Sevensome องก์ 1 ตอนที่ 2

กระทู้สนทนา
พอผมรู้สึกตัว นอกจากแม่แล้วก็มีสโรชินีกับนิยมนี่แหละที่มาเยี่ยมผมบ่อยครั้ง วันนี้เป็นโอกาสดีเอามากๆที่พวกเขาสามคนมาเยี่ยมผมพร้อมๆกัน
“เป็นไงบ้างวะอิท”
นิยมทักผม
“ก็โอเคนะ ยังไม่ตาย”
“ทำไมนิสิตเขาถึงทำแบบนี้นะ น่าจะโดนปลดออกจากประธานชมรมฟุตบอลนะ” สโรชินีดูโกรธแทนผม

ผมแสดงความคิดเห็นบ้าง
“เราคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุนะ”
“นายจะปกป้องมันใช่ไหม” นิยมถามผมแบบโกรธๆ
“นายรู้ไหม ชมรมขาดนายไปคน ก็ยุ่งพออยู่แล้ว นายจะไปปกป้องอะไรมันอีก”
นิยมยังตัดพ้อผมไม่เลิก เป็นการตัดพ้อแบบเอาจริงเอาจังอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ตอนนี้ผมยังงงอยู่ ผมเลยเปลี่ยนเรื่องบอกพวกเขาว่าหมออยากให้ผมพักผ่อนเยอะๆ และก็ดูอาการไปก่อน แต่ผมเองก็รู้นะว่าผมไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว ผมบอกให้สโรชินีกับนิยมกลับไปก่อน ผมอยากจะนอนพัก พวกเขาก็ทำตามที่ผมบอก ผมเองก็ยังสงสัยตัวเองว่าทำไมผมถึงไม่โกรธไอ้สิต ดูเหมือนมันเกลียดผมจะตาย แต่ผมก็ยังรู้สึกดีกับมัน

รู้สึกได้แม้กระทั่งไม่เคยพูดจาดีๆต่อกันเลย ถ้านิยมรู้ว่าในใจผมคิดแบบนี้ เขาคงจะโกรธผมน่าดู แต่ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่นานนักผมก็เผลอหลับไป

นานสองอาทิตย์แล้วที่ผมไม่ได้ไปโรงเรียน ทางโรงเรียนได้รับอาสาที่จะออกค่ารักษาพยาบาลให้ผม ครูใหญ่บอกว่าให้ผมรักษาตัวให้ดีก่อนแล้วค่อยออกจากโรงพยาบาล ผมคิดว่าครูใหญ่น่าจะสงสารผมและคงอยากให้ผมพักผ่อนนานๆ เพราะผมเองคิดว่าผมไม่เป็นอะไรแล้ว
อีกสองวันขณะที่ผมนอนอยู่ในห้อง ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา ผมตกใจมากเมื่อเห็นว่าเป็นไอ้สิต
มันยังยืนนิ่ง ไม่ยอมสบตาผม ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่นิ่งเงียบรอดูว่าไอ้สิตจะพูดอะไรออกมา

ไม่นานนักไอ้สิตก็พูดออกมาว่า
“เราต้องขอโทษนายด้วย”
“ขอโทษเรา”
“ใช่”
“ขอโทษเรื่องอะไร” ผมแกล้งถามมันไปอย่างนั้น”
“ขอโทษที่จงใจเตะบอลอัดนาย”
“ตกลงนายจงใจเหรอ”
“ใช่”

ผมสงสัย “แล้วเหตุผลล่ะ”
มันเริ่มยิ้มนิดหน่อย “ก็คงเกลียดขี้หน้านายมั้ง”
“เกลียดขี้หน้าแล้วทำไมวันนี้มาเยี่ยมได้ล่ะ”
“เรามารู้ที่หลังว่านายช่วยติวหนังสือให้วิชาญ”
ผมนิ่งไปไม่ได้พูดว่าอะไร ไอ้สิตจึงพูดต่อว่า
“ตอนแรกเรานึกว่านายจะป่วนมัน”
ผมไม่เข้าใจว่าป่วนวิชาญหมายถึงอะไร แต่ผมคิดว่าผมไม่อยากจะรู้ความหมายของคำๆนั้น

“เรามาขอโทษนาย ยกโทษให้เราด้วยนะ”
เป็นคำพูดที่ฟังดูทะยิ้มมากสำหรับหัวโจกตัวกลั่นของโรงเรียน แต่ก็พอเข้าใจได้นะ ไอ้สิตเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว โกรธใครก็อยากแกล้ง รู้ตัวว่าผิดก็มาขอโทษ คือตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม แบบนี้แหละที่ผมชอบ

วันนั้นไอ้สิตบอกว่ามันจะรีบกลับเลย แต่ผมรั้งไว้
“ลงไปซื้อข้าวให้เรากินหน่อยดิ”
“เออะ ได้”
ระหว่างไอ้สิตลงไปซื้อข้าวให้ผม ผมยังคิดอยู่ว่า เอ เราฝันไปรึเปล่าเนี่ย ผมไม่เคยสัมผัสด้านที่อ่อนโยนในตัวของมันเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสัมผัสอีกด้านหนึ่งของมัน ทำให้มันดูมีเสน่ห์มากขึ้น
ไม่นาน มันก็เอาข้าวมาให้
“ใส่จานให้ด้วยสิ”
มันดูงงๆ เดินหาจานไปมา พอเจอก็รีบเอาข้าวใส่จานแล้วมาวางไว้ข้างๆตัวผม
“เราไปก่อนนะ ต้องไปซ้อมบอลต่อ”
“เออ ไปเถอะ”

ผมมองมันจนลับตาไป เรื่องนี้ถ้าสโรชินีหรือนิยมรู้ คู่นั้นนาจะต้องเอาเรื่องไอ้สิตถึงที่สุด จริงๆแล้วใครๆก็คงพอจะเดาออกว่ามันแกล้งผม เพียงแต่ไม่มีใครพูดออกมาตรงๆ ตอนนั้นผมเริ่มสงสัยตัวเองบางอย่าง ไอ้สิต นิยม วิชาญ ในหัวผมมักจะมีชื่อและหน้าของเพื่อนพวกนี้โผล่มา แต่หน้าสวยๆของสโรชินีผมแทบจะไม่จำเลย ทุกอย่างมันดูแปลกไปหมด

หลังจากที่ไอ้สิตมาเยี่ยมผมสองวัน หมอก็อนุญาตให้ผมกลับบ้านได้ มันดูเหมือนกับว่าหมอให้ผมอยู่โรงพยาบาลจนกว่าไอ้สิตจะมาเยี่ยมผม จริงๆมันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แค่ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้น

วันรุ่งขึ้นผมก็ไปโรงเรียนตามปกติ ที่ชมรมวรรณศิลป์มีการเลี้ยงต้อนรับผมด้วย เป็นการเลี้ยงใหญ่ครั้งแรกที่มีขึ้นในตอนเที่ยง ผมรู้สึกอบอุ่นมากที่ได้รับการเลี้ยงต้อนรับแบบนี้ ถึงจะมีนิยมอยู่ในที่นี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงสมาชิกชมรมฟุตบอลบางคน เช่น ไอ้สิต วิชาญ และก็อีกหลายๆคน ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกนั้นมันทำอะไรกันบ้าง น่าแปลกชะมัดที่อยู่ๆดันไปคิดถึงพวกนั้นเข้าทั้งๆที่สมาชิกชมรมวรรณศิลป์ก็ดีกับผมถึงขนาดนี้ มันน่าคิดจริงๆเลยครับ

โปรดติดตามตอนต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่