ปัญญา = ศรัทธา คือสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุด?
หรือหากแม้ balance ของสองสิ่งที่ว่านั้นไม่เท่ากัน: ปัญญา > ศรัทธา ก็ยังดีกว่า ศรัทธา > ปัญญา หรือเปล่า?
ทุกวันนี้ชาวพุทธส่วนใหญ่นั้นเอนเอียงไปทางศรัทธานำหน้าปัญญา (ค่อนข้างที่จะเป็นไปในลักษณะที่ศรัทธานั้นนำหน้าปัญญาแบบระยะห่างระหว่างกระต่ายกับเต่าเลยทีเดียว) จนไม่แน่ใจว่าเราจะนำสภาพความเป็นจริงในเรื่องนี้ไปเทียบเคียงกับหลัก Demand & Supply ในหลักเศรษฐศาสตร์ได้หรือไม่?
กล่าวคือ - เมื่อชาวพุทธส่วนใหญ่ยังเต็มไปด้วยศรัทธาแต่ไม่มีปัญญาประกบเพื่อใช้คิดวิเคราะห์ให้เท่าทัน (ใช้คำว่าไม่เข้าใจไปจนถึงงมงายเลยล่ะกันสั้นดี) พระจำนวนมากก็เลยสนองความต้องการทางศาสนาของผู้ที่ยังไม่มีความรู้/ไม่เข้าใจ/หรือมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับศาสนาพุทธในระดับที่โดนใจคนเหล่านั้น ยิ่งคนที่ไม่มีปัญญาเลยมีแต่ศรัทธาจนกลายเป็นความงมงายแบบนี้พระจำนวนหนึ่งท่านก็ยิ่งต้องจัดเต็มให้กับความต้องการในระดับนี้ (พิธีไสยศาสตร์ สักยันต์ ครอบครู องค์ลง เทพลง)
หากมองในแง่ดีคือพระเหล่านั้นจำเป็นต้องทำเพื่อให้วัดไปต่อได้ (ขอไม่มองในแง่ร้ายนะครับ) หากมองในแง่ธุรกิจก็คงเป็นธุรกิจที่มีคนให้ความสนใจเยอะเพราะลูกค้าเพียบทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนมีอาจารย์เจ้าสำนักและฤาษีต่างๆกระโจนเข้ามาจับธุรกิจนี้เยอะจริงๆ ถึงขนาดมีนิตยสารบรรยายสรรพคุณความวิเศษของเจ้าตัวและเครื่องรางของขลังต่างๆไม่ต่างจากโบรชัวร์ขายสินค้า
ทุกวันนี้ชาวพุทธเราศรัทธานำหน้าปัญญาไปไกลแบบระยะห่างนั้นไกลเกินกว่าที่เต่าจะคลานแซงกระต่ายได้แบบในนิทานแล้วหรือยัง?
ทุกวันนี้ พระ วัด และ คน ทำให้ศาสนาพุทธในบ้านเรานั้นผิดเพี้ยนไปไกลแล้ว คือพาคนหลงทางไม่ใช่พาคนพ้นทุกข์?
ไข่แมว
เมื่อศรัทธานำหน้าปัญญาด้วยระยะห่างแบบกระต่ายกับเต่า พระ วัด คน และ พุทธศาสนา จึงมีปัญหา?
หรือหากแม้ balance ของสองสิ่งที่ว่านั้นไม่เท่ากัน: ปัญญา > ศรัทธา ก็ยังดีกว่า ศรัทธา > ปัญญา หรือเปล่า?
ทุกวันนี้ชาวพุทธส่วนใหญ่นั้นเอนเอียงไปทางศรัทธานำหน้าปัญญา (ค่อนข้างที่จะเป็นไปในลักษณะที่ศรัทธานั้นนำหน้าปัญญาแบบระยะห่างระหว่างกระต่ายกับเต่าเลยทีเดียว) จนไม่แน่ใจว่าเราจะนำสภาพความเป็นจริงในเรื่องนี้ไปเทียบเคียงกับหลัก Demand & Supply ในหลักเศรษฐศาสตร์ได้หรือไม่?
กล่าวคือ - เมื่อชาวพุทธส่วนใหญ่ยังเต็มไปด้วยศรัทธาแต่ไม่มีปัญญาประกบเพื่อใช้คิดวิเคราะห์ให้เท่าทัน (ใช้คำว่าไม่เข้าใจไปจนถึงงมงายเลยล่ะกันสั้นดี) พระจำนวนมากก็เลยสนองความต้องการทางศาสนาของผู้ที่ยังไม่มีความรู้/ไม่เข้าใจ/หรือมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับศาสนาพุทธในระดับที่โดนใจคนเหล่านั้น ยิ่งคนที่ไม่มีปัญญาเลยมีแต่ศรัทธาจนกลายเป็นความงมงายแบบนี้พระจำนวนหนึ่งท่านก็ยิ่งต้องจัดเต็มให้กับความต้องการในระดับนี้ (พิธีไสยศาสตร์ สักยันต์ ครอบครู องค์ลง เทพลง)
หากมองในแง่ดีคือพระเหล่านั้นจำเป็นต้องทำเพื่อให้วัดไปต่อได้ (ขอไม่มองในแง่ร้ายนะครับ) หากมองในแง่ธุรกิจก็คงเป็นธุรกิจที่มีคนให้ความสนใจเยอะเพราะลูกค้าเพียบทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนมีอาจารย์เจ้าสำนักและฤาษีต่างๆกระโจนเข้ามาจับธุรกิจนี้เยอะจริงๆ ถึงขนาดมีนิตยสารบรรยายสรรพคุณความวิเศษของเจ้าตัวและเครื่องรางของขลังต่างๆไม่ต่างจากโบรชัวร์ขายสินค้า
ทุกวันนี้ชาวพุทธเราศรัทธานำหน้าปัญญาไปไกลแบบระยะห่างนั้นไกลเกินกว่าที่เต่าจะคลานแซงกระต่ายได้แบบในนิทานแล้วหรือยัง?
ทุกวันนี้ พระ วัด และ คน ทำให้ศาสนาพุทธในบ้านเรานั้นผิดเพี้ยนไปไกลแล้ว คือพาคนหลงทางไม่ใช่พาคนพ้นทุกข์?
ไข่แมว