สวัสดีค่ะเพื่อนพ้องน้องพี่ วันนี้มาพบกับรีวิวน้ำหอม แบรนด์ไทย ชื่อเก๋ไก๋ “Zarch”
งวดนี้เรามาพร้อมทุกกลิ่นที่วางขายเลยค่ะ เพราะตอนที่เลือกซื้อ เราเลือกไม่ถูกว่าจะเอากลิ่นไหนดี เลยยกแผงเลย เพราะโปรโมชั่นล้วนๆเลยค่ะ สั่งออนไลน์ รอประมาณ 2-3 วัน ของมาก็ถึงมือเลยค่ะ เดี๋ยวนี้ช้อปออนไลน์ หน้ามืดสั่งแบบไม่รู้เลยได้เลยทีเดียว
อีกอย่างเพื่อนในกลุ่มน้ำหอมเคยบอกเราว่า แบรนด์นี้น่าสนใจมาก กลิ่นสู้ Niche Brand เมืองนอกแพงๆได้เลยนะยะ ไฉนไม่สอยมาเข้าตู้ล่ะ
นั่นไง จี้จุดเรา ช้าไปทำไม สั่งโลด
กล่องมาแบบซีลสวยงามตามท้องเรื่องค่ะ ปริมาณ 30 มิลลิลิตร 395 บาท 5 ขวดก็ตกสองพันบาท ได้ 150 มิลลิลิตร ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าอยู่บ้างค่ะ
ไหนลองแกะกล่องหน่อยสิ
รูปยังไม่ค่อยงามเท่าไหร่ แต่แสงไฟที่บ้านเราโทนเหลือง เวลาเจอแสงแล้ว ฝาขวดสะท้อนแสงสวยมากค่ะ ชอบฝาแบบจริงจังเลยทีเดียว
แล้วกลิ่นล่ะ??
เริ่มที่กลิ่นแรกเลยดีกว่า
Odydessy
นิยามจากทางร้าน
“ตัวกลิ่นจะเป็นแนว Marine-Herb ให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนอยู่ในท้องทะเลที่กว้างใหญ่แต่แฝง ด้วยพลังและความกระปรี้กระเปร่าด้วยกลิ่นในกลุ่ม Citrus, Black pepper oil, Lavadin oil, masculine และ Marine(Moss) เหมาะสำหรับผู้ชายที่ต้องการสื่อให้เห็นถึงความสุขุมและมีพลังพร้อมที่จะลุยงานหนักๆได้ทุกเวลา”
จากที่เราสัมผัสมาทั้ง 5 กลิ่น เราชอบกลิ่นนี้ที่สุดค่ะ จริงๆแล้วเค้าจัดให้อยู่ในกลุ่มน้ำหอมชายนะคะ แต่เราว่ากลิ่นนี้ใช้ได้ทุกเพศ ด้วยกลิ่นเปิดครั้งแรก มันช่างทะเล ทะเล แล้วก็ทะเล แต่เป็นทะเลสะอาดๆแบบหาดส่วนตัวนะคะ ทิ้งไว้ซักพักจะได้กลิ่นเผ็ดร้อนของพริกไทยบวกกับกลิ่นเปรี้ยวของซิตรัสตีขึ้นมาเป็นระยะ แล้วเบรกด้วยลาเวนเดอร์ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย กลิ่นไม่เลี่ยนจนเกินไป หน้าร้อนก็ใส่ได้นะ ไม่หนักหน่วง ใส่กับเสื้อเชิ้ต ดูทะมัดมะแมงดีค่ะ ความทน อยู่กับเราได้ 6 -8 ชั่วโมงค่ะ
ตัวถัดมา
Timber
นิยามจากทางร้าน
“ตัวกลิ่นจะเป็นแนว Chypre-Fruit ซึ่งให้ความรู้สึกเท่ๆ แบบผู้ชายที่ใช้ชีวิตลุย ด้วย Chypre note และแฝงไว้ด้วยความสนุกสนานด้วยกลิ่นของลูกแพร์”
ตัวนี้อยู่ในไลน์ของน้ำหอมผู้ชายเช่นเดียวกันค่ะ กลิ่นจะแมนกว่า Odydessy แต่ว่าเจือด้วยกลิ่นใสๆของลูกแพร์ ทำให้ชายคนนี้ ไม่ได้ดูดำทะมึนจนเกินไป ดูภายนอกเป็นคนแข็งกระด้าง แต่แฝงไปด้วยความใจดีอยู่ข้างในค่ะ เรารู้สึกถึงกลิ่นเขียวๆของมอส ความซ่าของใบพิมเสน และความสดชื่นแบบขื่นคอของมะกรูด ซึ่งไล่ระดับกลิ่นมาเรื่อยๆ แต่แล้วก็มีกลิ่นของลูกแพร์ฉ่ำๆตามมา ไม่ให้กลอ่นดูแข็งจนเกินไปค่ะ ส่วนความติดทน ได้ 6-8 ชั่วโมงค่ะ
มาถึงไลน์ของผู้หญิงดีกว่า
ตัวยอดนิยมของทางร้านนะคะ
Miss Lily
นิยามจากทางร้าน
“ตัวกลิ่นจะเป็น Citrus-Floral จะทำให้รู้สึกมีความสดใสด้วยกลิ่นพวก Citrus แต่ให้ความขาวสะอาดน่าทะนุถนอมด้วย Lily Flower oil แถมยังเพิ่มความหรูหราด้วย Aliphatic note”
กลิ่นนี้บอกได้เลยว่าเป็นกลิ่นที่ใช้ง่ายที่สุดของทางร้าน ถ้าใครสนใจอยากลองน้ำหอมที่มีความซับซ้อน Miss Lily เป็นตัวเลือกแรกที่น่าสนใจเลยทีเดียว
กลิ่น Miss Lily เปิดตัวจากกลิ่นซีตรัสอย่างสดชื่นขึ้นมาก่อน แล้วจางออกไป จากนั้น ความหวานหอมละมุนของดอกลิลลี่ก็เข้ามา เราได้กลิ่นดอกไม้อาบแป้ง จะบอกว่าดอกไม้สดก็ไม่ใช่ เหมือนดอกไม้อบแห้งน่ะค่ะ เป็นกลิ่นแป้ง สบู่แบบโบราณหน่อย แต่กลิ่นติดทนเหมือนกัน ฉีดเช้า ช่วงเย็นก็ยังคงได้กลิ่นจางๆอยู่ค่ะ
ถัดมา
Lady Oriental
นิยามจากทางร้าน
“ตัวกลิ่นจะเป็นแนว Oriental-Floral จะทำให้รู้สึกถึงผู้หญิงสูงศักดิ์ที่มีความเพรียบพร้อมด้วยกลิ่นของ Oriental note ผสมกับกลิ่นของดอกกระดังงาและกุหลาบ”
ตัวนี้ เดากลิ่นได้ไม่ยากค่ะ มาแนวโอเรียนทอล กลิ่นแรกที่เปิดมา สำหรับเรา ค่อนข้างบาดจมูกค่ะ คมกริบเลย เผลอจามไปหลายรอบอยู่เหมือนกัน สงสัย ฉีดน้ำหอมหนักมือจนชิน
ด้วยกลิ่นที่หนักหน่วง หวานแบบทุ้มๆ ทำให้เราหายใจไม่ออก อาจเป็นเพราะว่า เราไม่ถนัดแนวนี้นะคะ แต่พอผ่านช่วงไป 2-3 ชั่วโมง กลิ่นกลับหอมละมุนมากขึ้น กลายเป็นคนละเรื่องกันไปเลย ความเลี่ยนจางหายไป ทิ้งท้ายไว้กับความหอมของกุหลาบ และความลึกลับจากกระดังงา เรานึกถึงผู้หญิงกระโปรงฟูฟ่องสมัยวิคตอเรียเลยทีเดียว คือ ใช้ไม่ง่ายนะคะ ต้องมั่นใจพอสมควร และผ่านน้ำหอมมาหลายกลิ่นเหมือนกัน ถึงจะยอมรับกลิ่นนี้ได้น่ะค่ะ
ถ้าถามว่าหอมมั้ย เราตอบเลยว่าหอมสำหรับเราค่ะ อาจจะขลุกขลักบ้างตอนเปิดตัว แต่พอผ่านไปแล้ว ก็ดีขึ้นค่ะ
กลิ่นสุดท้ายของซีรีย์นี้
Boom Clap
นิยามจากทางร้าน
“ตัวกลิ่นจะเป็นแนว Gourmand-Fruit ซึ่งจะให้ความรู้สึกถึงความมั่นใจในแบบผู้หญิงที่มีเสน่ห์ที่ไม่ใช่แค่ผู้หญิงหวานๆทั่วไป แต่มีความซุกซนด้วย Raspberry ketone, Orange sweet oil และเพิ่มความร้อนแรงด้วย Clove Bud oil”
กลิ่นนี้เราไว้ท้ายสุดเลย เพราะไม่แน่ใจตัวเองว่า จะอธิบายได้ดีเพียงพอมั้ย
ครั้งแรกที่ฉีด เราถึงกับพูดว่า กลิ่นอะไรฟระ ประหลาดมาก หอมก็ไม่หอม เหม็นก็ไม่เหม็น กลิ่นออกแนวหวานๆเปรี้ยวๆแถมขมเครื่องเทศแปร่งๆอีกต่างหาก ทิ้งไว้ประมาณชั่วโมงนึง เราทนกลิ่นไม่ไหว ต้องไปอาบน้ำล้างตัว พักจมูกเลยทีเดียว
ครั้งที่สอง ผ่านไปอีกสอง สามวัน เราลองใหม่อีกรอบ ครั้งนี้จมูกเราปรับตัวได้ดีขึ้น ไม่ปวดหัวแบบหนักๆแบบครั้งแรก แต่ก็ยังคง งงๆมึนๆอยู้เหมือนเดิม
ครั้งที่สาม ครั้งนี้ตั้งใจลองกลิ่นเลยทีเดียว เราฉีดแล้วรีบห่มผ้านอนเลย ตื่นขึ้นมากลางดึก เราได้กลิ่นหอมแบบนุ่มนวล หอมหวานแบบประหลาด แบบที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนเลยค่ะ กลิ่นแรกที่ฉุน เวียนหัว หายไปหมดเลยค่ะเหลือแต่ความหวานของขนมที่เจอกลิ่นเปรี้ยวเพื่อไม่ให้เลี่ยนเกินไป คล้ายๆเค้กผลไม้รวมที่หนักไปด้วยนมเนยค่ะ
เราว่ากลิ่นนี้ น่าจะเป็น Love or Hate ไม่รักก็เกลียดไปเลยมากกว่า
โดยรวมแล้ว Zarch เป็นน้ำหอมที่เรียกได้ว่ามีเอกสักษณ์ของตัวเอง ในแง่ของความซับซ้อนของกลิ่น เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบน้ำหอม และต้องผ่านการดมกลิ่นมาหลากหลายพอประมาณ ถ้าเป็นคนที่ชอบแนว Lanvin JLO หรือแม้กระทั้ง Jo Malone ที่ออกกระจ่างใส สดชื่น รื่นรมย์ เราว่ายังไม่ใช่แนวน่ะค่ะ
แต่ถ้าใครชอบ Chanel No.5 , Guerlain หรือน้ำหอมในยุคเก่า เราว่ามาถูกทางนะคะ กลิ่นซับซ้อน เข้าใจยาก แต่ถ้ารู้จักกันแล้ว ก็นับว่าเป็นมิตรสหายที่น่ารักเลยทีเดียว
ในเรื่องของขวด ต้องทำใจนิดนึงนะคะ บางขวดที่เราเจอมา มีน้ำหอมรั่วซึม ตอนเปิดกล่องนี่ก็ฟุ้งกระจายเลย เข้าใจว่าเป็นน้ำหอมทำมือ ไม่ได้ผ่านเครื่องจักร อาจจะมีผิดพลาดบ้าง ซึ่งเราเองก็แจ้งเจ้าของแบรนด์ถึงเรื่องขวดแล้วนะคะ คาดว่ารุ่นต่อๆไป น่าจะปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่เรายังชอบฝานะคะ วาง
รวมๆกันแล้วน่ารักดีค่ะ
รีวิวหน้า ยังไม่แน่ใจว่าจะเขียนถึงตัวไหนดี รอชมด้วยกันนะคะ ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ
[CR] เมื่อ Gift1801 เปิดกล่องน้ำหอมไทย Zarch Perfumery And Fragrance แบรนด์ใหม่ที่น่าจับตามองจ้า
งวดนี้เรามาพร้อมทุกกลิ่นที่วางขายเลยค่ะ เพราะตอนที่เลือกซื้อ เราเลือกไม่ถูกว่าจะเอากลิ่นไหนดี เลยยกแผงเลย เพราะโปรโมชั่นล้วนๆเลยค่ะ สั่งออนไลน์ รอประมาณ 2-3 วัน ของมาก็ถึงมือเลยค่ะ เดี๋ยวนี้ช้อปออนไลน์ หน้ามืดสั่งแบบไม่รู้เลยได้เลยทีเดียว
อีกอย่างเพื่อนในกลุ่มน้ำหอมเคยบอกเราว่า แบรนด์นี้น่าสนใจมาก กลิ่นสู้ Niche Brand เมืองนอกแพงๆได้เลยนะยะ ไฉนไม่สอยมาเข้าตู้ล่ะ
นั่นไง จี้จุดเรา ช้าไปทำไม สั่งโลด
กล่องมาแบบซีลสวยงามตามท้องเรื่องค่ะ ปริมาณ 30 มิลลิลิตร 395 บาท 5 ขวดก็ตกสองพันบาท ได้ 150 มิลลิลิตร ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าอยู่บ้างค่ะ
ไหนลองแกะกล่องหน่อยสิ
รูปยังไม่ค่อยงามเท่าไหร่ แต่แสงไฟที่บ้านเราโทนเหลือง เวลาเจอแสงแล้ว ฝาขวดสะท้อนแสงสวยมากค่ะ ชอบฝาแบบจริงจังเลยทีเดียว
แล้วกลิ่นล่ะ??
เริ่มที่กลิ่นแรกเลยดีกว่า
Odydessy
นิยามจากทางร้าน
“ตัวกลิ่นจะเป็นแนว Marine-Herb ให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนอยู่ในท้องทะเลที่กว้างใหญ่แต่แฝง ด้วยพลังและความกระปรี้กระเปร่าด้วยกลิ่นในกลุ่ม Citrus, Black pepper oil, Lavadin oil, masculine และ Marine(Moss) เหมาะสำหรับผู้ชายที่ต้องการสื่อให้เห็นถึงความสุขุมและมีพลังพร้อมที่จะลุยงานหนักๆได้ทุกเวลา”
จากที่เราสัมผัสมาทั้ง 5 กลิ่น เราชอบกลิ่นนี้ที่สุดค่ะ จริงๆแล้วเค้าจัดให้อยู่ในกลุ่มน้ำหอมชายนะคะ แต่เราว่ากลิ่นนี้ใช้ได้ทุกเพศ ด้วยกลิ่นเปิดครั้งแรก มันช่างทะเล ทะเล แล้วก็ทะเล แต่เป็นทะเลสะอาดๆแบบหาดส่วนตัวนะคะ ทิ้งไว้ซักพักจะได้กลิ่นเผ็ดร้อนของพริกไทยบวกกับกลิ่นเปรี้ยวของซิตรัสตีขึ้นมาเป็นระยะ แล้วเบรกด้วยลาเวนเดอร์ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย กลิ่นไม่เลี่ยนจนเกินไป หน้าร้อนก็ใส่ได้นะ ไม่หนักหน่วง ใส่กับเสื้อเชิ้ต ดูทะมัดมะแมงดีค่ะ ความทน อยู่กับเราได้ 6 -8 ชั่วโมงค่ะ
ตัวถัดมา
Timber
นิยามจากทางร้าน
“ตัวกลิ่นจะเป็นแนว Chypre-Fruit ซึ่งให้ความรู้สึกเท่ๆ แบบผู้ชายที่ใช้ชีวิตลุย ด้วย Chypre note และแฝงไว้ด้วยความสนุกสนานด้วยกลิ่นของลูกแพร์”
ตัวนี้อยู่ในไลน์ของน้ำหอมผู้ชายเช่นเดียวกันค่ะ กลิ่นจะแมนกว่า Odydessy แต่ว่าเจือด้วยกลิ่นใสๆของลูกแพร์ ทำให้ชายคนนี้ ไม่ได้ดูดำทะมึนจนเกินไป ดูภายนอกเป็นคนแข็งกระด้าง แต่แฝงไปด้วยความใจดีอยู่ข้างในค่ะ เรารู้สึกถึงกลิ่นเขียวๆของมอส ความซ่าของใบพิมเสน และความสดชื่นแบบขื่นคอของมะกรูด ซึ่งไล่ระดับกลิ่นมาเรื่อยๆ แต่แล้วก็มีกลิ่นของลูกแพร์ฉ่ำๆตามมา ไม่ให้กลอ่นดูแข็งจนเกินไปค่ะ ส่วนความติดทน ได้ 6-8 ชั่วโมงค่ะ
มาถึงไลน์ของผู้หญิงดีกว่า
ตัวยอดนิยมของทางร้านนะคะ
Miss Lily
นิยามจากทางร้าน
“ตัวกลิ่นจะเป็น Citrus-Floral จะทำให้รู้สึกมีความสดใสด้วยกลิ่นพวก Citrus แต่ให้ความขาวสะอาดน่าทะนุถนอมด้วย Lily Flower oil แถมยังเพิ่มความหรูหราด้วย Aliphatic note”
กลิ่นนี้บอกได้เลยว่าเป็นกลิ่นที่ใช้ง่ายที่สุดของทางร้าน ถ้าใครสนใจอยากลองน้ำหอมที่มีความซับซ้อน Miss Lily เป็นตัวเลือกแรกที่น่าสนใจเลยทีเดียว
กลิ่น Miss Lily เปิดตัวจากกลิ่นซีตรัสอย่างสดชื่นขึ้นมาก่อน แล้วจางออกไป จากนั้น ความหวานหอมละมุนของดอกลิลลี่ก็เข้ามา เราได้กลิ่นดอกไม้อาบแป้ง จะบอกว่าดอกไม้สดก็ไม่ใช่ เหมือนดอกไม้อบแห้งน่ะค่ะ เป็นกลิ่นแป้ง สบู่แบบโบราณหน่อย แต่กลิ่นติดทนเหมือนกัน ฉีดเช้า ช่วงเย็นก็ยังคงได้กลิ่นจางๆอยู่ค่ะ
ถัดมา
Lady Oriental
นิยามจากทางร้าน
“ตัวกลิ่นจะเป็นแนว Oriental-Floral จะทำให้รู้สึกถึงผู้หญิงสูงศักดิ์ที่มีความเพรียบพร้อมด้วยกลิ่นของ Oriental note ผสมกับกลิ่นของดอกกระดังงาและกุหลาบ”
ตัวนี้ เดากลิ่นได้ไม่ยากค่ะ มาแนวโอเรียนทอล กลิ่นแรกที่เปิดมา สำหรับเรา ค่อนข้างบาดจมูกค่ะ คมกริบเลย เผลอจามไปหลายรอบอยู่เหมือนกัน สงสัย ฉีดน้ำหอมหนักมือจนชิน
ด้วยกลิ่นที่หนักหน่วง หวานแบบทุ้มๆ ทำให้เราหายใจไม่ออก อาจเป็นเพราะว่า เราไม่ถนัดแนวนี้นะคะ แต่พอผ่านช่วงไป 2-3 ชั่วโมง กลิ่นกลับหอมละมุนมากขึ้น กลายเป็นคนละเรื่องกันไปเลย ความเลี่ยนจางหายไป ทิ้งท้ายไว้กับความหอมของกุหลาบ และความลึกลับจากกระดังงา เรานึกถึงผู้หญิงกระโปรงฟูฟ่องสมัยวิคตอเรียเลยทีเดียว คือ ใช้ไม่ง่ายนะคะ ต้องมั่นใจพอสมควร และผ่านน้ำหอมมาหลายกลิ่นเหมือนกัน ถึงจะยอมรับกลิ่นนี้ได้น่ะค่ะ
ถ้าถามว่าหอมมั้ย เราตอบเลยว่าหอมสำหรับเราค่ะ อาจจะขลุกขลักบ้างตอนเปิดตัว แต่พอผ่านไปแล้ว ก็ดีขึ้นค่ะ
กลิ่นสุดท้ายของซีรีย์นี้
Boom Clap
นิยามจากทางร้าน
“ตัวกลิ่นจะเป็นแนว Gourmand-Fruit ซึ่งจะให้ความรู้สึกถึงความมั่นใจในแบบผู้หญิงที่มีเสน่ห์ที่ไม่ใช่แค่ผู้หญิงหวานๆทั่วไป แต่มีความซุกซนด้วย Raspberry ketone, Orange sweet oil และเพิ่มความร้อนแรงด้วย Clove Bud oil”
กลิ่นนี้เราไว้ท้ายสุดเลย เพราะไม่แน่ใจตัวเองว่า จะอธิบายได้ดีเพียงพอมั้ย
ครั้งแรกที่ฉีด เราถึงกับพูดว่า กลิ่นอะไรฟระ ประหลาดมาก หอมก็ไม่หอม เหม็นก็ไม่เหม็น กลิ่นออกแนวหวานๆเปรี้ยวๆแถมขมเครื่องเทศแปร่งๆอีกต่างหาก ทิ้งไว้ประมาณชั่วโมงนึง เราทนกลิ่นไม่ไหว ต้องไปอาบน้ำล้างตัว พักจมูกเลยทีเดียว
ครั้งที่สอง ผ่านไปอีกสอง สามวัน เราลองใหม่อีกรอบ ครั้งนี้จมูกเราปรับตัวได้ดีขึ้น ไม่ปวดหัวแบบหนักๆแบบครั้งแรก แต่ก็ยังคง งงๆมึนๆอยู้เหมือนเดิม
ครั้งที่สาม ครั้งนี้ตั้งใจลองกลิ่นเลยทีเดียว เราฉีดแล้วรีบห่มผ้านอนเลย ตื่นขึ้นมากลางดึก เราได้กลิ่นหอมแบบนุ่มนวล หอมหวานแบบประหลาด แบบที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนเลยค่ะ กลิ่นแรกที่ฉุน เวียนหัว หายไปหมดเลยค่ะเหลือแต่ความหวานของขนมที่เจอกลิ่นเปรี้ยวเพื่อไม่ให้เลี่ยนเกินไป คล้ายๆเค้กผลไม้รวมที่หนักไปด้วยนมเนยค่ะ
เราว่ากลิ่นนี้ น่าจะเป็น Love or Hate ไม่รักก็เกลียดไปเลยมากกว่า
โดยรวมแล้ว Zarch เป็นน้ำหอมที่เรียกได้ว่ามีเอกสักษณ์ของตัวเอง ในแง่ของความซับซ้อนของกลิ่น เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบน้ำหอม และต้องผ่านการดมกลิ่นมาหลากหลายพอประมาณ ถ้าเป็นคนที่ชอบแนว Lanvin JLO หรือแม้กระทั้ง Jo Malone ที่ออกกระจ่างใส สดชื่น รื่นรมย์ เราว่ายังไม่ใช่แนวน่ะค่ะ
แต่ถ้าใครชอบ Chanel No.5 , Guerlain หรือน้ำหอมในยุคเก่า เราว่ามาถูกทางนะคะ กลิ่นซับซ้อน เข้าใจยาก แต่ถ้ารู้จักกันแล้ว ก็นับว่าเป็นมิตรสหายที่น่ารักเลยทีเดียว
ในเรื่องของขวด ต้องทำใจนิดนึงนะคะ บางขวดที่เราเจอมา มีน้ำหอมรั่วซึม ตอนเปิดกล่องนี่ก็ฟุ้งกระจายเลย เข้าใจว่าเป็นน้ำหอมทำมือ ไม่ได้ผ่านเครื่องจักร อาจจะมีผิดพลาดบ้าง ซึ่งเราเองก็แจ้งเจ้าของแบรนด์ถึงเรื่องขวดแล้วนะคะ คาดว่ารุ่นต่อๆไป น่าจะปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่เรายังชอบฝานะคะ วาง
รวมๆกันแล้วน่ารักดีค่ะ
รีวิวหน้า ยังไม่แน่ใจว่าจะเขียนถึงตัวไหนดี รอชมด้วยกันนะคะ ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ