วิสัยทัศน์พญามังกรกับประสบการณ์ตรงของ Dr. Li

จากโพสต์ที่แล้วเรื่องการใช้ทรัพยากรของคนอื่นเพื่อความสำเร็จของตนเองของทีมชาติบราซิล จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชาติอื่นๆ เขารู้และใช้กันมานานแล้ว วันนี้เรามาดูกันว่าประเทศจีนเขาทำอย่างไรกัน ทำไมคนจีนจึงมายึดหัวหาดที่อเมริกาเต็มไปหมดผ่านประสบการณ์ของ Dr. Li ซึ่งเป็น PI ของภรรยาผมเอง ในโอกาสที่ภรรยาผมใกล้จบการศึกษา Dr. Li ได้เล่าประสบการณ์ของแกว่าทำไมได้มาทำมาหากินที่อเมริกา

เริ่มต้นคือเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว รัฐบาลจีนประกาศเชิญชวนเด็กหัวกะทิ ป ตรี ทั่วประเทศเพื่อส่งไปเรียนระดับ Graduate School (PhD) ที่อเมริกา โดยให้มาเข้าค่าย 3 วันและทำการทดสอบเพื่อคัดให้เหลือ 100 คนสำหรับสาย Science and Technology เพื่อส่งไปศึกษาต่อไป นาย Li เด็กหนุ่มจากนานกิงติดกับเค้าด้วยโดยได้อันดับที่เก้าสิบกว่า

การส่งไปนี้เป็นการส่งไปแบบใหม่คือรัฐบาลไม่ได้เป็นคนออกทุนให้ แต่จะปรึกษา ให้คำแนะนำ ผลักดัน และอำนวยความสะดวกทุกอย่างเพื่อให้คนที่ได้รับการคัดเลือกมาไปรับทุนจากแหล่งทุนต่างๆ เช่น มหาลัยต่างๆ ที่อเมริกาเลย

ภายใต้โครงการนี้ หนุ่มน้อย Li ก็ได้ไปเรียนต่อที่อเมริกาในที่สุด โดยเริ่มต้นที่  Ohio เรียนไปสักพักรู้สึก lab ที่อยู่มันไม่ใช่ เลยขอ PI เอาแค่โทแล้วไปต่อเอกที่อื่น เรียนจนจบเอกแล้วไปต่อ Post Doc ที่ MIT แล้วเป็น Young Staff ที่ MIT ก่อน   จึงมาลงหลักปักที่มหาลัยปัจจุบัน

เนื่องจากเป็นทุนที่ไม่ผูกมัดเพราะรับโดยตรงจากมหาลัยอเมริกา  Dr. Li จึงสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ยาวนานแค่ไหนก็ได้ ด้วยความมานะบากบั่นจึงได้ตำแหน่ง Professor ในที่สุดและปักหลักอยู่ที่นี่จนถึงปัจจุบัน

และเป็นธรรมดาที่มาจากเมืองจีนก็ต้องมี connection กับประเทศบ้านเกิดเป็นธรรมดา Dr. Li ได้รับเชิญมีชื่ออยู่ใน Chinese Academy of Science กลับไปเมืองจีนปีละสองครั้งเป็นอย่างน้อย เพื่อไปสัมมนา ประชุมทั้งระดับมหาลัย องค์กรและประเทศ ที่สำคัญคือไปคัดเลือกเด็ก post doc ที่ทั้งไปเห็นแววกันมาและจากเพื่อนๆ Professor ที่จีนฝากมาอีกต่อมาทำ post doc กับแกเป็นประจำ อีกทั้งยังเป็นสะพาน  Dr. Li เชิญ Professors จากจีนมาประชุม, แลกเปลี่ยน, และ seminar ที่มหาลัยสม่ำเสมอ

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ Dr. Li ปั้นเด็กจีนทั้งระดับ PhD และ Post Doc ไปแล้วมากมาย ลูกศิษย์แกหลายคนได้งานดีๆ ทั้งในอเมริกาเองและทั่วโลก เรียกได้ว่าทำคุณประโยชน์ต่อโลกและที่สำคัญแก่ประเทศบ้านเกิดอย่างมากมายมหาศาล

ปัจจุบันนี้ Dr. Li เปรยว่าเบื่อ Hamburger ที่อเมริกาแล้ว อยากกลับไปใช้ชีวิตก่อนเกษียณที่ประเทศบ้านเกิด ด้วยเหตุนี้จึงรับฝากเด็ก Post Doc จีนมาเยอะเป็นพิเศษเพื่อสร้าง connection กรุยทางกลับแผ่นดินใหญ่ (จะเห็นว่าเมืองจีนเดี๋ยวนี้ไม่ง่ายแล้ว เพราะปรับมาตรฐานเท่าอเมริกา นอกจาก profile ดีแล้ว connection ต้องแน่น ต่อให้ทำงานในอเมริกามานานก็ใช่ว่าจะไปลอยได้ง่ายๆ ที่นั่น)

ทั้งหมดทั้งหลายต้องยกให้รัฐบาลจีนที่มีวิสัยทัศน์ ขยับปรับตัวตั้งแต่หลายทศวรรษที่แล้ว ส่งคนมาใช้ resources ตรงนี้เต็มที่ สิ่งที่ลงทุนลงแรงไปก็ผลิดอกออกผล คนจีนแทรกซึมอยู่ในองค์กรและบริษัทใหญ่ๆ ทุกสาขาอาชีพ เป็น connection ที่แข็งแกร่ง money, technology, people, etc. transfer หมด ประเทศพัฒนามากมาย มาตรฐานและความเข้าใจเป็นสากล

เด็กๆ จีน มีความเข้าใจและถูกปลูกฝังมาอย่างถูกต้อง ทุกคนรู้ว่าปีนี้ปี 4 ปีหน้า graduate school ที่อเมริกาแน่นอนโดยอัตโนมัติ (ถ้าอยากเรียนต่อ) ที่อเมริกามีทุนให้ เขาเตรียมตัวกันตั้งแต่ ป ตรี สอบต่างๆ เสร็จตั้งแต่ป ตรี จบแล้วไปต่อทันทีไม่ขาดช่วง จบเอกแล้วก็รู้ว่าต้องเตรียมตัวหางานยังไง มีตัวอย่างไปจนเกษียณ

เด็กไทยระดับเกียรตินิยมที่อยากไปต่อเมืองนอก จบแล้วต้องมานั่งหาทุนที่แสนจำกัดในประเทศ อีกทั้งขาดความพร้อมในการเตรียมตัวเพราะไม่มีระบบ support ที่ดีพอ มืดแปดด้าน ต้องงมเองหมด เสียเวลาเป็นปีๆ นี่คือหายนะของระบบการศึกษา

จะเห็นว่าคนเขารู้กันหมดแล้วว่ามหาลัยต่างๆ ทั่วโลกเขามีทุนให้ มันเป็นมาตรฐานโลก อีกทั้งการสนับสนุนให้คนไปสุดศักยภาพเป็นเรื่องดี ประเทศชาติได้ประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อม ไต้หวันถ้าจบเอกแล้วหางานได้ที่อเมริกาอยู่ต่อได้อีก 20 ปี หรือจะใช้คืนก็ใช้เฉพาะที่ใช้ไปเท่านั้น ดอกเบี้ยต่ำจนเหมือนไม่มี

ทุกวันนี้โลกเชื่อมถึงกันหมด ทำงานต่างประเทศอีกไม่นานาจะเหมือนทำงานต่างจังหวัด มันไม่เหมือนสมัยปู่ย่าที่ว่ามาเรียนเมืองนอกแล้วเหมือนอยู่คนละโลก ทุกอย่างเปลี่ยนไป วิสัยท้ศน์ของเราควรก้าวตามให้ทันด้วย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่