ตอนแรกฉันก็ว่าจะไม่เขียนอะไรเวิ่นเว้อลง Facebook หรือ pantip ของฉันแล้วนะแต่มันอดไม่ได้จริง ๆ วันนี้ฉันไปเที่ยว lotus กับน้าสาวแล้วตอนนั่งกิน ข้าวฉันได้ยินคำพูดของผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา 2คนคุยกัน ตอนแรกฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดเขาจนกระทั่งฉันได้ยินคำพูดพวกนี้ออกจากปากพวกเขา
ให้มีแฟนเป็นผู้หญิงโง่ก็ยังดีกว่ามีแฟนเป็นผู้หญิงหน้าตาขี้เหร่ดำๆ
โง่แล้วสวยยังพอว่า ดำ ขี้เหร่กูรับไม่ได้
โลกนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับคนหน้าขี้เหร่อัปลักษณ์หรอก!
และหนักสุดถึงขั้นโดนเปรียบเทียบว่าคนผิวคล้ำเหมือนคนจนไม่มีการศึกษา
ประโยคนี้มันกระแทกจิตใจฉันอย่างจัง!
จริงหรือ? ฉันถามตัวเอง
ในเมื่อทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน มีสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันทุกคน
แต่...อย่าหาว่าฉันมองโลกในแง่ร้ายเลยนะเพราะฉันไม่ใช่พวกเชื่อว่า ‘โลกสวย มีแค่ขาวกับดำ’
ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดมาแล้วไม่ได้มีหน้าตาสวย น่ารัก มาตั้งแต่กำเนิด ตอนเด็ก ๆ เป็นอะไรที่เป็นศูนย์รวมของความไม่น่ารักจริงๆ อ้วน ดำ ผมฟู สิวเต็มหน้า หน้าตาไม่สวย เอาง่ายๆว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่ใช่สเปคของหนุ่มไทยเลยแม้แต่นิดเดียว
อย่าช็อก!!!! เพราะนั่นเป็นเรื่องจริง!!!
คุณคงไม่อยากเห็นรูป Before& After ของฉันหรอก เชื่อเถอะ
ตอนนั้นมันเป็นอะไรที่เรียกว่าราหูอมจันทร์สุดๆ ฉันไม่สวย แต่พอฉันเริ่มโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นฉันเริ่มที่จะดูแลตนเองมากขึ้นตามลำดับ จึงมีพัฒนาการที่ดีขึ้นแม้จะไม่มีโอกาสสวยด้วยศัลยกรรมเหมือนคนอื่นเขาแต่ฉันในตอนนี้ก็พอห่างไกลจากคำว่าน่าเกลียดมากนัก
ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดของความขี้เหร่ที่ฉันมีในวัยเยาว์ก็คือการได้รับการปฏิบัติ 2 มาตรฐานจากเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันในบางครั้งเช่น เวลาคัดเลือกอะไรก็ตามคนสวยจะได้อยู่ในตำแหน่งที่ดีคนขี้เหร่ก็จะถูกปฏิบัติแตกต่างกันไป คนสวยทำผิด แค่ยิ้มและบีบน้ำตาภาพคนสวยทำนั้นมันน่ามองกว่าคนขี้เหร่ทำมากกว่านัก บางทีเราก็โดนด้วยคำพูดที่ร้ายแรงว่า"ขี้เหร่ดำๆ ใครจะเอา"
คนสวยร้องไห้ เมื่อทำผิด – น่าสงสารทำอะไรก็ไม่ผิด ให้อภัยไปเถอะ น้องเขาสวย
คนขี้เหร่ร้องไห้ เมื่อทำผิด – ทำผิดแล้วยังไม่รับผิดมาร้องไห้อีก ไม่น่าดู
ฯลฯ
เมื่อครั้งฉันยังเป็นวัยรุ่นตอนต้นอายุราว ๆ 14 – 15 ฉันอาจจะเคยเสียใจบ้างกับความที่ตนเองเกิดมาหน้าตาแบบนี้เคยถามตัวเองว่าทำไมฉันถึงไม่สวยอย่างคนอื่นเขา แต่ฉันก็ไม่เคยรังเกียจในความเป็นตัวเอง เพราะฉันอาจจะขี้เหร่ที่หน้าตาแต่จิตใจฉันงดงามยิ่งกว่านัก
แต่เมื่อโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่ตัวเองเกิดมาหน้าตา'ขี้เหร่' เพราะถึงแม้ส่วนใหญ่จะทำให้เราเป็นทุกข์เสียใจ และน้อยใจ ในบางอารมณ์ บัดนี้ความขี้เหร่บนใบหน้าที่มีอยู่อาจจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งก็ได้เพราะอย่างน้อยความขี้เหร่ที่มีอยู่นี้ก็ทำให้เราได้รู้ ‘สันดานและใจคน’ที่เข้ามาใกล้เราว่า ‘รักและจริงใจแค่ไหน’ และอย่างน้อยหน้าตาที่ไม่สวยของฉันมันช่วยคัดกรองคนดีๆที่เขาไม่มองคนจากเปลือกนอก ขอบคุณ
คนที่เกิดมาเป็นคนสวยหน้าตาดีตั้งแต่เกิดคุณจะไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่ได้เกิดมาสวยหรอกเพราะคุณจะไม่มีวันรู้หรอกว่า คนที่ไม่สวยนั้นถูกปฏิบัติอย่างไรเมื่อเทียบกับคนสวย
คนสวยทั้งหลาย คุณไม่ผิดที่เกิดมาสวยนั่นเป็นความโชคดีของคุณ ใคร ๆ ก็ต้องชอบคนสวยทั้งนั้นเพราะคนสวยเป็นอะไรที่เจริญหูเจริญตา มองแล้วรู้สึกดี แต่ขอให้คุณจงสวยทั้งภายในและภายนอกด้วยเถิดสวยให้สมกับความโชคดีที่เกิดมาสวยของคุณ
พี่ผู้หญิงคนนึงใน pantip เคยบอกกับฉันว่าสังคมที่ดีเขาจะไม่มองคนจากเปลือกนอก ฉันพยายามที่จะคิดแบบที่พี่เขาบอกก็แล้วกัน
ปล.อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างอย่าว่ากันนะ แค่เขียนระบายอารมณ์บ้าบอคอแตกนิด ๆ หน่อย ๆ ค่ะ
โลกนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับคนหน้าขี้เหร่ ผิวคล้ำหรอก! จริงหรือ?
ให้มีแฟนเป็นผู้หญิงโง่ก็ยังดีกว่ามีแฟนเป็นผู้หญิงหน้าตาขี้เหร่ดำๆ
โง่แล้วสวยยังพอว่า ดำ ขี้เหร่กูรับไม่ได้
โลกนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับคนหน้าขี้เหร่อัปลักษณ์หรอก!
และหนักสุดถึงขั้นโดนเปรียบเทียบว่าคนผิวคล้ำเหมือนคนจนไม่มีการศึกษา
ประโยคนี้มันกระแทกจิตใจฉันอย่างจัง!
จริงหรือ? ฉันถามตัวเอง
ในเมื่อทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน มีสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันทุกคน
แต่...อย่าหาว่าฉันมองโลกในแง่ร้ายเลยนะเพราะฉันไม่ใช่พวกเชื่อว่า ‘โลกสวย มีแค่ขาวกับดำ’
ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดมาแล้วไม่ได้มีหน้าตาสวย น่ารัก มาตั้งแต่กำเนิด ตอนเด็ก ๆ เป็นอะไรที่เป็นศูนย์รวมของความไม่น่ารักจริงๆ อ้วน ดำ ผมฟู สิวเต็มหน้า หน้าตาไม่สวย เอาง่ายๆว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่ใช่สเปคของหนุ่มไทยเลยแม้แต่นิดเดียว
อย่าช็อก!!!! เพราะนั่นเป็นเรื่องจริง!!!
คุณคงไม่อยากเห็นรูป Before& After ของฉันหรอก เชื่อเถอะ
ตอนนั้นมันเป็นอะไรที่เรียกว่าราหูอมจันทร์สุดๆ ฉันไม่สวย แต่พอฉันเริ่มโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นฉันเริ่มที่จะดูแลตนเองมากขึ้นตามลำดับ จึงมีพัฒนาการที่ดีขึ้นแม้จะไม่มีโอกาสสวยด้วยศัลยกรรมเหมือนคนอื่นเขาแต่ฉันในตอนนี้ก็พอห่างไกลจากคำว่าน่าเกลียดมากนัก
ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดของความขี้เหร่ที่ฉันมีในวัยเยาว์ก็คือการได้รับการปฏิบัติ 2 มาตรฐานจากเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันในบางครั้งเช่น เวลาคัดเลือกอะไรก็ตามคนสวยจะได้อยู่ในตำแหน่งที่ดีคนขี้เหร่ก็จะถูกปฏิบัติแตกต่างกันไป คนสวยทำผิด แค่ยิ้มและบีบน้ำตาภาพคนสวยทำนั้นมันน่ามองกว่าคนขี้เหร่ทำมากกว่านัก บางทีเราก็โดนด้วยคำพูดที่ร้ายแรงว่า"ขี้เหร่ดำๆ ใครจะเอา"
คนสวยร้องไห้ เมื่อทำผิด – น่าสงสารทำอะไรก็ไม่ผิด ให้อภัยไปเถอะ น้องเขาสวย
คนขี้เหร่ร้องไห้ เมื่อทำผิด – ทำผิดแล้วยังไม่รับผิดมาร้องไห้อีก ไม่น่าดู
ฯลฯ
เมื่อครั้งฉันยังเป็นวัยรุ่นตอนต้นอายุราว ๆ 14 – 15 ฉันอาจจะเคยเสียใจบ้างกับความที่ตนเองเกิดมาหน้าตาแบบนี้เคยถามตัวเองว่าทำไมฉันถึงไม่สวยอย่างคนอื่นเขา แต่ฉันก็ไม่เคยรังเกียจในความเป็นตัวเอง เพราะฉันอาจจะขี้เหร่ที่หน้าตาแต่จิตใจฉันงดงามยิ่งกว่านัก
แต่เมื่อโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่ตัวเองเกิดมาหน้าตา'ขี้เหร่' เพราะถึงแม้ส่วนใหญ่จะทำให้เราเป็นทุกข์เสียใจ และน้อยใจ ในบางอารมณ์ บัดนี้ความขี้เหร่บนใบหน้าที่มีอยู่อาจจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งก็ได้เพราะอย่างน้อยความขี้เหร่ที่มีอยู่นี้ก็ทำให้เราได้รู้ ‘สันดานและใจคน’ที่เข้ามาใกล้เราว่า ‘รักและจริงใจแค่ไหน’ และอย่างน้อยหน้าตาที่ไม่สวยของฉันมันช่วยคัดกรองคนดีๆที่เขาไม่มองคนจากเปลือกนอก ขอบคุณ
คนที่เกิดมาเป็นคนสวยหน้าตาดีตั้งแต่เกิดคุณจะไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่ได้เกิดมาสวยหรอกเพราะคุณจะไม่มีวันรู้หรอกว่า คนที่ไม่สวยนั้นถูกปฏิบัติอย่างไรเมื่อเทียบกับคนสวย
คนสวยทั้งหลาย คุณไม่ผิดที่เกิดมาสวยนั่นเป็นความโชคดีของคุณ ใคร ๆ ก็ต้องชอบคนสวยทั้งนั้นเพราะคนสวยเป็นอะไรที่เจริญหูเจริญตา มองแล้วรู้สึกดี แต่ขอให้คุณจงสวยทั้งภายในและภายนอกด้วยเถิดสวยให้สมกับความโชคดีที่เกิดมาสวยของคุณ
พี่ผู้หญิงคนนึงใน pantip เคยบอกกับฉันว่าสังคมที่ดีเขาจะไม่มองคนจากเปลือกนอก ฉันพยายามที่จะคิดแบบที่พี่เขาบอกก็แล้วกัน
ปล.อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างอย่าว่ากันนะ แค่เขียนระบายอารมณ์บ้าบอคอแตกนิด ๆ หน่อย ๆ ค่ะ