เรื่องคือ ผมได้เป็นผู้จัดการมรดกโดยถูกต้อง โดยศาลมีคำสั่งตั้งให้ผมเป็นผู้จัดการมรดกเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา โดยการไต่สวนไม่มีผู้คัดค้านใดๆเนื่องจากพี่น้องยินยอมทั้งหมด
วันที่ 19 มีนาคม 2558 ได้นำคำสั่งศาลไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางจาก เพื่อขอถอนเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งมารดามีบัญชีเงินฝากอยู่ที่นี่
ผู้จัดการสาขาได้ออกมาพบ และไม่ยินยอมให้ทำการเบิกเงิน โดยอ้างว่า ต้องรอใบคำสั่งศาลซึ่งพิพากษาสุดท้ายแล้วก่อน และให้ไปคัดเอกสารมายื่นอีกครั้งหนึ่งหลังจาก 1 เดือนผ่านไปก่อน ซึ่งเราก็งงๆ เพราะ ทางทนายก็บอกว่า สามารถใช้คำสั่งศาลฉบับดังกล่าวได้เลย เพราะไม่มีผู้ใดคัดค้านตามคำสั่งศาล ดังกล่าว
ผู้จัดการสาขา ยืนยันจะไม่ให้ถอน และบอกว่า บัญชีเงินนี้จะถูกรอไว้ก่อน และจะไม่มีการเคลื่อนไหวได้ จนกระทั่งต้องมีคำสั่งศาลซึ่งพิพากษาสุดท้ายอีกก่อน ถึงจะให้มาติดต่อกับสาขาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผมเองก็คงต้องรอให้ครบ 1 เดือน และทางทนายความก็ยืนยันว่า จะดำเนินการต่อให้
ประเด็นสำคัญที่สุดคือ เจ้าของบัญชี มีหนี่บัตรเครดิตอยู่ประมาณ 3 หมื่นบาทซึ่งหลังจากเสียชีวิตไปประมาณ 1 เดือน ก็ยังไม่ได้รับการชำระหนี้ เพียงแต่ทางผมได้ ส่งใบมรณะบัตรไปให้ธนาคารและยืนยันว่า เมื่อถอนเงินจากธนาคารกรุงเทพ ได้ ทางธนาคารก็หักหนี้ดังกล่าวได้เลย
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ช่วงระยะเวลาที่รอจะไปคัดคำสั่งศาลที่ถือว่า คดีถึงที่สุดท้ายแล้วหลังจาก 30วัน ทางธนาคารกรุงเทพ ได้ดึงเงินจำนวน 3 หมื่นกว่าบาทออกไปจากบัญชี โดยไม่มีการแจ้งให้ทางผู้จัดการมรดกทราบแต่อย่างใด เพียงแต่ส่งหนังสือมาว่า ได้หักเงินออกไปจากบัญชีเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่สะดุดใจในวิธีการทำงานของคนที่เรียกว่า นายธนาคาร หรืออะไรก็แล้วแต่ ทางผมเป็นผู้จัดการมรดกถูกต้องไม่สามารถถอนเงินออกมาได้แม้แต่บาทเดียว ทั้งๆที่มีคำสั่งศาลไปให้เรียบร้อยแล้ว แต่ธนาคารกรุงเทพกลับไม่รออะไรตามที่บอกผม ว่าให้รอคำสั่งศาลสุดท้ายก่อน กลับถอนเงินออกไปได้เอง
ปฎิบิติการแบบนี้เรียกว่าอะไรครับ เงินอยู่ในมือคุณ หนี้ของเจ้าของบัญชี คุณต้องหักอยู่แล้ว และอ้างตลอดว่า เงินยังเคลื่อนไหวไม่ได้ หากไม่มีคำสั่งศาลที่ถึงที่สุดมายื่น
แล้วคุณเอาเงินออกไปได้อย่างไรครับ โดยตอนนี้ผมก็ยังไม่สามารถถอนเงินได้แม้แต่บาทเดียว ทำไมคุณถึงทำได้ครับ
ธนาคารกรุงเทพ กับสิ่งที่คุณทำ กับกรณีแบบนี้
วันที่ 19 มีนาคม 2558 ได้นำคำสั่งศาลไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางจาก เพื่อขอถอนเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งมารดามีบัญชีเงินฝากอยู่ที่นี่
ผู้จัดการสาขาได้ออกมาพบ และไม่ยินยอมให้ทำการเบิกเงิน โดยอ้างว่า ต้องรอใบคำสั่งศาลซึ่งพิพากษาสุดท้ายแล้วก่อน และให้ไปคัดเอกสารมายื่นอีกครั้งหนึ่งหลังจาก 1 เดือนผ่านไปก่อน ซึ่งเราก็งงๆ เพราะ ทางทนายก็บอกว่า สามารถใช้คำสั่งศาลฉบับดังกล่าวได้เลย เพราะไม่มีผู้ใดคัดค้านตามคำสั่งศาล ดังกล่าว
ผู้จัดการสาขา ยืนยันจะไม่ให้ถอน และบอกว่า บัญชีเงินนี้จะถูกรอไว้ก่อน และจะไม่มีการเคลื่อนไหวได้ จนกระทั่งต้องมีคำสั่งศาลซึ่งพิพากษาสุดท้ายอีกก่อน ถึงจะให้มาติดต่อกับสาขาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผมเองก็คงต้องรอให้ครบ 1 เดือน และทางทนายความก็ยืนยันว่า จะดำเนินการต่อให้
ประเด็นสำคัญที่สุดคือ เจ้าของบัญชี มีหนี่บัตรเครดิตอยู่ประมาณ 3 หมื่นบาทซึ่งหลังจากเสียชีวิตไปประมาณ 1 เดือน ก็ยังไม่ได้รับการชำระหนี้ เพียงแต่ทางผมได้ ส่งใบมรณะบัตรไปให้ธนาคารและยืนยันว่า เมื่อถอนเงินจากธนาคารกรุงเทพ ได้ ทางธนาคารก็หักหนี้ดังกล่าวได้เลย
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ช่วงระยะเวลาที่รอจะไปคัดคำสั่งศาลที่ถือว่า คดีถึงที่สุดท้ายแล้วหลังจาก 30วัน ทางธนาคารกรุงเทพ ได้ดึงเงินจำนวน 3 หมื่นกว่าบาทออกไปจากบัญชี โดยไม่มีการแจ้งให้ทางผู้จัดการมรดกทราบแต่อย่างใด เพียงแต่ส่งหนังสือมาว่า ได้หักเงินออกไปจากบัญชีเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่สะดุดใจในวิธีการทำงานของคนที่เรียกว่า นายธนาคาร หรืออะไรก็แล้วแต่ ทางผมเป็นผู้จัดการมรดกถูกต้องไม่สามารถถอนเงินออกมาได้แม้แต่บาทเดียว ทั้งๆที่มีคำสั่งศาลไปให้เรียบร้อยแล้ว แต่ธนาคารกรุงเทพกลับไม่รออะไรตามที่บอกผม ว่าให้รอคำสั่งศาลสุดท้ายก่อน กลับถอนเงินออกไปได้เอง
ปฎิบิติการแบบนี้เรียกว่าอะไรครับ เงินอยู่ในมือคุณ หนี้ของเจ้าของบัญชี คุณต้องหักอยู่แล้ว และอ้างตลอดว่า เงินยังเคลื่อนไหวไม่ได้ หากไม่มีคำสั่งศาลที่ถึงที่สุดมายื่น
แล้วคุณเอาเงินออกไปได้อย่างไรครับ โดยตอนนี้ผมก็ยังไม่สามารถถอนเงินได้แม้แต่บาทเดียว ทำไมคุณถึงทำได้ครับ