พอดีผมกำลังหาไอเดียสร้างบ้านเล็กๆอยู่น่ะครับ
แล้วบังเอิญไปเจอบทความอันนี้ก็ขออนุญาตเอามาแชร์แล้วกัน
TADAO ANDO ที่ผมรู้มาซึ่งคงจะไม่ตรงกับความจริงทั้งหมดหรอกฟังเขาเล่าต่อๆกันมา
ตอนเรียนถาปัตย์ ช่วงต้นทศวรรษ2540แกดังมาก ทาดาโอะอันโดะ สถาปนิกญี่ปุ่นอายุน่าจะร่วม 70 แล้วนะ
ลุงผู้นี้ไม่เคยเรียนสถาปัตย์ แต่ศึกษาด้วยตัวเอง และรู้ว่าการเดินทางดูสถาปัตยกรรมในเมืองฝรั่งนั้นเป็นประโยชน์
แกเลยหัดมวย เพราะมวยจะทำให้แกได้ไปนอกญี่ปุ่น ตลกสุดๆประเทศแรกที่แกได้ไปก็คือ ไทยครับ
มาต่อยมวยครับมาต่อยมวยที่กรุงเทพข่าวไม่ได้บอกกว่าแกโดนน็อกหรือกัดหูใครหรือเปล่า
ตอนแกดังแล้วแกเคยต่อยเด็กในออฟฟิศที่ดันผิดคิวตอนเปิดอาคารที่แกออกแบบ ดันพลาด น้ำตกมันไม่ไหล
เคียงอาคารมาเท่ๆ อย่างที่ออกแบบ อันนี้ก็เรื่องเล่า
ส่วนเรื่องจริงแน่ๆคือ ก่อนผมเกิด 2 ปี 1975 /2518 ตอนนั้นรัฐบาลไทยรบพรรคคอมมิวนิสต์ตูมๆทั่วประเทศ
ท้องถนนเมืองกรุงก็ระอุด้วยม็อบทั้งสองตุลา อันโดะออกแบบบ้านหลังนี้ 6-7 เดือน และคุมงานก่อสร้างราว 2 ปี
บ้านหลังเล็กนิดเดียว จากหน้าตาบ้าน ท่านอาจคิดว่าน่าจะออกแบบ 10 นาทีมากกว่า
ต่อมามันกลายเป็นบ้านที่ดังที่สุดหลังหนึ่งในโลกมนุษย์และสุริยะจักรวาล
ซึ่งจริงๆก็เฉพาะสำหรับพวกนักเรียนสถาปัตย์ และสถาปนิกทั่วโลก
บ้านหลังนี้สร้างที่โอซาก้าล่ะมั๊ง ในเขตเมือง ตจว แน่นๆแออัดกว่าแถวบ้านโนบิตะหน่อย
ที่ดินที่สร้างบ้านพื้นที่แค่ 60-70 ตรม. เรียกว่าเล็กมากๆ ราว 20 ตรว.
พื้นที่ขนาดนี้คนไทยก็พอคุ้นออกลูกเลี้ยงหลานใน กทม.อยู่กันได้ เป็นตึกแถว
แต่รับรองว่า ตึกแถวเราๆท่านๆไม่.....ขนาดนี้
ผมค้นหาข้อมูลตามประสาสถาปนิกไทยกลัวภาษาอังกฤษจะกินตับ ก็ไม่เคยเจอข้อมูลของ เจ้าของบ้านหลังนี้
(แหมจะเจอได้ไง ก็ดูแต่รูป)
ผมสนใจมากว่าใจคอเจ้าของบ้านนั้นเป็นอย่างไร ห่ามสมบารมีกันกับสถาปนิกจริง เป็นคู่หฤห่าม
ดูจากด้านหน้า หลายท่านอาจคิดว่าเป็นที่เก็บกระดูก ของวงศ์ตระกูลไหนสักวงศ์
อะไรๆที่เมื่อมันมาประชุมกันแล้วกลายเป็นบ้าน เช่น บานประตู หน้าต่าง ระเบียง บันได รั้ว สวนหย่อมเล็กๆ มุขหน้า เสาโชว์ จิปาถะ
มันหายไปไหนกันหมด....!
ก็เท่าที่เห็นครับ มันมีเท่านี้......มันน้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว
คือถ้าไม่มี "ผนัง" ก็ไม่ใช่บ้าน ถ้าไม่มี "ทางเข้า" ก็เป็นตอม่อสะพาน
สองสิ่งสุดท้ายที่แกมอบให้
นี่เป็นสัจจะนิยมขั้น
อุกฤษฏ์
ที่ถอดทุกอย่างถอดออกหมดเปลือกแล้วจริงๆ
ทั้งในแง่การเป็น "บ้าน" และในแง่ "งานก่อสร้าง"
ก็ดูจากหน้าบ้านเนี่ย มีปูน ทราย หิน เหล็ก แค่นั้น..ที่ได้เงินแก
โอ....ไม้แบบด้วย ไม้อัดที่ใช้ทำแบบหล่อผนัง ยังทิ้งรอยไว้ที่ผนัง
ตัวไม้อัดคงเป็นปุ๋ยไปหลายรอบแล้ว ทิ้งไว้ที่นี่ก็แต่ รอย อาจจะอีก 500 ปี?
และถ้าคุณกล้าเข้าไปข้างใน
โดยไม่กลัวจะเจอเจ้าของบ้านในชุดชีเปลือยหรือโยคี
คุณจะรู้สึกแบบไหนผมก็ไม่รู้ แต่เดาว่าต้อง "สงบ"
บ้านหลังนี้มีท้องฟ้าส่วนตัว มันตัดโลกรอบตัวในแนวราบทั้ง16ทิศออกจากคุณ
แต่มัน...เชื่อมคุณเข้ากับจักรวาล ท้องฟ้า แดด และฝน
ใช่ครับ!!!! ฝนด้วย!!!!
ถ้าฝนตกคุณต้องกางร่มเดินไปห้องนอน หลังจากกินมื้อเย็น
แกว่านี้แหล่ะคือชีวิต
ชีวิตที่สัมผัสธรรมชาติผ่านที่ว่างในสถาปัตยกรรม ในมุมสถาปนิก
สถาปัตยกรรมใม่ใช่อิฐหินปูนทราย แต่เป็นบทกวีแห่ง"ที่ว่าง"
แกแต่งบทกวี แล้วผู้รับเหมาสร้างมันขึ้น เจ้าของจ่ายแล้วก็อาศัยอยู่ในนั้น!!!
การสัมผัสธรรมชาติ "ผ่านกรอบ" เป็นวิถี ชีวิตและวิถี ศิลปะของญี่ปุ่นแท้ๆเทียว
คุณเชื่อมั้ยล่ะว่าคุณจะได้เดินฝ่าสายฝนขึ้นช่องเขาแล้วข้ามสะพานหิน(ที่จริงคือคอนกรีต)
ไปยังชะโงกถ้ำอันสลัวรางและสงบสุข ในที่ดิน20ตรว.!!!!! กลางเมือง
จาก
http://www.oknation.net/blog/TKDH/2013/07/13/entry-2
ไอเดียบ้านสำหรับที่ดินราว 20 ตรว.
แล้วบังเอิญไปเจอบทความอันนี้ก็ขออนุญาตเอามาแชร์แล้วกัน
TADAO ANDO ที่ผมรู้มาซึ่งคงจะไม่ตรงกับความจริงทั้งหมดหรอกฟังเขาเล่าต่อๆกันมา
ตอนเรียนถาปัตย์ ช่วงต้นทศวรรษ2540แกดังมาก ทาดาโอะอันโดะ สถาปนิกญี่ปุ่นอายุน่าจะร่วม 70 แล้วนะ
ลุงผู้นี้ไม่เคยเรียนสถาปัตย์ แต่ศึกษาด้วยตัวเอง และรู้ว่าการเดินทางดูสถาปัตยกรรมในเมืองฝรั่งนั้นเป็นประโยชน์
แกเลยหัดมวย เพราะมวยจะทำให้แกได้ไปนอกญี่ปุ่น ตลกสุดๆประเทศแรกที่แกได้ไปก็คือ ไทยครับ
มาต่อยมวยครับมาต่อยมวยที่กรุงเทพข่าวไม่ได้บอกกว่าแกโดนน็อกหรือกัดหูใครหรือเปล่า
ตอนแกดังแล้วแกเคยต่อยเด็กในออฟฟิศที่ดันผิดคิวตอนเปิดอาคารที่แกออกแบบ ดันพลาด น้ำตกมันไม่ไหล
เคียงอาคารมาเท่ๆ อย่างที่ออกแบบ อันนี้ก็เรื่องเล่า
ส่วนเรื่องจริงแน่ๆคือ ก่อนผมเกิด 2 ปี 1975 /2518 ตอนนั้นรัฐบาลไทยรบพรรคคอมมิวนิสต์ตูมๆทั่วประเทศ
ท้องถนนเมืองกรุงก็ระอุด้วยม็อบทั้งสองตุลา อันโดะออกแบบบ้านหลังนี้ 6-7 เดือน และคุมงานก่อสร้างราว 2 ปี
บ้านหลังเล็กนิดเดียว จากหน้าตาบ้าน ท่านอาจคิดว่าน่าจะออกแบบ 10 นาทีมากกว่า
ต่อมามันกลายเป็นบ้านที่ดังที่สุดหลังหนึ่งในโลกมนุษย์และสุริยะจักรวาล
ซึ่งจริงๆก็เฉพาะสำหรับพวกนักเรียนสถาปัตย์ และสถาปนิกทั่วโลก
บ้านหลังนี้สร้างที่โอซาก้าล่ะมั๊ง ในเขตเมือง ตจว แน่นๆแออัดกว่าแถวบ้านโนบิตะหน่อย
ที่ดินที่สร้างบ้านพื้นที่แค่ 60-70 ตรม. เรียกว่าเล็กมากๆ ราว 20 ตรว.
พื้นที่ขนาดนี้คนไทยก็พอคุ้นออกลูกเลี้ยงหลานใน กทม.อยู่กันได้ เป็นตึกแถว
แต่รับรองว่า ตึกแถวเราๆท่านๆไม่.....ขนาดนี้
ผมค้นหาข้อมูลตามประสาสถาปนิกไทยกลัวภาษาอังกฤษจะกินตับ ก็ไม่เคยเจอข้อมูลของ เจ้าของบ้านหลังนี้
(แหมจะเจอได้ไง ก็ดูแต่รูป)
ผมสนใจมากว่าใจคอเจ้าของบ้านนั้นเป็นอย่างไร ห่ามสมบารมีกันกับสถาปนิกจริง เป็นคู่หฤห่าม
ดูจากด้านหน้า หลายท่านอาจคิดว่าเป็นที่เก็บกระดูก ของวงศ์ตระกูลไหนสักวงศ์
อะไรๆที่เมื่อมันมาประชุมกันแล้วกลายเป็นบ้าน เช่น บานประตู หน้าต่าง ระเบียง บันได รั้ว สวนหย่อมเล็กๆ มุขหน้า เสาโชว์ จิปาถะ
มันหายไปไหนกันหมด....!
ก็เท่าที่เห็นครับ มันมีเท่านี้......มันน้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว
คือถ้าไม่มี "ผนัง" ก็ไม่ใช่บ้าน ถ้าไม่มี "ทางเข้า" ก็เป็นตอม่อสะพาน
สองสิ่งสุดท้ายที่แกมอบให้
นี่เป็นสัจจะนิยมขั้น
อุกฤษฏ์
ที่ถอดทุกอย่างถอดออกหมดเปลือกแล้วจริงๆ
ทั้งในแง่การเป็น "บ้าน" และในแง่ "งานก่อสร้าง"
ก็ดูจากหน้าบ้านเนี่ย มีปูน ทราย หิน เหล็ก แค่นั้น..ที่ได้เงินแก
โอ....ไม้แบบด้วย ไม้อัดที่ใช้ทำแบบหล่อผนัง ยังทิ้งรอยไว้ที่ผนัง
ตัวไม้อัดคงเป็นปุ๋ยไปหลายรอบแล้ว ทิ้งไว้ที่นี่ก็แต่ รอย อาจจะอีก 500 ปี?
และถ้าคุณกล้าเข้าไปข้างใน
โดยไม่กลัวจะเจอเจ้าของบ้านในชุดชีเปลือยหรือโยคี
คุณจะรู้สึกแบบไหนผมก็ไม่รู้ แต่เดาว่าต้อง "สงบ"
บ้านหลังนี้มีท้องฟ้าส่วนตัว มันตัดโลกรอบตัวในแนวราบทั้ง16ทิศออกจากคุณ
แต่มัน...เชื่อมคุณเข้ากับจักรวาล ท้องฟ้า แดด และฝน
ใช่ครับ!!!! ฝนด้วย!!!!
ถ้าฝนตกคุณต้องกางร่มเดินไปห้องนอน หลังจากกินมื้อเย็น
แกว่านี้แหล่ะคือชีวิต
ชีวิตที่สัมผัสธรรมชาติผ่านที่ว่างในสถาปัตยกรรม ในมุมสถาปนิก
สถาปัตยกรรมใม่ใช่อิฐหินปูนทราย แต่เป็นบทกวีแห่ง"ที่ว่าง"
แกแต่งบทกวี แล้วผู้รับเหมาสร้างมันขึ้น เจ้าของจ่ายแล้วก็อาศัยอยู่ในนั้น!!!
การสัมผัสธรรมชาติ "ผ่านกรอบ" เป็นวิถี ชีวิตและวิถี ศิลปะของญี่ปุ่นแท้ๆเทียว
คุณเชื่อมั้ยล่ะว่าคุณจะได้เดินฝ่าสายฝนขึ้นช่องเขาแล้วข้ามสะพานหิน(ที่จริงคือคอนกรีต)
ไปยังชะโงกถ้ำอันสลัวรางและสงบสุข ในที่ดิน20ตรว.!!!!! กลางเมือง
จาก http://www.oknation.net/blog/TKDH/2013/07/13/entry-2