ซีเอ็นเอ็นตีแผ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งถูกชายผู้เป็นสามีของลูกพี่ลูกน้องตัวเองข่มขืน แต่เธอกลับถูกตัดสินให้ถูกจำคุก เพราะผู้ที่ข่มขืนเธอนั้นแต่งงานแล้ว ก่อนได้รับการอภัยโทษ แต่ความอับอายยังคงอยู่และสังคมก็ไม่ยอมรับ จนในที่สุดทางออกของเธอมีเพียงการแต่งงานกับชายคนดังกล่าว ปัจจุบันเธอกำลังอุ้มท้องลูกคนที่ 3 ของผู้ที่ข่มขืนเธอ
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับ กัลนาซ ซึ่งเธอถูก อัสดุลลาห์ สามีของลูกพี่ลูกน้องข่มขืนเมื่ออายุได้เพียง 16 ปีเท่านั้น ปัจจุบันเธออาศัยอยู่ร่วมกับเขาและภรรยาคนแรก และลูกๆ
อัสดุลลาห์ตกลงให้ทีมงานของซีเอ็นเอ็นเข้าไปสัมภาษณ์เขาและกัลนาซ เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่าเรื่องทั้งหมดเป็นปกติแล้ว เขาบอกด้วยว่าภายใต้จริยธรรมของสังคมอัฟกานิสถาน เขาทำถูกต้องแล้วที่ได้ช่วยเหลือกัลนาซให้พ้นจากความอับอาย
อัสดุลลาห์บอกว่า "ถ้าผมไม่แต่งงานกับเธอ ตามประเพณีของเราแล้ว เธอคงไม่อาจกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อีก" และยังกล่าวว่า "พี่ชายของเธอไม่อยากรับเธอกลับไป ตอนนี้เธอไม่มีปัญหาแล้ว"
ด้านกัลนาซเปิดเผยว่า "ฉันไม่ต้องการที่จะทำให้อนาคตของลูกสาวฉันต้องพังทลาย ฉันเลยตัดสินใจแต่งงานกับเขา เราเป็นผู้ที่ยึดมั่นในประเพณี ถ้าเราต้องเสียชื่อเสียงแล้ว เราก็ยอมตายดีกว่าจะต้องทนอยู่ในสังคม"
เมื่อกัลนาซถูกปล่อยตัวออกมาหลังได้รับอภัยโทษ มีกระแสกดดันให้เธอแต่งงานกับอัสดุลลาห์ผู้ที่ข่มขืนเธอ แต่ขณะเดียวกันก็มีนักพิทักษ์สิทธิหลายคนพยายามช่วยเธอ ให้เธอไปลี้ภัยในต่างแดน แต่สุดท้ายแรงกดดันให้เธอแต่งงานก็มีมากกกว่า แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่หลายคนในรัฐบาลก็กดดันเธอทำเช่นนั้น
กัลนาซเป็นหญิงสาวอายุน้อย เธอไม่ได้รับการศึกษา ทั้งยังมีลูกแล้วคนหนึ่ง ทำให้การตัดสินใจใดๆเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง สุดท้ายแล้วเธอตัดสินใจแต่งงานกับชายผู้ข่มขืนเธอตามแรงกดดันที่เธอได้รับ
กัลนาซเปิดเผยว่า "ตอนนี้ฉันไม่คิดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว ฉันไม่มีปัญหากับเขาแล้ว ตอนนี้ฉันปกติดีและมีความสุขกับชีวิต ชีวิตต้องดำเนินต่อไป"
แต่เมื่อทีมงานซีเอ็นเอ็นได้คุยกับหญิงสาวตามลำพัง เธอกลับเปิดเผยเรื่องราวที่ขัดแย้งกับคำพูดของสามีของเธอในตอนแรก เธอกล่าวว่า "พี่ชายของฉันไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน เขาบอกฉันว่าฉันกับลูกสาวสามารถย้ายไปอยู่ที่ปากีสถานกับพวกเขาได้ แต่ตอนนี้ฉันแต่งงานแล้ว พวกเขาจึงตัดขาดกับฉัน และฉันก็ไม่ได้เห็นพวกเขาอีก"
"ฉันตัดขาดกับครอบครัวและแต่งงานกับเขา เพราะฉันต้องการซื้ออนาคตให้กับลูกสาวของฉัน"
เรื่องราวของกัลนาซเป็นเรื่องที่สะท้อนค่านิยม และความเป็นไปในสังคมอัฟกานิสถานได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเรื่องราวของเธอจะได้รับความสนใจมากมาย เมื่อตอนที่เธอต้องติดคุกหลังจากโดนข่มขืน แต่สุดท้ายแล้วชีวิตและชะตากรรมของกัลนาซก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงหลายๆคนในประเทศอัฟกานิสถาน ลงท้ายเธอก็ต้องอยู่กินเป็นภรรยาคนที่ 2 ของชายผู้ข่มขืนเธอตั้งแต่เธออายุเพียง 16 ปี
cr.
https://www.facebook.com/khaosod/posts/1218506538166303?comment_tracking=%7B%22tn%22%3A%22O%22%7D#
(((อย่างนี้ก็มีด้วย?))) โลกสุดตะลึง!! หญิงสาวถูกขืนใจแท้ๆ กลับถูกตัดสินให้ติดคุก เพราะอะไร...!?
ซีเอ็นเอ็นตีแผ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งถูกชายผู้เป็นสามีของลูกพี่ลูกน้องตัวเองข่มขืน แต่เธอกลับถูกตัดสินให้ถูกจำคุก เพราะผู้ที่ข่มขืนเธอนั้นแต่งงานแล้ว ก่อนได้รับการอภัยโทษ แต่ความอับอายยังคงอยู่และสังคมก็ไม่ยอมรับ จนในที่สุดทางออกของเธอมีเพียงการแต่งงานกับชายคนดังกล่าว ปัจจุบันเธอกำลังอุ้มท้องลูกคนที่ 3 ของผู้ที่ข่มขืนเธอ
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับ กัลนาซ ซึ่งเธอถูก อัสดุลลาห์ สามีของลูกพี่ลูกน้องข่มขืนเมื่ออายุได้เพียง 16 ปีเท่านั้น ปัจจุบันเธออาศัยอยู่ร่วมกับเขาและภรรยาคนแรก และลูกๆ
อัสดุลลาห์ตกลงให้ทีมงานของซีเอ็นเอ็นเข้าไปสัมภาษณ์เขาและกัลนาซ เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่าเรื่องทั้งหมดเป็นปกติแล้ว เขาบอกด้วยว่าภายใต้จริยธรรมของสังคมอัฟกานิสถาน เขาทำถูกต้องแล้วที่ได้ช่วยเหลือกัลนาซให้พ้นจากความอับอาย
อัสดุลลาห์บอกว่า "ถ้าผมไม่แต่งงานกับเธอ ตามประเพณีของเราแล้ว เธอคงไม่อาจกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อีก" และยังกล่าวว่า "พี่ชายของเธอไม่อยากรับเธอกลับไป ตอนนี้เธอไม่มีปัญหาแล้ว"
ด้านกัลนาซเปิดเผยว่า "ฉันไม่ต้องการที่จะทำให้อนาคตของลูกสาวฉันต้องพังทลาย ฉันเลยตัดสินใจแต่งงานกับเขา เราเป็นผู้ที่ยึดมั่นในประเพณี ถ้าเราต้องเสียชื่อเสียงแล้ว เราก็ยอมตายดีกว่าจะต้องทนอยู่ในสังคม"
เมื่อกัลนาซถูกปล่อยตัวออกมาหลังได้รับอภัยโทษ มีกระแสกดดันให้เธอแต่งงานกับอัสดุลลาห์ผู้ที่ข่มขืนเธอ แต่ขณะเดียวกันก็มีนักพิทักษ์สิทธิหลายคนพยายามช่วยเธอ ให้เธอไปลี้ภัยในต่างแดน แต่สุดท้ายแรงกดดันให้เธอแต่งงานก็มีมากกกว่า แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่หลายคนในรัฐบาลก็กดดันเธอทำเช่นนั้น
กัลนาซเป็นหญิงสาวอายุน้อย เธอไม่ได้รับการศึกษา ทั้งยังมีลูกแล้วคนหนึ่ง ทำให้การตัดสินใจใดๆเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง สุดท้ายแล้วเธอตัดสินใจแต่งงานกับชายผู้ข่มขืนเธอตามแรงกดดันที่เธอได้รับ
กัลนาซเปิดเผยว่า "ตอนนี้ฉันไม่คิดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว ฉันไม่มีปัญหากับเขาแล้ว ตอนนี้ฉันปกติดีและมีความสุขกับชีวิต ชีวิตต้องดำเนินต่อไป"
แต่เมื่อทีมงานซีเอ็นเอ็นได้คุยกับหญิงสาวตามลำพัง เธอกลับเปิดเผยเรื่องราวที่ขัดแย้งกับคำพูดของสามีของเธอในตอนแรก เธอกล่าวว่า "พี่ชายของฉันไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน เขาบอกฉันว่าฉันกับลูกสาวสามารถย้ายไปอยู่ที่ปากีสถานกับพวกเขาได้ แต่ตอนนี้ฉันแต่งงานแล้ว พวกเขาจึงตัดขาดกับฉัน และฉันก็ไม่ได้เห็นพวกเขาอีก"
"ฉันตัดขาดกับครอบครัวและแต่งงานกับเขา เพราะฉันต้องการซื้ออนาคตให้กับลูกสาวของฉัน"
เรื่องราวของกัลนาซเป็นเรื่องที่สะท้อนค่านิยม และความเป็นไปในสังคมอัฟกานิสถานได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเรื่องราวของเธอจะได้รับความสนใจมากมาย เมื่อตอนที่เธอต้องติดคุกหลังจากโดนข่มขืน แต่สุดท้ายแล้วชีวิตและชะตากรรมของกัลนาซก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงหลายๆคนในประเทศอัฟกานิสถาน ลงท้ายเธอก็ต้องอยู่กินเป็นภรรยาคนที่ 2 ของชายผู้ข่มขืนเธอตั้งแต่เธออายุเพียง 16 ปี
cr. https://www.facebook.com/khaosod/posts/1218506538166303?comment_tracking=%7B%22tn%22%3A%22O%22%7D#