เสาร์ที่แล้ว  วอลเลย์หญิงทีมชาติจีนได้จบสิ้นการฝึกซ้อมเป็นเวลา 4 สัปดาห์ที่แคมป์จางโจว   และได้บินจากเซี่ยเหมินไปเมืองหนิงโป เพื่อเริ่มต้นช่วงที่ 2 ของการเก็บตัวฝึกซ้อม

นับแต่ออกจากปักกิ่งมาเข้าแคมป์ที่จางโจวเมื่อวันที่ 7 มีนาคม  เพื่อเริ่มต้นเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างจริงจังมีสมาธิแน่วแน่  ฝึกกรำด้านเทคนิคตั้งแต่เรื่องทักษะเทคนิคพื้นฐาน   การปรับแก้ท่าทางให้ถูกต้องไปจนถึงการเรียนรู้ทำความเข้าใจยุทธวิธี   เน้นการซ้อมประสานงานในทีม  ตอนค่ำยังมีการจัดกลุ่มเพื่อศึกษาเรียนรู้กันเพิ่มเติมต่ออีก   ตารางเวลาในแต่ละวันอัดแน่นมาก  และด้วยบรรยากาศการฝึกซ้อมที่เข้มข้นเช่นนี้  ก็พอจะทำให้เห็นภาพถึงความก้าวหน้าที่มีของตัวนักกีฬา

สถานีต่อไปของทีมวอลเลย์หญิงจีนก็คือ แคมป์เป่ยหลุน หนิงโป ฝึกซ้อมเป็นเวลา 5 สัปดาห์  เมื่อเทียบกับการฝึกซ้อมที่แคมป์จางโจวแล้ว  การฝึกซ้อมในช่วงนี้ที่เป่ยหลุนจะมุ่งโฟกัสไปที่การรับมือต่อกรกับคู่แข่งขันเป็นสำคัญ   รายการสำคัญที่สุดรายการหนึ่งของปีนี้ก็คือ ชิงแชมป์เอเชียซึ่งจะเริ่มแข่งกันในวันที่ 20 พ.ค.นี้  

แม้ว่าในระหว่างเดือน ส.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นรายการเวิร์ลคัพ  ถ้าสามารถได้ 2 อันดับแรก ก็จะได้สิทธ์คว้าตั๋วไปเล่นโอลิมปิกรอบสุดท้าย  แต่ถึงยังไงในการคัดเลือกไปโอลิมปิกอย่างเป็นทางการในรอบริโอนี้  ก่อนอื่นก็น่าจะเป็นรายการชิงแชมป์เอเชียในเดือนพ.ค.นี้  

เกี่ยวกับการฝึกซ้อมที่แคมป์จางโจวที่เพิ่งผ่านมาได้มีการมุ่งเน้นพิเศษในด้านใดบ้างและมีพัฒนาก้าวหน้ากันอย่างไร   โค้ชหลางผิงบอกว่าขอไม่บอกในตอนนี้จะดีกว่า  ส่วนในเรื่องของตัวผู้เล่นว่าได้เรียนรู้พัฒนาอะไรไปบ้าง โค้ชหลางบอกให้นักข่าวไปถามกับตัวนักกีฬาเอง  ต่อไปนี้มาฟังนักกีฬาพูดถึงการฝึกซ้อมที่จางโจว 4 สัปดาห์ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ?

ภาคเช้า การฝึกซ้อมเกือบ 5 ชั่วโมงถือว่านานสุด  ทุกๆวันมีแต่ฝึกซ้อม  มีการศึกษาวิเคราะห์การเล่น  ตอนค่ำดูเทป  จัดกันเต็มที่  แทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย  ทุกวันกลับถึงที่พักตอนค่ำง่วงนอนสุดๆ  ล้มตัวลงบนเตียงแป๊ปเดียวก็หลับแล้ว  

ที่แคมป์จางโจวฉันก็ยังต้องทำการฝึกกายภาพฟื้นฟูโดยตลอด  ตอนออกจากปักกิ่งฉันสามารถย่อตัวได้แล้ว มาถึงจางโจวผ่านไปสัปดาห์แรกก็เริ่มฝึกวิ่งช้าๆ  ตอนเริ่มวิ่งใหม่ๆรู้สึกเก้ๆกังๆ ดูไม่เป็นธรรมชาติ  ก็คงเป็นเพราะขายังฟื้นได้ไม่สมบูรณ์   ก็วิ่งไปสัก 2 สัปดาห์ก็ดีขึ้นมาก  แต่ก็ยังไม่น่าพอใจอยู่สำหรับเรา  ก็มีรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่บ้าง  อยากจะฝึกทำท่าง่ายๆก็ยังทำได้ลำบาก  นักกายภาพบำบัดก็พูดกับฉันตลอดว่าอย่าเพิ่งใจร้อน   บอกว่านี่คือสิ่งที่เราจะต้องเจอ  ฉันก็ทำตามสิ่งที่นักกายภาพบอกให้ทำ  

ตอนที่ออกจากจางโจว  ฉันสามารถวิ่งปกติได้แล้ว  แม้จะไม่ได้วิ่งเร็วเหมือนกับเพื่อนร่วมทีมตอนที่วิ่งวอร์มอัพ  แต่ก็ถือว่ามีพัฒนาการดีขึ้นมาก  ตอนนี้ยังมีระยะห่างอยู่ระดับหนึ่งในการที่ตัวเองจะสามารถไปเข้าร่วมฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นได้  ก็ยังมีความยากลำบากรออยู่อีกมาก  

ปีนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่มาเข้าแคมป์ที่จางโจว   ตอนครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรพิเศษ  คงเป็นเพราะภารกิจในการแข่งขันที่มีแตกต่างกันไป   โค้ชก็จะมีเรียกร้องต้องการที่ไม่เหมือนกัน   ดังนั้นในแต่ละปีก็มีความกดดันของปีนั้นๆ  แต่ก็ถือเป็นแรงกระตุ้น   4 สัปดาห์ที่นี่แน่นอนว่ามีความก้าวหน้า   รอเรื่องประสบการณ์การแข่งขัน  การเก็บตัวฝึกซ้อมในแต่ละวันแน่นเอี๊ยดจริงๆ   แต่ว่าฉันสามารถรับมือกับมันได้

ปีนี้เป็นปีคัดเลือกไปโอลิมปิก  ดังนั้นเมื่อเทียบกับแคมป์จางโจวปีที่แล้ว  ครั้งนี้มีความหมายมาก   รู้สึกว่าอยู่จางโจวฝึกซ้อม 4 สัปดาห์ สมองไม่เคยได้พักเลย  เพราะการฝึกซ้อมก็มีทั้งการใช้สมองและพละกำลังควบคู่กัน   ยังต้องมีดูเทปศึกษาการเล่นอีก  ตกค่ำได้นอนถึงรู้สึกว่าสมองได้พัก  4 สัปดาห์นี้ทุกคนมีความก้าวหน้า ฉันก็เช่นกัน  

แคมป์จางโจวปีนี้  ที่รู้สึกได้ชัดก็คือมีผู้เล่นอายุน้อยอยู่หลายคน  บรรยากาศฝึกซ้อมมีความคึกคัก   คนที่ต้องนำพาน้องๆอย่างฉันก็รู้สึกมีความฮึกเหิม  แต่ที่ดีใจที่สุดก็คือได้เห็นเย่วเย่ว (เว่ยชิวเย่ว) มาเซ็ตบอลร่วมกับพวกเราด้วยในบางครั้ง   คิดว่าฉันดีใจมากกว่าเจ้าตัวเสียอีก   1 เดือนของการซ้อมที่นี่รู้สึกว่าตัวเองมีความก้าวหน้า  มากที่สุดคือเรื่องการบล็อก  รู้สึกว่าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน  

กลางวัน นอกจากการฝึกซ้อมแล้วก็คือการฝึกซ้อม  กลางคืน ถ้าไม่ใช่ดูเทปศึกษาก็เป็นการดูแลรักษาอาการบาดเจ็บ  หลังจากนั้นก็เข้านอนแต่เช้า   ไม่เช่นนั้นแล้วพอถึงวันรุ่งขึ้นหัวก็ยังคงมึนตึ๊บอยู่   คิดว่าคนอื่นๆก็คงพูดไปแล้วว่าได้กันเต็มๆ  จัดเต็มจริงๆ   ไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องอย่างอื่นเลย  การฝึกซ้อมที่เข้มข้น 4  สัปดาห์ฝีมือมีความก้าวหน้าแน่นอน  แต่จะก้าวหน้าทางด้านไหน  เป็นความลับ ...  

ให้เทียบกับเมื่อปีที่แล้ว  ปีนี้เริ่มต้นมาก็จะเป็นชิงแชมป์เอเชีย  เป็นรายการที่สำคัญมาก  ดังนั้นทุกคนจริงจังมาก  จากที่ได้มีประสบการณ์ลงแข่งขันปีที่แล้ว   ปีนี้ตั้งเป้าให้ตัวเองก็คือ เมื่อได้ฝึกซ้อมที่แคมป์จางโจว 1 เดือน สามารถจะพัฒนาฝีมือในส่วนที่เป็นจุดอ่อนของตัวเอง  และคงเป็นเพราะว่าปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่มาแคมป์จางโจวกับทีมชาติ   ทำให้คุ้นเคยกับการฝึกซ้อมแบบนี้แล้ว  รวมถึงรู้ถึงความต้องการของโค้ชด้วย  จากการฝึกซ้อมคิดว่าตัวเองมีความก้าวหน้า  แต่ว่าฟอร์มการเล่นยังไม่สม่ำเสมอแน่นอน ยังมีขึ้นๆลงๆ  ตอนที่ตัวเองทำไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้  ในใจก็มีร้อนรนบ้าง

แคมป์จางโจว 1 เดือน  แต่ละวันผ่านไปอย่างคุ้มค่ามาก  บรรยากาศการแข่งขันในทีมก็ดีมาก  ทุกคนเอาจริงเอาจังกับการฝึกซ้อม  ไม่มีกลัวว่าจะเกิดการบาดเจ็บหรือเหนื่อยล้า   ทุกคนสู้ไม่ถอย  เพราะต่างก็รู้ดีว่ามีแต่เอาชนะความยากลำบากจึงจะมีความก้าวหน้า   สำหรับตัวฉันแล้วไม่ยอมตามหลัง   พยายามตามคนอื่นให้ทัน  ทำให้ดีที่สุด   ทางด้านเทคนิคแม้ว่าจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน  แต่เมื่อเทียบกับที่ตั้งเป้าไว้ยังห่างไกลอีกมาก   ตัวเองยังมีปัญหาด้านเทคนิคอีกเยอะ  ได้แต่มาแก้ไขเพิ่มเติมเอาภายหลังจบการฝึกซ้อม

เทียบกับปีที่แล้ว  เป็นผู้ใหญ่ขึ้น  ความแน่นอนในการเซ็ตบอลกับการแจกจ่ายบอลมีความก้าวหน้าขึ้น  ผู้เล่นที่ติดทีมชาติล้วนมาจากผู้เล่นสุดยอดของแต่ละสโมสร แต่ละคนต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง  ฉันจะตั้งใจฝึกซ้อมเต็มที่  ศึกษาเรียนรู้จุดเด่นของคนอื่น  และหวังว่าจะสามารถทำประโยชน์ให้กับทีมได้  

ก่อนที่จะมาจางโจว   คิดว่าตัวเองคงไม่ได้อยู่แคมป์ต่อแล้วต้องไปชุด U23   ให้ความรู้สึกแบบรู้แต่วันนี้ไม่รู้ถึงพรุ่งนี้  พอคิดเรื่องนี้ทีไรจิตใจก็จะวุ่นวายไม่สงบ  เอาจริงๆตอนนี้ก็ใช่ว่าจะได้อยู่ต่อแน่   และก็พูดไม่ได้ว่าตัวเองเคยชินกับการเป็นผู้เล่นตัวเลือก   บางครั้งก็รู้สึกใจไม่สงบ  แต่ก็เริ่มค่อยๆปรับตัวได้ดีขึ้นกับสถานการณ์ที่เป็นแบบนี้   แต่ไม่ว่าฉันจะไปอยู่ที่ไหน ความมุ่งมั่นตั้งใจก็ยังเหมือนกัน ทุ่มเทเต็มที่  ทำให้ดีที่สุด  

ตลอดการฝึกซ้อมที่จางโจว  ก็รู้สึกพอใจกับการฝึกซ้อมของตัวเอง   หวังอยากให้ตัวเองพัฒนาฝีมือให้เร็วยิ่งขึ้น  ที่ประทับใจที่สุดก็คือการทดสอบ  yoyo  ได้เจอกับการฝึกซ้อมรูปแบบต่างๆที่ไม่เหมือนกัน   ผ่านช่วงเวลาเช่นนี้ทำให้ทุกคนสนิทแนบแน่นกันมากขึ้น   มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แบ่งข้างเล่นกันฉันบล็อกทำแต้มได้ 6 แต้ม  ดีใจมาก  รู้สึกได้ถึงผลของการฝึกซ้อมที่เห็นผลชัดเจน   ยิ่งทำให้คิดว่าเราต้องตั้งใจฝึกซ้อมให้ดีๆ

เป็นครั้งแรกที่เข้าร่วมแคมป์ทีมชาติที่จางโจว  การเก็บตัวฝึกซ้อมแบบปิดแบบนี้  มีความเข้มข้นมากกว่าที่ฉันคิดไว้มาก  โค้ชต้องมีความอดทนกับพวกเราอย่างมาก   แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าโค้ชจะยอมอ่อนให้กับสิ่งที่เรียกร้องต้องการจากตัวเรา   แม้ว่าจะมีบรรยากาศการฝึกซ้อมที่ดี  แต่ความรู้สึกแบบที่ว่าต้องการให้คุณทุ่มเทเต็มที่ออกมาให้เกินร้อย  กับฉันที่เป็นผู้เล่นหน้าใหม่  พยายามก็คือได้พยายามทุ่มเทเต็มที่  

แต่ 4 สัปดาห์มานี้ฟอร์มฉันไม่ค่อยแน่นอน  เดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่  ในสัปดาห์สุดท้าย  โค้ชเปาบอกฉันกับหลินลี่ว่าจะต้องให้ได้มากกว่านี้  ใส่เสื้อที่มีถุงทรายก็ใส่แล้ว  เสื้อที่มีถุงทรายที่เป็นสีเขียวๆ  ใส่ไปแล้วเหมือนกับนินจาเต่า  ดูแล้วตลกดี  

เมื่อเทียบกับการฝึกซ้อมที่ปักกิ่งแล้ว การฝึกซ้อมที่แคมป์จางโจวเข้มข้นจริงจังกว่ามาก  ด้านเทคนิคฝีมือและการเล่นประสานงานระหว่างกันจะมีการเรียกร้องจากผู้เล่นที่สูงมากขึ้น   คิดว่าความก้าวหน้าของตัวเองยังมีไม่ค่อยเด่นชัด  เป็นความก้าวหน้าเล็กๆในแต่ละด้าน  อาจจะต้องให้มีเรื่องของประสบการณ์การแข่งขันด้วย

ฉันอยู่กับแคมป์ทีมชาติมาได้ 2 เดือนแล้ว  ทั้งที่ปักกิ่งและจางโจว  ยิ่งอยู่ยิ่งรู้ได้ถึงมาตรฐานความต้องการของทีมชาติที่มีสูง   ตัวเองเพื่อให้ไปถึงมาตรฐานความต้องการตรงนั้น  บ่อยครั้งที่ให้รู้สึกว่ามันหนักมาก  ก่อนหน้านั้นถูกแจ้งว่าต้องไปชุด  U23   แต่ต่อมาให้อยู่ต่อ  ฉันรู้สึกเฉยๆ   คิดว่าถ้าไม่ได้อยู่ต่อนั่นก็เป็นการบ่งบอกว่าฝีมือตัวเองยังไปไม่ถึงมาตรฐานที่ทีมชาติต้องการ  แต่ไม่ว่าจะได้อยู่ต่ออีก 1 วัน  ฉันก็จะเต็มที่กับ 1 วัน  ที่แคมป์เป่ยหลุนฉันก็ยังจะสู้ต่อไป ...