สวัสดีค่ะ ออกตัวก่อนเลยว่านี่ไม่ใช่กระทู้แรก และเป็นลอกอินเราเอง ตรึ้กโป๊ะ! กลัวtag ผิดเหมือนกัน และสุดท้าย เรามีโฆษณาแฝง คือ เรารวมเงินบริจาคไปช่วยแรดในงาน ลอนดอนมาราธอนด้วยค่ะ ถ้าทำผิดกฎกระทู้ตรงไหน ฝากแนะนำติชมด้วยค่ะ และถ้าชอบกระทู้นี้ ก้อ ฝากกดโหวตขึ้นไป แล้วคราวหน้าจะได้มีกำลังใจมาเล่าเส้นทางและประสบการณ์ซ้อมวิ่งคนเดียว ไปทางตะวันตกของแม่น้ำเธมส์ ระยะทาง 36km เส้นทางสวยมาก เหมาะแก่การขี่จักรยานเที่ยว (ก็ไม่รู้ว่าบางคนก้อไปขยันวิ่งทำไม 5555)
เกริ่นก่อน...
เวลาที่วางแผนเที่ยวลอนดอนกัน ทุกคนนึกถึงอะไรก่อนคะ ก็ต้องโดยสารด้วย Tube หรือ รถบัส ใช่ไหม แล้วมีที่ไหนที่ต้องไปในลอนดอนหรือคะ ก็ต้อง London's Eyes และ Tower Bridge สูตรสำเร็จของนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่วันนี้ เราจะพาไปรีวิวเส้นทางเลียบแม่น้ำเธมส์ ด้วยการวิ่ง วิ่ง วิ่ง เที่ยวเมืองค่ะ เผื่อใครมีโอกาสมาเที่ยวลอนดอน อยากสัมผัสชีวิตแบบ Healthy Londoner จะลองเดินตาม หรือวิ่งตาม เส้นทางนี้ ก็น่าลองนะคะ
สำหรับเรื่องเล่าจะขอคัดลอกมาจากบทความที่ลงในเพจเราเองนะคะ
เป็นตอนที่ เราวิ่งจากบ้าน ไปทาง ตะวันออกของแม่น้ำค่ะ ส่วนรูปที่ลง ส่วนมาจะถ่ายแบบสแนปชอท ไม่ได้ปราณีตมากใช้กล้องมือถือบ้างโกโปรบ้าง แชะๆแล้ววิ่งต่อเลยค่ะ ก็รวมๆมาจากหลายๆวัน กลางวันบ้าง กลางคืนบ้าง ฝกตกบ้าง ฟ้าใสบ้าง นี่ละคะลอนดอน
ฉันอาศัยอยู่ทางใต้ของแม่น้ำเธมส์........
การออกวิ่งไปทางตะวันตกสำหรับฉันแล้ว ดูเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากกว่าการวิ่งไปทางตะวันออกเสมอ เส้นทางเลียบแม่น้ำไปทางตะวันออกของลอนดอนเป็นเส้นทางโปรดของฉัน เพราะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเรียงราย สลับกับตึกรามบ้านช่องในแบบฉบับดั้งเดิม เขาเรียกกันว่าอาคารแบบวิกตอเรียนกันนั่นแล จากที่พักของฉัน สามารถเดินถึงถนนเลียบแม่น้ำ (Thames Path) ได้ในระยะเพียงกิโลเมตรแรก หลักจากนั้น คือการตัดสินใจ ว่าจะไปทางตะวันตก หรือ ตะวันออก
อย่างที่ได้กล่าวไว้ ทางตะวันออกของแม่น้ำ ฉันวิ่งผ่าน สะพาน Battersea Bridge
ซึ่งเป็นสะพานเดียวกับที่ฉันถีบจักรยานข้ามฝั่งไปมหาวิทยาลัยทุกเช้า ตรงนี้ไม่มีทางคนเดินลอดใต้ถนน จึงต้องวิ่งตัดผ่านถนนสองเลน เพื่อข้ามไปยัง ถนนเลียบแม่น้ำอีกฝั่ง หลายครั้งที่คนขับรถมักจะใจดีและ ปล่อยให้คนเดินเท้าได้ข้ามถนนไปก่อนเสมอ จากจุดนี้ ตลอดทางขวาที่ฉันวิ่งไป คือ อาคารออฟฟิศและคอนโดแนวสมัยใหม่ ซึ่งแตกต่างจากทางด้านซ้าย หรืออีกฝั่งของแม่น้ำเธมส์ ที่ยังคงสภาพตึกเก่าเป็นเปลือกหุ้มแต่เพียงภายนอกไว้ ฉันวิ่งไปทางตะวันออกอยู่อย่างนั้น ผ่าน สะพาน Albert ที่สวยงาม สะพานนี้อาจจะไม่ดังเท่ากับสะพานอื่นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แต่ก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นกว่าสะพานอื่น และที่ฉันชอบมากที่สุดคือสีสันสดใสจนฉันมักจะต้องแอบถ่ายรูปทุกครั้งหากมีท้องฟ้างามเป็นฉากหลัง ถึงตอนนี้ ฉันเลือกได้ ว่าจะตรงไปตามเส้นทางเดิม หรือจะข้ามสะพานที่ฉันชอบนี้ เพื่อไปวิ่งบนทางเดินเลียบแม่น้ำทางฝั่งเหนือแทน.... และฉันก็มักจะตรงไปนั่นแหล่ะ และจะเข้าสู่ สวนสาธารณะ Battersea Park สวนแห่งนี้มีขนาดใหญ่ และมีการตกแต่งเพื่อหลากหลายวัตถุประสงค์ ต่างจาก สวน Hyde Park, Regent Park ที่ปล่อยให้เป็นป่าๆ และ หญ้าเขียวๆ ซึ่งคนไทยมักจะรู้จักกันมากกว่า
รูปที่ 1 สะพาน Albert Bridge กลางคืน
รูปที่ 2 สะพาน Battersea ใช้ขี่จักรยานไปโรงเรียน
ในหนึ่งรอบสวน Battersea หากวิ่งตรงไปข้างหน้า คือถนนเลียบแม่น้ำที่ไร้การจราจรจากรถยนต์เช่นเคย แต่หากเลี้ยวขวาไป เพื่อวิ่งรอบสวนตามเส้นทางทวนเข็มนาฬิกามีทั้งทางคอนกรีตและทางดิน สำหรับคนที่ชอบพาสุนัขมาเดิน ฉันเคยลองลุยทางออฟโรดนี้หนึ่งครั้ง ตอนนั้นมากับนายแมกซ์และแอนดรูวร์ เพื่อนนักวิ่งร่วมแฟลทของฉัน แต่พวกเขาขายาวเกินไป ตามไม่ทันเลย หลังๆ ฉันเลยแอบมาวิ่งคนเดียวมากกว่า ณ รอบๆ สวนแห่งนี้ มีทั้งคอร์ทเทนนิส สนามรักบี้ สนามซ้อมฟุตบอล มีทะเลสาบเล็กๆ สามารถเช่าจักรยานน้ำถีบได้และร้านกาแฟเงียบสงบ นอกจากนี้กลางสวน ยังถูกตกแต่งให้สวยงามด้วยน้ำพุและมีสวนสัตว์เล็กๆ สำหรับเด็ก นอกจากนี้ มีบริเวณที่ตกแต่งเป็นป่าเขตร้อนโดยเฉพาะ สามารถหาชมต้นไม้ที่หลากหลายได้ในสวนแห่งนี้ ฉันมาวิ่งที่นี่กี่ครั้ง ก็มิเคยเหมือนเดิมเลยสักครั้ง ไม่ใช่เพียงแต่ผู้คนที่ผ่านไปที่เปลี่ยนแปลงง แต่สภาพอากาศ ลม ฝน แดด ที่ไม่เคยซ้ำต่างก็ทำให้สวนนี้แตกต่างไปอย่างมีสเน่ห์ใหม่ๆ ทุกครั้งที่ฉันมา
รูปที่ 3 Battersea Park บรรยากาศฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา
รูปที่ 4 Battersea Park เส้นทางด้านในสวน
วิ่งออกจากสวนไป ฉันเลือกได้อีกว่า ถ้าจะวิ่งเลียบแม่น้ำไปทางตะวันออกอย่างนี้ เพื่อไปให้ถึงสะพาน Westminster ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอนาฬิกาอันโด่งดังและชิงช้าสวรรค์ยักษ์อันเลื่องชื่อ ฉันจะข้ามสะพานดีไหมนะ..... ถ้าเลือกไปทางใต้จะได้ระยะสั้นกว่าทางเหนือของแม่น้ำ ดังนั้น ปกติแล้ว ขาไปฉันก็เลือกทางเหนือ ส่วนขากลับตอนใกล้ๆ จะหมดแรงฉันก็ใช้เส้นทางทิศใต้ ของแม่น้ำแทน
รูปที่ 5 Themes Path ปกติก็ใช้ร่วมกันทั้งจักรยานและคนเดินเท้า
ณ เส้นทางนี้ ตลอดเส้นทางยาวสองฝั่ง คือ ทางเดินคอนกรีตริมแม่น้ำ ฉันมักจะวิ่งจนถึง สะพาน Westminster ทางวามือของฉันที่ฝั่งรงข้ามแม่น้ำ ฉันผ่าน โรงไฟฟ้า Battersea Power Station ผ่านสะพาน Vauxhall และสะพาน Lambeth จนถึงสะพาน Westminster ฝั่งตรงข้ามถนน ทางซ้ายมือของฉันคือ วิหาร Westminster Abbey ส่วนทางซ้ายคือ Parliament หรืออาคารรัฐสภา ซึ่งมี หอคอย Elizabeth Tower ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปจะเรียกติดปากว่า Bigben จากนั้น วิ่งตรงต่อไป เพื่อไปข้ามฝั่งที่สะพาน Jubilee เป็นสะพานคนเดินขนานรางรถไฟ สามารถมองเห็นวิวที่สวยงามของสองฝั่งแม่น้ำทั้งดวงตายักษ์แห่งลอนดอนและหอนาฬิกาชื่อดัง
รวมๆ แล้วจากบ้านฉันไปถึง London’s Eye จะได้ระยะราว 9.8 กิโลเมตร หากต้องการระยะเพิ่มฉันมักจะใช้วิธีวิ่งข้ามสะพานซ้ำ จากนั้นก็สามารถขึ้นรถไฟที่สถานี Waterloo เพื่อกลับถึงบ้านภายใน 15 นาที หรือถ้าวิ่งกลับทางใต้ของแม่น้ำฉันก็จะได้ ระยะ ราว 16 กิโลเมตร (ในช่วงฤดูหนาวฉันจะวิ่งมาแค่ถึง Waterloo แล้วขึ้นรถไฟกลับเพราะอากาศมันหนาวจนทนไม่ได้ )
รูปที่ 6 จขกท เองค่ะ มุมด้านหลังโรงพยาบาล St Thomas อันนี้ใช้ wide selfie ถ่ายตอนวิ่งผ่าน อาคารรัฐสภาค่ะ
รูปที่ 7 วิ่งบนสะพาน Westminster ตอนกลางคืนที่ฝนตก ฟินมาก คนน้อยมากบนสะพานไม่เกะกะเลย
รูปที่ 8 มุมจาก Golden Jubilee Bridge ดวงอาทิย์ลาลับฟ้า อันนี้ถ่ายตอนออกวิ่งก่อนวันสิ้นปี
จาก Westminster หากวิ่งมุ่งไปทางะวันตกต่อไป ผ่านสะพาน Blackfriars ที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งยาวจากฝั่งหนึ่งถึงอีกฝั่งหนึ่งบนหลังคาสะพานข้ามแม่น้ำของรางรถไฟ จากนั้นวิ่ง ผ่านสะพานลอนดอน ที่ถูกร้องขานซ้ำๆ ในเพลง ลอนดอนบริจด์ อิส ฟ่อลลิ่ง ดาวน์ ฟอลลิ่ง ดาวน์ ฟอลลิ่ง ด้าวน์ และไปจบที่จุดกลับตัวสุดโปรดของฉันที่ Tower of London ข้ามสะพานซึ่งอยู่ติดกันนั้น คือ Tower Bridge แล้ววิ่งขนานเส้นทางแม่น้ำทางทิศใต้ กลับบ้าน จุดนี้คนมักจะสับสนระหว่าง London Bridge และ Tower Bridge ซึ่งมันเป็นคนละที่กัน อันแรกคือสะพานรถข้ามหน้าตาธรรมดาๆ แต่อย่างหลังคือสะพานที่สวยงามที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แลนด์มาร์กของลอนดอนค่ะ
รูปที่ 9 พอน้ำลง ก็มีหาดทรายบังเกิดขึ้นที่ริมแม่น้ำ มีวงดนตรีลงไปเล่นที่ข้างล่าง ฉากหลังไกลๆ ที่เห็นนั่น คือ เขต City of London ย่านเศรษฐกิจ ที่ตั้งของธนาคารต่างๆและธนาคารชาติของอังกฤษด้วย รวมถึงตึกระฟ้าหน้าตาแปลกๆไว้ เช่น Gherkin (ตึกกระจกทรงแตงกวา), ตึกทรงที่ปาดชีส (ขออภัยจำชื่อไม่ได้) และตึก Walkie Talkie ที่หน้าตาเหมือนขนมปังแถวหัวโตยืนเอียงคออยู่นะคะ (จุดที่ชมวิวตึกเหล่านี้ได้ดีที่สุดคือ ฝั่งตรงข้ามของ Tower of London ค่ะ)
รูปที่ 10 แอบเหยียดขาที่ Tower of London มองไปทาง Tower Bridge
ระยะจากบ้านถึง Tower of London หนึ่งรอบ ราว 23 กิโลเมตร เหมาะแก่การซ้อมระยะฮาล์ฟมาราธอน แต่แล้วฉันก็เริ่มไม่โปรดปรานเส้นทางนี้เท่าใดนัก เพราะนักท่องเที่ยวเยอะเกินไป หากตั้งใจวิ่งซ้อมเพื่อดูเวลาแล้วก็ไม่เหมาะ ยังมีที่อื่นที่ใกล้ๆ ที่เหมาะ เช่น วิ่งรอบ Battersea Park หรือ ที่ Clapham Common ก็จะปลอดภัยและสามารถซ้อมเอาเวลาได้ดีกว่า แต่สำหรับเส้นทางตะวันออกนี้ ตื่นเต้นเสมอเพราะเป็นการวิ่งผ่านจุดสำคัญของประวัติศาสตร์โลกซ้ำแล้วซ้ำอีก ยิ่งได้วิ่งยิ่งฝึกสมาธิ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเมือง ได้เห็นจุดดีจุดเด่นที่ กรุงเทพมหานครของเราสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีกหรือ จุดด้อย ที่กรุงเทพของเราควรจะป้องกันไว้ไม่ให้ทำผิดซ้ำรอยเมืองเก่านี้อีก
รูปที่ 11 ภาพรวมเส้นทางค่ะ
แต่เดี๋ยวก่อนนะ... ฉันไม่ได้แต่เพียงวิ่ง วิ่ง วิ่ง ไม่ดูตาม้าตาเรืออะไรนะ
ฉันมองดูถนน เห็นสัญญาณไฟจราจร สังเกตผู้คนที่เดินผ่านกันสวนไป รับรู้ไม่ตรีจิตจากมารยาทคนขับรถ ทุกคนล้วนเคารพสัญญาณไฟจราจร เคารพกฎวงเวียน แต่ก็ให้ความสำคัญกับรถพยาบาลและรถตำรวจไปก่อนได้เสมอ ฉันเห็นการออกแบบเมืองที่ให้อิสระแก่คนเดินเท้า และจำกัดสิทธิแก่คนที่คิดใช้พื้นที่ทางเท้าอย่างผิดๆ ดังนั้น ฉันจึงเห็นแต่เส้นทางยาวๆ ที่ให้อิสระแก่คนเดิน ให้โอกาสคนออกจากบ้านมาเดินออกกำลังกาย ให้โอกาสคนมากมายออกมาวิ่ง ฉันไม่เห็นการขายอาหารที่เลอะเทอะฟุตบาท หรือการวางข้าวของแผงลอยเกะกะถนน ฉันรู้สึกปลอดภัย วิ่งคนเดียวก็ยังรู้สึกปลอดภัย น่าแปลกใช่ไหม นี่ไม่ใช้บ้านเกิดเมืองนอนฉันเลย แต่ถ้าให้วิ่งบนถนนในกรุงเทพนั่นหรือ ฉันกลัวตายมาก... เขาทำได้ยังไงนะ... บ้านนี้ เมืองนี้
ฉันเห็นครอบครัว เด็กเล็กบนรถเข็นกับพ่อแม่ขงเขาและผู้สูงอายุบนวีลแชร์ที่ได้ใช้ทางเท้าร่วมกัน มีทางลาด มีทางลิฟต์สำหรับบางสะพานที่เป็นจุดชมวิวสำคัญ การออกแบบสถาปัตยกรรมที่สร้างความเท่าเทียมบนถนน.... ฉันไม่รู้ว่าถ้ากลับกรุงเทพไป ฉันจะมีความสุขกับการวิ่งอีกครั้งหรือไม่ เพราะทุกครั้ง ต้องกลัวกับความไม่ปลอดภัย ต้องไม่สบายใจกับความพลุกพล่านไร้ระเบียบ ฉันคงไม่กล้าออกวิ่งยามค่ำคืนเหมือนที่ฉันกล้าวิ่งในลอนดอน จนสุดท้าย พื้นที่นักวิ่งของเมืองไทย ก็ถูกจำกัดไว้เพียงแต่ในสวนสาธารณะ (ที่มีน้อยแห่งเหลือเกิน)
แต่สำหรับหัวใจนักวิ่งแล้ว ขอแค่พื้นที่ ที่เราจะได้ออกวิ่งอย่างอิสระเสรี นั่นมีความสุขที่สุดแล้วใช่ไหม
สุดท้ายนี้ขอโฆษณาแฝง หนูลงวิ่งมาราธอนในลอนดอนมาราธอน วันที่ 26 เมษายน นี้ กับ ทีมการกุศล Save the Rhino หนูยังขาดยอดอีกเป็นเงินจำนวณหนึ่ง จึงต้องการการสนับสนุนเพิ่งเติมจากผู้มีจิตศรัทธา รายได้ทั้งหมดเอาไปช่วยแรดใน แอฟริกา กับองค์กร www.savetherhino.org ท่านสามารถร่วมบริจาคได้ที่ กด donate ใน www.justgiving.com/sindyrhino ค่ะ
อันนี้วิดีโอของแถมค่ะ
https://www.myfundraisingfilm.com/view/1182892d-4198-46f2-b2b2-14fd067ec263?utm_source=facebook&utm_medium=socialshare&utm_campaign=myfundraisingfilm
[CR] รีวิว London บนสองเท้า เส้นทางเลียบแม่น้ำเธมส์ Thames Path
เกริ่นก่อน...
เวลาที่วางแผนเที่ยวลอนดอนกัน ทุกคนนึกถึงอะไรก่อนคะ ก็ต้องโดยสารด้วย Tube หรือ รถบัส ใช่ไหม แล้วมีที่ไหนที่ต้องไปในลอนดอนหรือคะ ก็ต้อง London's Eyes และ Tower Bridge สูตรสำเร็จของนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่วันนี้ เราจะพาไปรีวิวเส้นทางเลียบแม่น้ำเธมส์ ด้วยการวิ่ง วิ่ง วิ่ง เที่ยวเมืองค่ะ เผื่อใครมีโอกาสมาเที่ยวลอนดอน อยากสัมผัสชีวิตแบบ Healthy Londoner จะลองเดินตาม หรือวิ่งตาม เส้นทางนี้ ก็น่าลองนะคะ
สำหรับเรื่องเล่าจะขอคัดลอกมาจากบทความที่ลงในเพจเราเองนะคะ
เป็นตอนที่ เราวิ่งจากบ้าน ไปทาง ตะวันออกของแม่น้ำค่ะ ส่วนรูปที่ลง ส่วนมาจะถ่ายแบบสแนปชอท ไม่ได้ปราณีตมากใช้กล้องมือถือบ้างโกโปรบ้าง แชะๆแล้ววิ่งต่อเลยค่ะ ก็รวมๆมาจากหลายๆวัน กลางวันบ้าง กลางคืนบ้าง ฝกตกบ้าง ฟ้าใสบ้าง นี่ละคะลอนดอน
ฉันอาศัยอยู่ทางใต้ของแม่น้ำเธมส์........
การออกวิ่งไปทางตะวันตกสำหรับฉันแล้ว ดูเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากกว่าการวิ่งไปทางตะวันออกเสมอ เส้นทางเลียบแม่น้ำไปทางตะวันออกของลอนดอนเป็นเส้นทางโปรดของฉัน เพราะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเรียงราย สลับกับตึกรามบ้านช่องในแบบฉบับดั้งเดิม เขาเรียกกันว่าอาคารแบบวิกตอเรียนกันนั่นแล จากที่พักของฉัน สามารถเดินถึงถนนเลียบแม่น้ำ (Thames Path) ได้ในระยะเพียงกิโลเมตรแรก หลักจากนั้น คือการตัดสินใจ ว่าจะไปทางตะวันตก หรือ ตะวันออก
อย่างที่ได้กล่าวไว้ ทางตะวันออกของแม่น้ำ ฉันวิ่งผ่าน สะพาน Battersea Bridge
ซึ่งเป็นสะพานเดียวกับที่ฉันถีบจักรยานข้ามฝั่งไปมหาวิทยาลัยทุกเช้า ตรงนี้ไม่มีทางคนเดินลอดใต้ถนน จึงต้องวิ่งตัดผ่านถนนสองเลน เพื่อข้ามไปยัง ถนนเลียบแม่น้ำอีกฝั่ง หลายครั้งที่คนขับรถมักจะใจดีและ ปล่อยให้คนเดินเท้าได้ข้ามถนนไปก่อนเสมอ จากจุดนี้ ตลอดทางขวาที่ฉันวิ่งไป คือ อาคารออฟฟิศและคอนโดแนวสมัยใหม่ ซึ่งแตกต่างจากทางด้านซ้าย หรืออีกฝั่งของแม่น้ำเธมส์ ที่ยังคงสภาพตึกเก่าเป็นเปลือกหุ้มแต่เพียงภายนอกไว้ ฉันวิ่งไปทางตะวันออกอยู่อย่างนั้น ผ่าน สะพาน Albert ที่สวยงาม สะพานนี้อาจจะไม่ดังเท่ากับสะพานอื่นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แต่ก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นกว่าสะพานอื่น และที่ฉันชอบมากที่สุดคือสีสันสดใสจนฉันมักจะต้องแอบถ่ายรูปทุกครั้งหากมีท้องฟ้างามเป็นฉากหลัง ถึงตอนนี้ ฉันเลือกได้ ว่าจะตรงไปตามเส้นทางเดิม หรือจะข้ามสะพานที่ฉันชอบนี้ เพื่อไปวิ่งบนทางเดินเลียบแม่น้ำทางฝั่งเหนือแทน.... และฉันก็มักจะตรงไปนั่นแหล่ะ และจะเข้าสู่ สวนสาธารณะ Battersea Park สวนแห่งนี้มีขนาดใหญ่ และมีการตกแต่งเพื่อหลากหลายวัตถุประสงค์ ต่างจาก สวน Hyde Park, Regent Park ที่ปล่อยให้เป็นป่าๆ และ หญ้าเขียวๆ ซึ่งคนไทยมักจะรู้จักกันมากกว่า
รูปที่ 1 สะพาน Albert Bridge กลางคืน
รูปที่ 2 สะพาน Battersea ใช้ขี่จักรยานไปโรงเรียน
ในหนึ่งรอบสวน Battersea หากวิ่งตรงไปข้างหน้า คือถนนเลียบแม่น้ำที่ไร้การจราจรจากรถยนต์เช่นเคย แต่หากเลี้ยวขวาไป เพื่อวิ่งรอบสวนตามเส้นทางทวนเข็มนาฬิกามีทั้งทางคอนกรีตและทางดิน สำหรับคนที่ชอบพาสุนัขมาเดิน ฉันเคยลองลุยทางออฟโรดนี้หนึ่งครั้ง ตอนนั้นมากับนายแมกซ์และแอนดรูวร์ เพื่อนนักวิ่งร่วมแฟลทของฉัน แต่พวกเขาขายาวเกินไป ตามไม่ทันเลย หลังๆ ฉันเลยแอบมาวิ่งคนเดียวมากกว่า ณ รอบๆ สวนแห่งนี้ มีทั้งคอร์ทเทนนิส สนามรักบี้ สนามซ้อมฟุตบอล มีทะเลสาบเล็กๆ สามารถเช่าจักรยานน้ำถีบได้และร้านกาแฟเงียบสงบ นอกจากนี้กลางสวน ยังถูกตกแต่งให้สวยงามด้วยน้ำพุและมีสวนสัตว์เล็กๆ สำหรับเด็ก นอกจากนี้ มีบริเวณที่ตกแต่งเป็นป่าเขตร้อนโดยเฉพาะ สามารถหาชมต้นไม้ที่หลากหลายได้ในสวนแห่งนี้ ฉันมาวิ่งที่นี่กี่ครั้ง ก็มิเคยเหมือนเดิมเลยสักครั้ง ไม่ใช่เพียงแต่ผู้คนที่ผ่านไปที่เปลี่ยนแปลงง แต่สภาพอากาศ ลม ฝน แดด ที่ไม่เคยซ้ำต่างก็ทำให้สวนนี้แตกต่างไปอย่างมีสเน่ห์ใหม่ๆ ทุกครั้งที่ฉันมา
รูปที่ 3 Battersea Park บรรยากาศฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา
รูปที่ 4 Battersea Park เส้นทางด้านในสวน
วิ่งออกจากสวนไป ฉันเลือกได้อีกว่า ถ้าจะวิ่งเลียบแม่น้ำไปทางตะวันออกอย่างนี้ เพื่อไปให้ถึงสะพาน Westminster ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอนาฬิกาอันโด่งดังและชิงช้าสวรรค์ยักษ์อันเลื่องชื่อ ฉันจะข้ามสะพานดีไหมนะ..... ถ้าเลือกไปทางใต้จะได้ระยะสั้นกว่าทางเหนือของแม่น้ำ ดังนั้น ปกติแล้ว ขาไปฉันก็เลือกทางเหนือ ส่วนขากลับตอนใกล้ๆ จะหมดแรงฉันก็ใช้เส้นทางทิศใต้ ของแม่น้ำแทน
รูปที่ 5 Themes Path ปกติก็ใช้ร่วมกันทั้งจักรยานและคนเดินเท้า
ณ เส้นทางนี้ ตลอดเส้นทางยาวสองฝั่ง คือ ทางเดินคอนกรีตริมแม่น้ำ ฉันมักจะวิ่งจนถึง สะพาน Westminster ทางวามือของฉันที่ฝั่งรงข้ามแม่น้ำ ฉันผ่าน โรงไฟฟ้า Battersea Power Station ผ่านสะพาน Vauxhall และสะพาน Lambeth จนถึงสะพาน Westminster ฝั่งตรงข้ามถนน ทางซ้ายมือของฉันคือ วิหาร Westminster Abbey ส่วนทางซ้ายคือ Parliament หรืออาคารรัฐสภา ซึ่งมี หอคอย Elizabeth Tower ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปจะเรียกติดปากว่า Bigben จากนั้น วิ่งตรงต่อไป เพื่อไปข้ามฝั่งที่สะพาน Jubilee เป็นสะพานคนเดินขนานรางรถไฟ สามารถมองเห็นวิวที่สวยงามของสองฝั่งแม่น้ำทั้งดวงตายักษ์แห่งลอนดอนและหอนาฬิกาชื่อดัง
รวมๆ แล้วจากบ้านฉันไปถึง London’s Eye จะได้ระยะราว 9.8 กิโลเมตร หากต้องการระยะเพิ่มฉันมักจะใช้วิธีวิ่งข้ามสะพานซ้ำ จากนั้นก็สามารถขึ้นรถไฟที่สถานี Waterloo เพื่อกลับถึงบ้านภายใน 15 นาที หรือถ้าวิ่งกลับทางใต้ของแม่น้ำฉันก็จะได้ ระยะ ราว 16 กิโลเมตร (ในช่วงฤดูหนาวฉันจะวิ่งมาแค่ถึง Waterloo แล้วขึ้นรถไฟกลับเพราะอากาศมันหนาวจนทนไม่ได้ )
รูปที่ 6 จขกท เองค่ะ มุมด้านหลังโรงพยาบาล St Thomas อันนี้ใช้ wide selfie ถ่ายตอนวิ่งผ่าน อาคารรัฐสภาค่ะ
รูปที่ 7 วิ่งบนสะพาน Westminster ตอนกลางคืนที่ฝนตก ฟินมาก คนน้อยมากบนสะพานไม่เกะกะเลย
รูปที่ 8 มุมจาก Golden Jubilee Bridge ดวงอาทิย์ลาลับฟ้า อันนี้ถ่ายตอนออกวิ่งก่อนวันสิ้นปี
จาก Westminster หากวิ่งมุ่งไปทางะวันตกต่อไป ผ่านสะพาน Blackfriars ที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งยาวจากฝั่งหนึ่งถึงอีกฝั่งหนึ่งบนหลังคาสะพานข้ามแม่น้ำของรางรถไฟ จากนั้นวิ่ง ผ่านสะพานลอนดอน ที่ถูกร้องขานซ้ำๆ ในเพลง ลอนดอนบริจด์ อิส ฟ่อลลิ่ง ดาวน์ ฟอลลิ่ง ดาวน์ ฟอลลิ่ง ด้าวน์ และไปจบที่จุดกลับตัวสุดโปรดของฉันที่ Tower of London ข้ามสะพานซึ่งอยู่ติดกันนั้น คือ Tower Bridge แล้ววิ่งขนานเส้นทางแม่น้ำทางทิศใต้ กลับบ้าน จุดนี้คนมักจะสับสนระหว่าง London Bridge และ Tower Bridge ซึ่งมันเป็นคนละที่กัน อันแรกคือสะพานรถข้ามหน้าตาธรรมดาๆ แต่อย่างหลังคือสะพานที่สวยงามที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แลนด์มาร์กของลอนดอนค่ะ
รูปที่ 9 พอน้ำลง ก็มีหาดทรายบังเกิดขึ้นที่ริมแม่น้ำ มีวงดนตรีลงไปเล่นที่ข้างล่าง ฉากหลังไกลๆ ที่เห็นนั่น คือ เขต City of London ย่านเศรษฐกิจ ที่ตั้งของธนาคารต่างๆและธนาคารชาติของอังกฤษด้วย รวมถึงตึกระฟ้าหน้าตาแปลกๆไว้ เช่น Gherkin (ตึกกระจกทรงแตงกวา), ตึกทรงที่ปาดชีส (ขออภัยจำชื่อไม่ได้) และตึก Walkie Talkie ที่หน้าตาเหมือนขนมปังแถวหัวโตยืนเอียงคออยู่นะคะ (จุดที่ชมวิวตึกเหล่านี้ได้ดีที่สุดคือ ฝั่งตรงข้ามของ Tower of London ค่ะ)
รูปที่ 10 แอบเหยียดขาที่ Tower of London มองไปทาง Tower Bridge
ระยะจากบ้านถึง Tower of London หนึ่งรอบ ราว 23 กิโลเมตร เหมาะแก่การซ้อมระยะฮาล์ฟมาราธอน แต่แล้วฉันก็เริ่มไม่โปรดปรานเส้นทางนี้เท่าใดนัก เพราะนักท่องเที่ยวเยอะเกินไป หากตั้งใจวิ่งซ้อมเพื่อดูเวลาแล้วก็ไม่เหมาะ ยังมีที่อื่นที่ใกล้ๆ ที่เหมาะ เช่น วิ่งรอบ Battersea Park หรือ ที่ Clapham Common ก็จะปลอดภัยและสามารถซ้อมเอาเวลาได้ดีกว่า แต่สำหรับเส้นทางตะวันออกนี้ ตื่นเต้นเสมอเพราะเป็นการวิ่งผ่านจุดสำคัญของประวัติศาสตร์โลกซ้ำแล้วซ้ำอีก ยิ่งได้วิ่งยิ่งฝึกสมาธิ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเมือง ได้เห็นจุดดีจุดเด่นที่ กรุงเทพมหานครของเราสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีกหรือ จุดด้อย ที่กรุงเทพของเราควรจะป้องกันไว้ไม่ให้ทำผิดซ้ำรอยเมืองเก่านี้อีก
รูปที่ 11 ภาพรวมเส้นทางค่ะ
แต่เดี๋ยวก่อนนะ... ฉันไม่ได้แต่เพียงวิ่ง วิ่ง วิ่ง ไม่ดูตาม้าตาเรืออะไรนะ
ฉันมองดูถนน เห็นสัญญาณไฟจราจร สังเกตผู้คนที่เดินผ่านกันสวนไป รับรู้ไม่ตรีจิตจากมารยาทคนขับรถ ทุกคนล้วนเคารพสัญญาณไฟจราจร เคารพกฎวงเวียน แต่ก็ให้ความสำคัญกับรถพยาบาลและรถตำรวจไปก่อนได้เสมอ ฉันเห็นการออกแบบเมืองที่ให้อิสระแก่คนเดินเท้า และจำกัดสิทธิแก่คนที่คิดใช้พื้นที่ทางเท้าอย่างผิดๆ ดังนั้น ฉันจึงเห็นแต่เส้นทางยาวๆ ที่ให้อิสระแก่คนเดิน ให้โอกาสคนออกจากบ้านมาเดินออกกำลังกาย ให้โอกาสคนมากมายออกมาวิ่ง ฉันไม่เห็นการขายอาหารที่เลอะเทอะฟุตบาท หรือการวางข้าวของแผงลอยเกะกะถนน ฉันรู้สึกปลอดภัย วิ่งคนเดียวก็ยังรู้สึกปลอดภัย น่าแปลกใช่ไหม นี่ไม่ใช้บ้านเกิดเมืองนอนฉันเลย แต่ถ้าให้วิ่งบนถนนในกรุงเทพนั่นหรือ ฉันกลัวตายมาก... เขาทำได้ยังไงนะ... บ้านนี้ เมืองนี้
ฉันเห็นครอบครัว เด็กเล็กบนรถเข็นกับพ่อแม่ขงเขาและผู้สูงอายุบนวีลแชร์ที่ได้ใช้ทางเท้าร่วมกัน มีทางลาด มีทางลิฟต์สำหรับบางสะพานที่เป็นจุดชมวิวสำคัญ การออกแบบสถาปัตยกรรมที่สร้างความเท่าเทียมบนถนน.... ฉันไม่รู้ว่าถ้ากลับกรุงเทพไป ฉันจะมีความสุขกับการวิ่งอีกครั้งหรือไม่ เพราะทุกครั้ง ต้องกลัวกับความไม่ปลอดภัย ต้องไม่สบายใจกับความพลุกพล่านไร้ระเบียบ ฉันคงไม่กล้าออกวิ่งยามค่ำคืนเหมือนที่ฉันกล้าวิ่งในลอนดอน จนสุดท้าย พื้นที่นักวิ่งของเมืองไทย ก็ถูกจำกัดไว้เพียงแต่ในสวนสาธารณะ (ที่มีน้อยแห่งเหลือเกิน)
แต่สำหรับหัวใจนักวิ่งแล้ว ขอแค่พื้นที่ ที่เราจะได้ออกวิ่งอย่างอิสระเสรี นั่นมีความสุขที่สุดแล้วใช่ไหม
สุดท้ายนี้ขอโฆษณาแฝง หนูลงวิ่งมาราธอนในลอนดอนมาราธอน วันที่ 26 เมษายน นี้ กับ ทีมการกุศล Save the Rhino หนูยังขาดยอดอีกเป็นเงินจำนวณหนึ่ง จึงต้องการการสนับสนุนเพิ่งเติมจากผู้มีจิตศรัทธา รายได้ทั้งหมดเอาไปช่วยแรดใน แอฟริกา กับองค์กร www.savetherhino.org ท่านสามารถร่วมบริจาคได้ที่ กด donate ใน www.justgiving.com/sindyrhino ค่ะ
อันนี้วิดีโอของแถมค่ะ
https://www.myfundraisingfilm.com/view/1182892d-4198-46f2-b2b2-14fd067ec263?utm_source=facebook&utm_medium=socialshare&utm_campaign=myfundraisingfilm
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น