สำนักข่าวอัล-อาราบิญา - มีรายงานจาก Albawbaba เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมาว่า ลูโดวิค มุฮัมมัด ซาฮีด ชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรีย กับกิญูม อัล-ดิน มุสลิมจากแอฟริกาใต้ เกย์คิง-เกย์ควีน ได้แต่งงานกันตามแบบอิสลามต่อหน้าอิหม่ามญามัล ชาวมอริตาเนีย ที่บ้านในเขต Servon ชานกรุงปารีส ตั้งแต่เมื่อ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านั้นทั้ง 2 ได้แต่งงานกันตามกฎหมายแล้วที่ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งกฎหมายที่นั่นยอมรับการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน แต่ที่ฝรั่งเศสยังไม่มีกฎหมายนี้
ซาฮีดให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ France 24 ถึงความเป็นมาก่อนที่ทั้งสองจะพบรักกันถึงขั้นแต่งงาน โดยทั้งคู่ได้ไปร่วมการประชุมเกี่ยวกับโรคเอดส์ที่แอฟริกาใต้ และอิหม่ามที่เป็นเกย์เช่นกันได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน หลังจากได้สนิทสนมและเรียนรู้ซึ่งกันและกันแล้ว ซาฮีดตัดสินใจอยู่ที่นั่นต่ออีก 2 เดือน และตัดสินใจแต่งงานกันในที่สุด
หลังจากแต่งงานแล้วทั้งคู่เดินทางมาปักหลักที่ฝรั่งเศส และหวังว่ารัฐบาลจะรับรองการแต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายของเขา แต่เหตุการณ์กลับเป็นตรงกันข้าม ซาฮีดมีความเห็นว่า เขาได้รับการปฏิบัติด้วยอคติจากกฎหมายฝรั่งเศส ที่ไม่ยอมรับการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน ยิ่งเสียกว่าความรังเกียจเดียดฉันท์จากมุสลิมด้วยกันเสียอีก
ซาฮีดกล่าวว่า เขารู้สึกเต็มตื้นที่ได้ประกอบพิธีแต่งงานต่อหน้าพ่อ-แม่ และดีใจที่พวกเชามีสายตาที่แสดงความยินดี และยอมรับในรสนิยมทางเพศที่แตกต่างของเขา หลังจากที่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเปลี่ยนเขาแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
กรณีของซาฮีดค่อนข้างจะแตกต่างจากของคนอื่นๆ เขาติดเอดส์ตั้งแต่อายุได้ 19 ปี แต่ความเจ็บป่วยทำให้เขามีจุดมุ่งหมายใหม่ในชีวิต และดึงให้เขาเข้าใกล้ศาสนามากขึ้น เขาหันมาเพิ่มพูนความศรัทธา และขอดุอาอฺให้สามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้ จนได้ไปทำอุมเราะฮฺและทำฮัจญ์ถึง 2 ครั้ง รวมทั้งพยายามที่จะดำเนินชีวิตเช่นคนปกติทั่วไป
ถึงแม้เขาจะได้รับการคุกคามผ่านทางโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต และต้องต่อสู้กับทัศนะคติในทางลบจากทั้งคนอาหรับและมุสลิมทั่วๆ ไป แต่เขายังยืนยันที่จะศึกษาให้ถึงระดับปริญญาเอกในสาขาอิสลามศึกษากับเรื่องรักร่วมเพศ และยังเป็นผู้นำองค์กรที่ทำวิจัยในหัวข้อเดียวกันนี้อีกด้วย
ซาฮีดกล่าวว่า ภาระกิจที่สำคัญที่สุดของเขา คือ การพยายามให้ฝรั่งเศสรับรองการแต่งงานของเขา เพื่อให้สามีสามารถพำนักอาศัยและทำงานที่นี้ได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากไม่สำเร็จเขาคงต้องย้ายไปอยู่ที่แอฟริกใต้ซึ่งเป็นบ้านเกิดของสามี
อิหม่าม มอริตาเนียในฝรั่งเศสแต่งงานให้คู่รักชาวเกย์มุสลิม
สำนักข่าวอัล-อาราบิญา - มีรายงานจาก Albawbaba เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมาว่า ลูโดวิค มุฮัมมัด ซาฮีด ชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรีย กับกิญูม อัล-ดิน มุสลิมจากแอฟริกาใต้ เกย์คิง-เกย์ควีน ได้แต่งงานกันตามแบบอิสลามต่อหน้าอิหม่ามญามัล ชาวมอริตาเนีย ที่บ้านในเขต Servon ชานกรุงปารีส ตั้งแต่เมื่อ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านั้นทั้ง 2 ได้แต่งงานกันตามกฎหมายแล้วที่ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งกฎหมายที่นั่นยอมรับการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน แต่ที่ฝรั่งเศสยังไม่มีกฎหมายนี้
ซาฮีดให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ France 24 ถึงความเป็นมาก่อนที่ทั้งสองจะพบรักกันถึงขั้นแต่งงาน โดยทั้งคู่ได้ไปร่วมการประชุมเกี่ยวกับโรคเอดส์ที่แอฟริกาใต้ และอิหม่ามที่เป็นเกย์เช่นกันได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน หลังจากได้สนิทสนมและเรียนรู้ซึ่งกันและกันแล้ว ซาฮีดตัดสินใจอยู่ที่นั่นต่ออีก 2 เดือน และตัดสินใจแต่งงานกันในที่สุด
หลังจากแต่งงานแล้วทั้งคู่เดินทางมาปักหลักที่ฝรั่งเศส และหวังว่ารัฐบาลจะรับรองการแต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายของเขา แต่เหตุการณ์กลับเป็นตรงกันข้าม ซาฮีดมีความเห็นว่า เขาได้รับการปฏิบัติด้วยอคติจากกฎหมายฝรั่งเศส ที่ไม่ยอมรับการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน ยิ่งเสียกว่าความรังเกียจเดียดฉันท์จากมุสลิมด้วยกันเสียอีก
ซาฮีดกล่าวว่า เขารู้สึกเต็มตื้นที่ได้ประกอบพิธีแต่งงานต่อหน้าพ่อ-แม่ และดีใจที่พวกเชามีสายตาที่แสดงความยินดี และยอมรับในรสนิยมทางเพศที่แตกต่างของเขา หลังจากที่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเปลี่ยนเขาแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
กรณีของซาฮีดค่อนข้างจะแตกต่างจากของคนอื่นๆ เขาติดเอดส์ตั้งแต่อายุได้ 19 ปี แต่ความเจ็บป่วยทำให้เขามีจุดมุ่งหมายใหม่ในชีวิต และดึงให้เขาเข้าใกล้ศาสนามากขึ้น เขาหันมาเพิ่มพูนความศรัทธา และขอดุอาอฺให้สามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้ จนได้ไปทำอุมเราะฮฺและทำฮัจญ์ถึง 2 ครั้ง รวมทั้งพยายามที่จะดำเนินชีวิตเช่นคนปกติทั่วไป
ถึงแม้เขาจะได้รับการคุกคามผ่านทางโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต และต้องต่อสู้กับทัศนะคติในทางลบจากทั้งคนอาหรับและมุสลิมทั่วๆ ไป แต่เขายังยืนยันที่จะศึกษาให้ถึงระดับปริญญาเอกในสาขาอิสลามศึกษากับเรื่องรักร่วมเพศ และยังเป็นผู้นำองค์กรที่ทำวิจัยในหัวข้อเดียวกันนี้อีกด้วย
ซาฮีดกล่าวว่า ภาระกิจที่สำคัญที่สุดของเขา คือ การพยายามให้ฝรั่งเศสรับรองการแต่งงานของเขา เพื่อให้สามีสามารถพำนักอาศัยและทำงานที่นี้ได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากไม่สำเร็จเขาคงต้องย้ายไปอยู่ที่แอฟริกใต้ซึ่งเป็นบ้านเกิดของสามี