ผมอยากให้พวกเราเล่นหุ้น Day Trade ไปด้วย ทำงานไปด้วย เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจเหตุผลของคนเล่นหุ้นแต่ละคนและเข้าใจถึงความเสี่ยงในการเล่นหุ้นทุกๆครั้ง
ปกติเราก็คงพูดว่า “ผมมีงานต้องทำอีกเยอะและก็ต้องจ่ายค่านู่น ค่านี่อีก แล้วแบบนี้ทำไมผมจะต้องเอาครอบครัวผมไปเสี่ยงกับการเล่นหุ้น Day Trade ด้วยล่ะ? ผมสามารถเล่น Day Trade ได้แต่จะต้องทำเงินได้ในตลาดหุ้นจริงๆเท่านั้น”
ฟังดูเหมือนเป็นข้อแก้ตัวง่ายดีใช่ไหมล่ะ? ในบทความนี้ผมจะพาไปดู 7 เหตุผลที่ทำไมเราถึงเล่นหุ้น Day Trade ได้แย่ ลองมาดูแต่ละข้อกันเลยครับ
1.เราทุ่มกับงานส่วนอื่นๆมากเกินไป
นี่ฟังดูแล้วเหมือนกับเป็นเหตุผลที่ล้าสมัย แต่เราจะต้องทุ่มกับงานส่วนที่มีความจำเป็นจริงๆเท่านั้น หากไปทุ่มกับส่วนอื่นๆที่ไม่จำเป็น ก็ไม่สามารถไล่ล่าหาความฝันตัวเองได้ เราก็บอกกับตัวเองได้ว่า “ผมจะเลิกบุหรี่หรือกินเที่ยวเลอะเทอะแล้ว แล้วก็หันมาใช้เวลาทุ่มเทกับงานตัวเองเต็มที่”
แต่พวกเราคิดผิดแล้วว่า Day Trade มันไม่ได้เหมือนกับการเล่นแบบ Swing Trade หรือลงทุนอะไรหรอก เพราะว่า Day Trade จะต้องใช้สมาธิสูงมาก
มนุษย์เงินเดือนจะมีการทุ่มเทกับงานถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งพวกเราและผมเองก็รู้ว่า จะต้องใช้เวลาบางส่วนไปกับการโฟกัสกับ Day Trade หมายความว่า หุ้นของเราอาจจะมีการปรับตัวลดลงมากเหมือนกัน แล้วแบบนี้เราจะใช้เวลา 8 ชั่วโมงในการเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือ สำหรับเทรดเดอร์ที่ชาญฉลาดจะพูดว่า “ผมจะแบ่งเวลาเล่นหุ้นประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวัน แล้วก็จะใช้เวลาพักผ่อนอีกชั่วโมงต่อมา” ก็ประมาณได้ว่าใช้เวลาเล่นหุ้นประมาณ 9.30-11.30 ก็ได้ หรือจะดูหุ้นประมาณ 13.00-15.00 ก็ได้ หรือแบ่งเวลาส่วนอื่นๆ เพื่อที่จะทำให้สุขภาพร่างกายจิตใจของเราแข็งแรงมากขึ้น ไม่ว่าเราจะพยายามเล่นหุ้นหรือขออนุญาตเจ้านายเล่นหุ้น ก็คงเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับมนุษย์เงินเดือนอยู่ไม่ใช่น้อย ลองพยายามหันเวลาเล่นหุ้นที่บ้านบ้างก็ดี หากเรามัวแต่เป็นพนักงานกินเงินเดือนอยู่ ความฝันของเราจะเป็นความจริงได้อย่างไรกัน
2.ไม่มีความตั้งใจในการเล่นหุ้น
การเล่นหุ้นเป็นอะไรที่เราจะต้องทุ่มเทกับมันให้มากๆ ทุกๆคนเองก็คงบอกกับเราว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงดี ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะบริหารจัดการตัวเองในแต่ละวันได้ยังไง อาชีพของเราจะต้องส่งเสริมการเล่นหุ้นดีมากพอ ส่วนข้างล่างนี้ก็คงเป็นเหตุการณ์การทำงานในแต่ละวันที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
1.พบปะพูดคุยกับเพื่อน
2.พบปะลูกค้าสำคัญๆ
3.เจ้านายหยุดมาดูที่โต๊ะทำงานของเรา
4.การขีดเส้นตาย
5.ภาระงานที่เร่งรีบ
6.พูดคุยโทรศัพท์
7.ตรวจเช็คอีเมล์
8.ขุ่นเคืองกับเพื่อนร่วมงาน
ส่วนที่ลิสต์เอาไว้ข้างบนนี้ เราจะต้องยอมรับความจริงว่า ทำให้อาชีพการงานของเราเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิมในแต่ละวัน แต่ก็ยังมีโอกาสที่เราจะเปลี่ยนงานได้ ที่เหตุการณ์ต่างๆถูกกินเวลาไปประมาณ 15 นาที หรือ 2 ชั่วโมง เราอาจจะพูดว่า “แล้วมันสำคัญอะไรด้วยล่ะ? ตัวผมก็มีมือถือสมาท์โฟนหรือเครื่องคอมบนโต๊ะอยู่แล้ว ผมก็บริหารจัดการตัวเองได้ไม่ยากหรอก” คิดผิดอีกแล้ว
จำไว้ว่าเรามีเวลาเดินออกจากโต๊ะได้ตลอดเวลา แล้วอาจจะทำให้เงินทุนของเราขาดทุนขึ้นมาได้ เราอาจจะคิดได้ว่า “ก็ตั้งจุดตัดขาดทุนก็ได้ไม่เห็นเป็นไรเลย”
ก็ถูกแล้วครับ เราทำได้ แต่เราจะใช้เวลาส่วนอื่นๆในการวิเคราะห์พวก Volume หรือปัจจัยต่างๆในตลาดหุ้นได้อย่างไรกันล่ะ อย่างไรก็ตามเมื่อเรามีธุระยุ่งๆอยู่ในแต่ละเดือน เราก็อาจจะพลาดสัญญาณดีๆก็ได้ เพื่อนของผมเองก็ผ่านเรื่องพวกนี้มามากแล้ว
โปรดติดตามชมตอนต่อไป
โชคดีมีกำไร
ผู้เขียน : Anton Hill
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : tradingsim.com
7 เหตุผลที่ทำไมเราเล่นหุ้น Day Trade ได้ย่ำแย่ในเวลาทำงาน ตอน 1
ปกติเราก็คงพูดว่า “ผมมีงานต้องทำอีกเยอะและก็ต้องจ่ายค่านู่น ค่านี่อีก แล้วแบบนี้ทำไมผมจะต้องเอาครอบครัวผมไปเสี่ยงกับการเล่นหุ้น Day Trade ด้วยล่ะ? ผมสามารถเล่น Day Trade ได้แต่จะต้องทำเงินได้ในตลาดหุ้นจริงๆเท่านั้น”
ฟังดูเหมือนเป็นข้อแก้ตัวง่ายดีใช่ไหมล่ะ? ในบทความนี้ผมจะพาไปดู 7 เหตุผลที่ทำไมเราถึงเล่นหุ้น Day Trade ได้แย่ ลองมาดูแต่ละข้อกันเลยครับ
1.เราทุ่มกับงานส่วนอื่นๆมากเกินไป
นี่ฟังดูแล้วเหมือนกับเป็นเหตุผลที่ล้าสมัย แต่เราจะต้องทุ่มกับงานส่วนที่มีความจำเป็นจริงๆเท่านั้น หากไปทุ่มกับส่วนอื่นๆที่ไม่จำเป็น ก็ไม่สามารถไล่ล่าหาความฝันตัวเองได้ เราก็บอกกับตัวเองได้ว่า “ผมจะเลิกบุหรี่หรือกินเที่ยวเลอะเทอะแล้ว แล้วก็หันมาใช้เวลาทุ่มเทกับงานตัวเองเต็มที่”
แต่พวกเราคิดผิดแล้วว่า Day Trade มันไม่ได้เหมือนกับการเล่นแบบ Swing Trade หรือลงทุนอะไรหรอก เพราะว่า Day Trade จะต้องใช้สมาธิสูงมาก
มนุษย์เงินเดือนจะมีการทุ่มเทกับงานถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งพวกเราและผมเองก็รู้ว่า จะต้องใช้เวลาบางส่วนไปกับการโฟกัสกับ Day Trade หมายความว่า หุ้นของเราอาจจะมีการปรับตัวลดลงมากเหมือนกัน แล้วแบบนี้เราจะใช้เวลา 8 ชั่วโมงในการเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือ สำหรับเทรดเดอร์ที่ชาญฉลาดจะพูดว่า “ผมจะแบ่งเวลาเล่นหุ้นประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวัน แล้วก็จะใช้เวลาพักผ่อนอีกชั่วโมงต่อมา” ก็ประมาณได้ว่าใช้เวลาเล่นหุ้นประมาณ 9.30-11.30 ก็ได้ หรือจะดูหุ้นประมาณ 13.00-15.00 ก็ได้ หรือแบ่งเวลาส่วนอื่นๆ เพื่อที่จะทำให้สุขภาพร่างกายจิตใจของเราแข็งแรงมากขึ้น ไม่ว่าเราจะพยายามเล่นหุ้นหรือขออนุญาตเจ้านายเล่นหุ้น ก็คงเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับมนุษย์เงินเดือนอยู่ไม่ใช่น้อย ลองพยายามหันเวลาเล่นหุ้นที่บ้านบ้างก็ดี หากเรามัวแต่เป็นพนักงานกินเงินเดือนอยู่ ความฝันของเราจะเป็นความจริงได้อย่างไรกัน
2.ไม่มีความตั้งใจในการเล่นหุ้น
การเล่นหุ้นเป็นอะไรที่เราจะต้องทุ่มเทกับมันให้มากๆ ทุกๆคนเองก็คงบอกกับเราว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงดี ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะบริหารจัดการตัวเองในแต่ละวันได้ยังไง อาชีพของเราจะต้องส่งเสริมการเล่นหุ้นดีมากพอ ส่วนข้างล่างนี้ก็คงเป็นเหตุการณ์การทำงานในแต่ละวันที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
1.พบปะพูดคุยกับเพื่อน
2.พบปะลูกค้าสำคัญๆ
3.เจ้านายหยุดมาดูที่โต๊ะทำงานของเรา
4.การขีดเส้นตาย
5.ภาระงานที่เร่งรีบ
6.พูดคุยโทรศัพท์
7.ตรวจเช็คอีเมล์
8.ขุ่นเคืองกับเพื่อนร่วมงาน
ส่วนที่ลิสต์เอาไว้ข้างบนนี้ เราจะต้องยอมรับความจริงว่า ทำให้อาชีพการงานของเราเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิมในแต่ละวัน แต่ก็ยังมีโอกาสที่เราจะเปลี่ยนงานได้ ที่เหตุการณ์ต่างๆถูกกินเวลาไปประมาณ 15 นาที หรือ 2 ชั่วโมง เราอาจจะพูดว่า “แล้วมันสำคัญอะไรด้วยล่ะ? ตัวผมก็มีมือถือสมาท์โฟนหรือเครื่องคอมบนโต๊ะอยู่แล้ว ผมก็บริหารจัดการตัวเองได้ไม่ยากหรอก” คิดผิดอีกแล้ว
จำไว้ว่าเรามีเวลาเดินออกจากโต๊ะได้ตลอดเวลา แล้วอาจจะทำให้เงินทุนของเราขาดทุนขึ้นมาได้ เราอาจจะคิดได้ว่า “ก็ตั้งจุดตัดขาดทุนก็ได้ไม่เห็นเป็นไรเลย”
ก็ถูกแล้วครับ เราทำได้ แต่เราจะใช้เวลาส่วนอื่นๆในการวิเคราะห์พวก Volume หรือปัจจัยต่างๆในตลาดหุ้นได้อย่างไรกันล่ะ อย่างไรก็ตามเมื่อเรามีธุระยุ่งๆอยู่ในแต่ละเดือน เราก็อาจจะพลาดสัญญาณดีๆก็ได้ เพื่อนของผมเองก็ผ่านเรื่องพวกนี้มามากแล้ว
โปรดติดตามชมตอนต่อไป
โชคดีมีกำไร
ผู้เขียน : Anton Hill
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : tradingsim.com