ว แต่ไม่มีใครช่วย ผมเจ็บขามาก ผมโดนทำร้าย ผมไม่มีเงินเลย
ผมก็บอกกลับไปสั้น ๆ ว่า
"ไอ ไม่รู้ ไอ ช่วย ยูไม่ได้ทั้งหมดหรอกน่ะ แต่ตอนนี้อยากได้อะไรไหมที่ไอ พอ จะช่วยได้ "
"ไอ วอนทฺ์ ทู ชาร์ป แอนด์ ชาวเวอร์" /โกนหนวด+อาบน้ำ /
ชายชาวญี่ปุ่นตอบ ผมจึงตอบกลับว่าได้จะไปถามเพื่อนที่ทำงานให้ว่าใครบ้านอยู่แถวนี้ไหม จะได้มาช่วย U ต่อ
ผมวางเงินให้เขาเพิ่มอีก 100 บาท และเร่งเดินหันหลังกลับและรีบขึ้นรถ ก่อนจะบอกตัวเองว่าคงจะช่วยอะไรมากไม่ได้เพราะดูจากสภาพคนญี่ปุ่นคนนี้แล้วอาการหนักจริง ๆ แต่ในขณะผมปิดประตู
ขึ้นรถไปนั้น ตาลุงชาวญี่ปุ่นพยายามเดินตามผมมาด้วยสภาพที่อิดโรยเต็มแก่ ก่อนล้มลงท่ามกลางฝูงนักท่องเที่ยว ทุกคนในงานต่างจับตามามองผม ด้วยสายตาที่ว่า เราเป็นมิจฉาชีพพาคนญี่ปุ่นมา *มอมทรัพย์และทิ้งไว้หน้า 7-11 ด้วยความอับอายต่อสายตาประชาชีผมจึงอุ้ม ประคับประคอง ตาลุงญี่ปุ่นขึ้นรถมาด้วย และรีบขับออกจากที่เกิดเหตุโดยเร็ว
เอาสิครับ ซ่วย 0.0 แหละงานนี้ จะเอาไปไหนดี จอดรถโทรไปโรงพักก็ได้ความว่าถ้าน้องเอามาส่งและจะให้นอนไหน (ประมาณว่าช่วยไม่ได้) โทรไปสถานทูตก็บอกว่ารอให้หมดสงกรานต์ก่อน แหละนี้ก็
เพิ่งสงกรานต์วันแรกเอง ผมจึงถาม ตาลุงญี่ปุ่น แบบไม่พอประสาภาษากันดีนัก ได้ความว่า แกชื่อ" ทัสสึ "ไปพัทยามาโดนคนไทยหลอกเอาเงินไป 5,000 ดอลล่าห์และโดนทำร้าย แกไม่อยากกลับไป เจอเพื่อนสาวคนนี้อีกแล้ว แกหนีออกมาได้และมีคนมาส่งทิ้งไว้แถวพระราม 9 ตอนนี้อยากอาบน้ำ... อยากอาบน้ำ ... อยากอาบน้ำ ... และหิวมากๆๆ
ด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าเป็นหรือตายต่อจากมือเราเดี่ยวเราจะซ่วยฉลองสงกรานต์(ส่ะ) เงินทองยิ่งไม่ค่อยจะมีอยู่ ก็เลยพากลับไปบ้านแถวพระราม2
พอถึงซอยบ้านเด็กปิดซอยเล่นสงกรานต์ ทำให้ต้องจอดรถเอาไว้ไกลแล้วประคับประคองพา ตาลุงทัสสึเล่นสงกรานต์เปียกปอนเข้าบ้าน แบบไม่ค่อยเต็มใจเล่นนัก ( - - )
พอถึงบ้านทุกคนต่าง อึ้งและทึ่ง ! เมื่อเห็นผมหอบ คนญี่ปุ่น ที่ดูเหมือนจะตายแหล่ ไม่แหล่เข้าบ้าน
... ผมก็ไม่พูดอะไรพาา ทัสสึเข้าบ้านไปหากินข้าว อาบน้ำ แปรงฟัน โกนหนวดตามที่แกร้องขอของเจ้าตัว
ทัสสึ ! เป็นเด็กดีมากครับ เข้าไปอ่อนน้อมถ่อมต้นไหว้ คนทั้งซอย ทั้งบ้านผม
+.+ ก่อนจะก่อเหตุลื่นล้มในห้องน้ำ ทำข้าวของเกลื่อนกลาด กระจกในส้วมแตกกระจาย จึงไม่แปลกนักที่คนในบ้านผม จะยกมือ
แต่ผมก็ขอร้องคนที่บ้านว่า ให้ทัสสึได้นอนพักสัก 1 ชม.แล้วผมจะเอาไปหา ตร.อีกครั้ง ที่บ้านผมก็น่ารัก ๆๆ บอกว่าถ้าเกิน 1 ชม. ทัสสึ ยังไม่ไปพวกเขาจะเป็นฝ่ายไปเอง ....(เวรกรรม บ้านนี้มีรักจิงๆ )
จากนั้นทัสสึ ก็ตื่นนอนขึ้นมาด้วยสภาพดูมีแรงขึ้นแต่ก็มีสีหน้าวิตกกังวล เศร้าซึม ถามคำตอบคำ ผมมองนาฬิกาเห็นว่าดึกแล้ว ผนวกกับพรุ่งนี้ผมก็ต้องทำงานด้วย / อีตาตะลุง ทัสสึ จะนอนไหน ก็ยังไม่รู้
เราคงต้องเร่งพาไปหา ตร.ท่องเที่ยวเพื่อช่วยเหลือต่อไป ผมจึงรีบสตาร์ทรถออกไปไม่รอช้า ศึกษาเป็นอย่างดีจะไปหา ตร.ท่องเที่ยวที่ราชดำเนิน แต่ด้วยความเริ่มไม่มั่นใจเท่าไร จึงไปตาม
... ลูกศิษย์คนนึง เพราะสมัยนึงผมเคยเป็นอาจารย์มาก่อน ลูกศิษย์ผมคนนี้ขี้คุยมาก อ้างตัวเสมอว่าเป็นคนกว้างขวาง มีทัศนคติที่ดีต่อประเทศญี่ปุ่นสูง ซึ่งก็เดชะบุญเป็นวันหยุดพอดี เด็กคนนี้เลยออก มาช่วยผมกับทัสสึ คิดแก้ปัญหา
ผม - ลูกศิษย์ และ ทัสสึ ไปที่ราชดำเนินเพื่อหาทางออกกับตำรวจท่องเที่ยว พอไปถึงหายากมากครับสถานีตำรวจไม่มีป้ายเลยอยู่ในกระทรวงท่องเที่ยว มีพี่สาว 1 คนเป็นล่ามใจดีกับตำรวจอำนวยการ 1 นาย
ซึ่งยอมรับว่าตำรวจท่องเที่ยวบริการดีมากครับ แต่ไม่มีอำนาจติดขัดเรื่องวันหยุดและระเบียบราชการทำได้เพียงสอบความไว้เบื้องต้นความว่า
" ทัสสึมีเงินส่วนหนึงพอใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นแต่มาเมืองไทยมีคนพยายามจะทำร้ายเค้า และเอาเงินไปมาเมืองไทยครั้งนี้มีคนบอกว่าจะได้มาอยู่ตลอด ตนเองก็อยากเปลี่ยนชีวิตเชื่อว่าที่เมืองไทยจะ เปลี่ยนชีวิตเค้าได้แต่ก็มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ " ทัสสึบอกกับตำรวจว่าเขามีเงินหลายร้อยล้านแต่เอามาใช้ไม่ได้อยากให้หาทางช่วยเขา +555 มุกนี้ผมกับตำรวจท่องเที่ยวขำกันมาก นึกในใจคน รวยบ้าบ่อ อะไรตกอยู่ในสภาพนี้ก่อนจะมีหลายร้อยล้าน คืนนี้ถามก่อนนี้ดีกว่า " แกจะนอนไหน ทัสสึ !!! " +555
ผม กับ ศิษย์ จึงตระเวนไปตามโรงแรมต่างๆ ที่ราคาประหยัดเพื่อหาที่พักให้ทัสสึ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธเพราะว่าทัสสึไม่มีเอกสารอะไรเลย นอกจากสมุดบัญชีที่ญี่ปุ่นพร้อมตาประทับที่ทัสสึ **ห่วงมากๆๆๆ ทำให้คืนนั้นแม้จะรวบรวมเงินได้แต่ก็หาที่นอนให้ทัสสึไม่ได้
ผม กับ ศิษย์ ก็อยู่ในรถด้วยความเงียบกริบไม่รู้จะทำอย่างไร ไปวัด วัดยังไล่ ไปโรงแรมก็ไม่รับ ไปบ้านยิ่งแล้วใหญ่จะเอาใครไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้าบ้าน .... สุดท้ายผมกับศิษย์ไปจอดรถที่หน้า
สวนรัชกาลตรงข้ามสวนลุม จอดด้วยความเหนื่อยล้า เหนื่อยที่จะคิด
ผมตัดสินใจเรียกทัสสึ " GET OUT!! ลงจากรถไป เพราะว่าพรุ่งนี้ ไอ! ต้องทำงาน !! "
ลูกศิษย์มองผมด้วยความผิดหวัง และมองทัสสึด้วยความสงสาร ... ผมจึงพูด ลูกศิษย์ที่ชื่อ แพะ ว่า...
"แพะ เราทำดีที่สุดแล้วเราช่วยเท่าที่เราจะช่วยได้ อาจารย์จนปัญญาว่ะ "
" อาจารย์ ไม่จริง อาจารย์จะทิ้งเขาแบบนี้หรือ ผมนับถืออาจารย์มากน่ะ อาจารย์ลองหันหลังไปดูเขาสิ เขาน่าสงสารแค่ไหน ไม่มีอาจารย์แล้วใครจะช่วยเค้า "
ผมนิ่งเงียบก่อนตอบลูกศิษย์ไปว่า " แล้วจะให้ทำอย่างไร เองนึกสิ อ.ไม่อยากทำ อ.ก็ผิดหวังพอๆ กับเองแหละ หาพึ่งใคร ก็ไม่มีใครช่วยแล้ว ทำไงได้ แพะ ... "
"เอางี้ครับ อ. ผมว่าเอาเขาไปทิ้งที่หัวลำโพงก็ยังดี ที่นั้นมีตำรวจท่องเที่ยวมีหลังคาคุ้มแดด คุ้มฝนเพื่อว่าจะมีคนใจดีมารับต่อจากเรา ... ได้โปรดเถอะครับ อ. อย่าทำแบบนี้ "
ผมหันไปมอง ทัสสึ ที่โดนไล่ออกนอกรถ พร้อมตั้งคำถามในใจหลายล้านตลบ
...ก่อนตัดสินใจลงรถไปประคอง อีตาลุงทัสสึ ไปส่งที่หัวลำโพง
### เราขับรถมาถึงหัวลำโพงครับ คนเยอะมากๆๆ นอนเต็มข้างทางเลย แต่ข้างในหัวลำโพงกลับปิดเข้าไปไม่ได้ ผมลงรถพร้อมพลางเอานิ้วชี้หน้าชานชะลาให้ทัสสึนอนตรงนี้ และบอกให้ทัสสึรอ
รอจนกว่าจะมีคนอื่นมาพากลับสถานทูตในวันพฤหัสที่ 15 ต่อไป #ซึ่งไม่รู้ใคร
ทัสสึ เริ่มมีสีหน้ารับรู้ในชะตากรรมครับ ว่าผมกำลังทิ้งเค้า กำลังจะจากเขาไป เขาพูดกับผมว่า
" เขากลัว เขาไม่รู้จักที่นี่ เขาไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้เลย "
ผมกับไอ้แพะลูกศิษย์ ได้แต่นิ่งเงียบก่อนซื้อน้ำให้ และเทเงินเหรียญให้หมดตัว จากนั้นผมก็ขับรถออกมา ออกมาจนมาติดไฟแดงที่ 4 แยกบรรทัดทอง ... เราสองคนนิ่งเงียบมากครับก่อน แพะลูกศิษย์ จะเปรยขึ้นมาว่า
" เราทำถูกแล้ว หรือ เราทำถูกจริง ๆ อาจารย์ "
ผมถอนหายใจจอดรถนิ่งสงบ สับสนยังไงบอกไม่ถูก สรุปว่า...เจ้าที่ เจ้าทาง แถวนั้นดลใจให้ผมขับรถแอบกลับไปดูทัสสึอีกครั้ง
แต่ๆ ๆ ๆ ทัสสึเห็นรถผม/ครับ
เขาวิ่งตามรถวิ่งแบบคนอยากขึ้น คอร์ปเตอร์รอบสุดท้าย ก่อนเวียดนามใต้จะล่มสลายอะครับ แล้วก็ล้มกลิ้งลงไม่เป็นท่า ...
ไม่ต้องพูดครับว่า #ภาพมันน่าหดหู่เวทนา อับจนหนทางร่วมกันขนาดไหน ...
สุดท้าย ไอ้แพะ อาสาอุ้ม ทัสสึ ขึ้นรถมาอีกครั้ง และกลับไปตั้งหลักที่สวนลุมพินี
ระหว่างทางทัสสึคงเหนื่อยวิ่งตามรถผม อ้วกใส่เสื้อผ้าเลอะเทอะในรถผมกลิ่นคละคลุ้งเกินคำบรรยายยย กดดันสถานการณ์ -*- ให้ยิ่งตึงเครียดขึ้นไปอีก
จากนั้น *** ผม-แพะ นึกอะไรไม่ออกจริง ๆ นั่งกันสามคนอยู่อย่างนั้นตรงอนุสาวรีย์รัชกาลที่6
ผมก็เลยหันไปภาวนา องค์พ่อร.6 ว่า"ถ้าลูกคิดถูก ทำถูกแล้ว ขอให้พ่อช่วย ทัสสึ ด้วยเถอะ"
เหลือเชื่อครับไม่นานมีสายตรวจ สน.ลุมพินี หน้าตาเหมือนสงสัยว่าผมมียาเสพติด+5 เพราะหน้าตาผมกับลูกศิษย์ดูยากจน เกินกว่าจะช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้ +555
ตร.เข้ามาถามผมว่า ทำอะไรกับนักท่องเที่ยวหรือเปล่า ทำไมเลือดออก ผมหันไปมองทัสสึ เลือดออกจมูกครับ ผนวกกับมีคราบอาเจียนจึงดูเหมือนถูกทำร้าย ผมจึงเล่าเรื่องให้สายตรวจฟัง ก่อนแนะนำให้ผมพาทัสสึไปโรงพัก
ขอร้อยเวรนอนในห้องรับรองต่อไป ซึ่งพอไปถึงร้อยเวรก็คิดหนัก คิดนาน ก่อนตัดสินใจด้วยความที่ทนผมกับศิษย์แพะไม่ไหว รับตัวไว้ดูแล โดยขอบัตรประชาชนผมไว้ ให้ผมสัญญาว่าจะมา > รับกลับไปในวันพรุ่งนี้
ผม กับ ไอ้แพะ ดีใจมากๆ ที่รอดวันคืนอันแสนโหดร้ายกับการเป็นคนดีที่แสนจะมีหนทางยากลำบาก แต่ก็ยังจะดันทุรังทำ
ราตรีสวัสดิ์"ทัสสึ"