สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 26
ขอยกตย.เรื่องจริงที่เจอมากับตัวนะครับ
ผมเองก็เป็นคนไม่อยากไปงานเลี้ยงรุ่นเลยครับ ปฏิเสธมาตลอดเป็น 10 ปี เพื่อนๆตามจนเลิกตาม
มีการประกาศตามหาผมผ่านเฟสนักเรียนเก่าเลยครับ ว่าทำไมผมไม่เจอเพื่อนๆ
ที่ผมไม่อยากไปเพราะไม่รู้จะตอบเพื่อนๆยังไง ว่าผมเจอปัญหาหนักมาก มรสุมชีวิตถาโถมเพียบ
ผมเลยเลี่ยงไม่ตอบคำถาม ด้วยการไม่ไปเจอเพื่อนๆมัธยมเลย
พอผมพ้นปัญหามาได้ ลืมตาอ้าปากสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่ได้
เพื่อนรักผมในกลุ่มที่ไปแต่งงานมีลูกที่นอร์เวย์คนนึง กับอเมริกาคนนึง ต่างกลับมาเยี่ยมประเทศไทยทั้งคู่
ผมก็เลยไปเจอเพื่อนสนิทกลุ่มเดิมเป็นครั้งแรก....
เชื่อไหมครับ...ทุกคนมีปัญหาชีวิตทั้งนั้นครับคุณจขกท.
เพื่อนคนนึงฉากหน้าแต่งงานกับเศรษฐี 100 ล้าน ทุกคนบอกว่าเพื่อนสนิทผมคนนี้คือ "คุณนาย" ถือกระเป๋าเบอร์กิ้นส์
แต่สามีไม่ยอมจดทะเบียนสมรส และมีผู้หญิงอยู่เรื่อยๆตลอดมา เธอบอกผมว่าทุกวันนี้เธอเหมือนนกที่ถูกขังกรง ไร้ค่ามากๆ
เพื่อนอีกคนแต่งงานกับอาจารย์ชาวนอร์เวย์ที่ผมเคยเจอมาก่อนตอนจีบกัน ผมยังคิดเลยว่าเพื่อนได้คนดีจริงๆนะ ปรากฏว่าเขาไม่ให้เพื่อนผมทำงานครับ ให้เป็นแม่บ้านอย่างเดียวมา 10 กว่าปี แล้วเขาก็ไปเจอคนใหม่ครับ ทิ้งเพื่อนผมเลยทั้งๆที่เพื่อนไม่มีงานทำนี่แหละ
เพื่อนอีกคนเป็นผู้จัดการองค์กรข้ามชาติที่โด่งดังมาก มีแต่คนอิจฉาตำแหน่ง เขาลาออกจากงานเพราะทะเลาะกับหัวหน้า ก็คิดว่าจะทำกิจการตัวเอง แต่เจ๊งมา 3 งานแล้ว ตอนนี้หมดเงินและกำลังจะโดนยึดบ้าน
เพื่อนอีกคน สมัยเรียนเป็นคนใจดีต่อเพื่อนทุกคนในกลุ่มครับ จบแล้วก็ทำงานเงินเดือนสูงมาก เขาหาเลี้ยงแฟนและครอบครัวแฟนมาตลอด แต่ 2 ปีที่ผ่านมาเขาป่วยจนทำงานไม่ได้ และยังป่วยด้วยอาการซึมเศร้าอีกด้วย ทำให้เขารู้สึกไร้ค่าต่อครอบครัวมากๆ เหมือนโดนครอบครัวดูถูกตลอดเวลาเพราะเขาทำงานไม่ได้แล้ว
เพื่อนทุกคนต่างบอกผมว่า เขาไม่รู้จะคุยปัญหากับใคร มันอัดอั้นมากๆ เจอใครก็ต้องเก็บความทุกข์ใจไว้คนเดียว
ทั้งหมดที่ผมเล่าเรื่องเพื่อนมัธยมที่เจอตอนรียูเนี่ยนให้คุณจขกท.ฟัง ก็เพื่อจะบอกคุณจขกท.ว่า...
อย่าอายตัวเองครับ ตราบใดที่คุณยังสู้ต่อคุณจะไปถึงจุดที่ฝันไว้ได้แน่นอน
คุณต้องอายตัวเองที่ไม่ต่อสู้และยอมถอดใจต่างหาก
ปัญหาของคุณจขกท.ตอนนี้ คือ คุณดูถูกตัวเองก่อนที่คนอื่นจะมีโอกาสดูถูกคุณเสียอีก
และเพื่อนๆทุกคน ...ต่างคนต่างก็มีสงครามชิวิตตัวเองที่ต้องต่อสู้ครับ ไม่มีใครหรอกที่ชีวิตไม่ทุกข์
หากคุณจขกท.มีโอกาสได้นั่งฟังเพื่อนๆเล่าชีวิตจริงๆให้ฟัง คุณจะเข้าใจคำว่า "เราต่างเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้น"
ผมขอบคุณเพื่อนๆผมมาก ที่เปิดตาผมให้สว่างจริงๆ
ว่าเพื่อนๆทุกคนล้วนมีแอกของตัวเองที่ต้องแบก ไม่ใช่ตัวผมคนเดียวที่มีปัญหา ผมคิดไปเองทั้งสิ้น
และคนทุกคนล้วนต้องการคนรับฟังครับ
หากคุณจขกท.ยินดีจะเป็นผู้รับฟังที่ดีของเพื่อนๆ คุณอาจจะพบว่าพวกเขาไม่ได้แตกต่างอะไรจากคุณเลยก็ได้นะครับ
ปล. คนที่ขี้คุยอวดตัวมากที่สุด คือคนที่มีรูโหว่ในหัวใจมากที่สุด ดังนั้นทนเขาได้ก็ทนเถอะครับ
ผมเองก็เป็นคนไม่อยากไปงานเลี้ยงรุ่นเลยครับ ปฏิเสธมาตลอดเป็น 10 ปี เพื่อนๆตามจนเลิกตาม
มีการประกาศตามหาผมผ่านเฟสนักเรียนเก่าเลยครับ ว่าทำไมผมไม่เจอเพื่อนๆ
ที่ผมไม่อยากไปเพราะไม่รู้จะตอบเพื่อนๆยังไง ว่าผมเจอปัญหาหนักมาก มรสุมชีวิตถาโถมเพียบ
ผมเลยเลี่ยงไม่ตอบคำถาม ด้วยการไม่ไปเจอเพื่อนๆมัธยมเลย
พอผมพ้นปัญหามาได้ ลืมตาอ้าปากสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่ได้
เพื่อนรักผมในกลุ่มที่ไปแต่งงานมีลูกที่นอร์เวย์คนนึง กับอเมริกาคนนึง ต่างกลับมาเยี่ยมประเทศไทยทั้งคู่
ผมก็เลยไปเจอเพื่อนสนิทกลุ่มเดิมเป็นครั้งแรก....
เชื่อไหมครับ...ทุกคนมีปัญหาชีวิตทั้งนั้นครับคุณจขกท.
เพื่อนคนนึงฉากหน้าแต่งงานกับเศรษฐี 100 ล้าน ทุกคนบอกว่าเพื่อนสนิทผมคนนี้คือ "คุณนาย" ถือกระเป๋าเบอร์กิ้นส์
แต่สามีไม่ยอมจดทะเบียนสมรส และมีผู้หญิงอยู่เรื่อยๆตลอดมา เธอบอกผมว่าทุกวันนี้เธอเหมือนนกที่ถูกขังกรง ไร้ค่ามากๆ
เพื่อนอีกคนแต่งงานกับอาจารย์ชาวนอร์เวย์ที่ผมเคยเจอมาก่อนตอนจีบกัน ผมยังคิดเลยว่าเพื่อนได้คนดีจริงๆนะ ปรากฏว่าเขาไม่ให้เพื่อนผมทำงานครับ ให้เป็นแม่บ้านอย่างเดียวมา 10 กว่าปี แล้วเขาก็ไปเจอคนใหม่ครับ ทิ้งเพื่อนผมเลยทั้งๆที่เพื่อนไม่มีงานทำนี่แหละ
เพื่อนอีกคนเป็นผู้จัดการองค์กรข้ามชาติที่โด่งดังมาก มีแต่คนอิจฉาตำแหน่ง เขาลาออกจากงานเพราะทะเลาะกับหัวหน้า ก็คิดว่าจะทำกิจการตัวเอง แต่เจ๊งมา 3 งานแล้ว ตอนนี้หมดเงินและกำลังจะโดนยึดบ้าน
เพื่อนอีกคน สมัยเรียนเป็นคนใจดีต่อเพื่อนทุกคนในกลุ่มครับ จบแล้วก็ทำงานเงินเดือนสูงมาก เขาหาเลี้ยงแฟนและครอบครัวแฟนมาตลอด แต่ 2 ปีที่ผ่านมาเขาป่วยจนทำงานไม่ได้ และยังป่วยด้วยอาการซึมเศร้าอีกด้วย ทำให้เขารู้สึกไร้ค่าต่อครอบครัวมากๆ เหมือนโดนครอบครัวดูถูกตลอดเวลาเพราะเขาทำงานไม่ได้แล้ว
เพื่อนทุกคนต่างบอกผมว่า เขาไม่รู้จะคุยปัญหากับใคร มันอัดอั้นมากๆ เจอใครก็ต้องเก็บความทุกข์ใจไว้คนเดียว
ทั้งหมดที่ผมเล่าเรื่องเพื่อนมัธยมที่เจอตอนรียูเนี่ยนให้คุณจขกท.ฟัง ก็เพื่อจะบอกคุณจขกท.ว่า...
อย่าอายตัวเองครับ ตราบใดที่คุณยังสู้ต่อคุณจะไปถึงจุดที่ฝันไว้ได้แน่นอน
คุณต้องอายตัวเองที่ไม่ต่อสู้และยอมถอดใจต่างหาก
ปัญหาของคุณจขกท.ตอนนี้ คือ คุณดูถูกตัวเองก่อนที่คนอื่นจะมีโอกาสดูถูกคุณเสียอีก
และเพื่อนๆทุกคน ...ต่างคนต่างก็มีสงครามชิวิตตัวเองที่ต้องต่อสู้ครับ ไม่มีใครหรอกที่ชีวิตไม่ทุกข์
หากคุณจขกท.มีโอกาสได้นั่งฟังเพื่อนๆเล่าชีวิตจริงๆให้ฟัง คุณจะเข้าใจคำว่า "เราต่างเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้น"
ผมขอบคุณเพื่อนๆผมมาก ที่เปิดตาผมให้สว่างจริงๆ
ว่าเพื่อนๆทุกคนล้วนมีแอกของตัวเองที่ต้องแบก ไม่ใช่ตัวผมคนเดียวที่มีปัญหา ผมคิดไปเองทั้งสิ้น
และคนทุกคนล้วนต้องการคนรับฟังครับ
หากคุณจขกท.ยินดีจะเป็นผู้รับฟังที่ดีของเพื่อนๆ คุณอาจจะพบว่าพวกเขาไม่ได้แตกต่างอะไรจากคุณเลยก็ได้นะครับ
ปล. คนที่ขี้คุยอวดตัวมากที่สุด คือคนที่มีรูโหว่ในหัวใจมากที่สุด ดังนั้นทนเขาได้ก็ทนเถอะครับ
ความคิดเห็นที่ 29
"งานเลี้ยงรุ่น"
เพื่อนสมัยเรียนร่วมกันเมื่อจบ แยกย้ายกันไปสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างชื่อเสียง บางคนมียศสูงขึ้น หลายคนล้มเหลวยังย่ำอยู่กับที่ บางคนชีวิตเหมือนวันเก่าๆ !!!
ในงานเลี้ยงรุ่นที่จัดขึ้นบางงาน พิธีกรบนเวที เอาแต่ยกย่องชมเชยเพื่อนที่ได้เป็นใหญ่เป็นโต ร่ำรวย มีหน้ามีตา ละเลยเพื่อนที่ยังเดินไปไม่ถึงฝัน จะเป็นงานเลี้ยงรุ่นที่เพื่อนมาร่วมน้อยลงไปเรื่อยๆ ... แต่หากกลุ่มไหน ให้เกียรติเพื่อนเสมอกัน เพื่อนผู้ประสบความสำเร็จมีวุฒิภาวะพอ ที่จะรู้ว่าต้องถอดหมวกแห่งความยิ่งใหญ่ ทิ้งไปก่อนเข้างาน มาในฐานะ "เพื่อน"ที่เสมอๆ กัน !!!
งานเลี้ยงเพื่อนรุ่นนั้นยิ่งนานยิ่งมีเสน่ห์ เพื่อนที่จะเข้าร่วมยิ่งมากขึ้นถอดกรอบที่ตัวเองตีไว้ เปิดใจรับเพื่อน โดยไม่นึกถึงประโยชน์ตัวเองได้มากเท่าไร ยิ่งเป็นเสมือนแม่เหล็กจูงใจเรียกเพื่อนได้มากเท่านั้นอ่านช้าๆ น้ำตาจะไหล..อ่านแล้วโดนใจ เลยส่งมาแบ่งปันกัน...
มีใครบ้าง ที่ทำงานแล้วเกิน 30 ปี แล้ว แต่ยังโทรคุยหรือนัดทานข้าวกับเพื่อนสมัยเป็นนักเรียนอยู่เรื่อย ๆ …… ไม่ค่อยมีเลยเหรอ งั้นถามใหม่ … มีใครเคยไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นประจำปี หรืองานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนเก่าบ้าง ถามแบบนี้ ค่อยมีคนยกมือขึ้นนิดหน่อย ……..
ขอถามอีกข้อ …ใครที่ไม่เคยพลาดงานเลี้ยงรุ่นเลย แม้แต่ปีเดียว น่าจะมอบรางวัลเพื่อนแห่งชีวิตให้จริง ๆ ครับ เพราะถ้าคุณไม่เคยขาดงานเลี้ยงรุ่นเลย แสดงว่าคุณให้คุณค่าและความหมายของความเป็นเพื่อนได้สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อนที่ทำหน้าที่เตรียมงานรุ่น คอยประสานงาน คอยโทรตามให้เพื่อนไปร่วมงานรุ่น โดยหาสารพัดกลยุทธ์การตลาดมาเพื่อการปลุกเร้า เชิญชวนให้เพื่อนไปงานรุ่นกันให้ได้ ให้ครบ
ถามว่า พวกที่เตรียมการต่างๆเพื่อการเลี้ยงรุ่น คนเหล่านั้นได้อะไรตอบแทน นอกจากเหนื่อย เปลือง โดนเพื่อนบ่น – - ไม่ไปหรอกงานรุ่นอะไรนั่นน่ะ มันเรื่องของเด็ก ๆ เราโตแล้ว หน้าที่การงานก็มากมาย มีเรื่องที่สำคัญกว่าตั้งมากมายก่ายกองต้องทำ มาชวนอะไร ไร้สาระ ว่างมากหรือไง – - นั่น เป็นไง ว่าไปโน่น น่าเสียดายนะครับ เพราะคุณกำลังสูญเสียช่วงที่ดีที่สุดของชีวิตไปอีกครั้งด้วยน้ำมือของคุณเอง ผมเอง เสียดายมาจนถึงเดี๋ยวนี้ หลังจากที่เสียเวลาแห่งความเยาว์วัยไปแล้ว ตามกฎของธรรมชาติ
นั่นเพราะ เวลาแห่งการเลี้ยงรุ่น ทำให้เราได้นึกถึงอดีตร่วมกัน ไม่รู้ว่ามันเป็นเวทย์มนตร์ หรืออะไรสักอย่างที่ ทุกเรื่องราวจะพรั่งพรูออกมาเหมือนก๊อกของวันเวลาแตกทะลายลง เรื่องที่เคยสุข ก็ยิ่งสุขกว่าเมื่อมานึกย้อน ส่วนเรื่องทุกข์ เรื่องเศร้า เรื่องลอกการบ้านเพื่อนแล้วโดนดุ โดนตี โดนทำโทษ พอถึงวันเลี้ยงรุ่น เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องขำฮากลิ้ง เก็บมาอำได้ไม่รู้จบ ทั้งที่ตอนนั้น กว่าจะผ่านมาได้แทบปางตาย เพราะเหตุนี้หรือเปล่า โลกเราจึงมีงานเลี้ยงรุ่น เพราะเพื่อนคือสิ่งมีชีวิตที่แสนมหัศจรรย์ และจะปั้นแต่งก็แสนยาก
copy เขามา
เพื่อนสมัยเรียนร่วมกันเมื่อจบ แยกย้ายกันไปสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างชื่อเสียง บางคนมียศสูงขึ้น หลายคนล้มเหลวยังย่ำอยู่กับที่ บางคนชีวิตเหมือนวันเก่าๆ !!!
ในงานเลี้ยงรุ่นที่จัดขึ้นบางงาน พิธีกรบนเวที เอาแต่ยกย่องชมเชยเพื่อนที่ได้เป็นใหญ่เป็นโต ร่ำรวย มีหน้ามีตา ละเลยเพื่อนที่ยังเดินไปไม่ถึงฝัน จะเป็นงานเลี้ยงรุ่นที่เพื่อนมาร่วมน้อยลงไปเรื่อยๆ ... แต่หากกลุ่มไหน ให้เกียรติเพื่อนเสมอกัน เพื่อนผู้ประสบความสำเร็จมีวุฒิภาวะพอ ที่จะรู้ว่าต้องถอดหมวกแห่งความยิ่งใหญ่ ทิ้งไปก่อนเข้างาน มาในฐานะ "เพื่อน"ที่เสมอๆ กัน !!!
งานเลี้ยงเพื่อนรุ่นนั้นยิ่งนานยิ่งมีเสน่ห์ เพื่อนที่จะเข้าร่วมยิ่งมากขึ้นถอดกรอบที่ตัวเองตีไว้ เปิดใจรับเพื่อน โดยไม่นึกถึงประโยชน์ตัวเองได้มากเท่าไร ยิ่งเป็นเสมือนแม่เหล็กจูงใจเรียกเพื่อนได้มากเท่านั้นอ่านช้าๆ น้ำตาจะไหล..อ่านแล้วโดนใจ เลยส่งมาแบ่งปันกัน...
มีใครบ้าง ที่ทำงานแล้วเกิน 30 ปี แล้ว แต่ยังโทรคุยหรือนัดทานข้าวกับเพื่อนสมัยเป็นนักเรียนอยู่เรื่อย ๆ …… ไม่ค่อยมีเลยเหรอ งั้นถามใหม่ … มีใครเคยไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นประจำปี หรืองานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนเก่าบ้าง ถามแบบนี้ ค่อยมีคนยกมือขึ้นนิดหน่อย ……..
ขอถามอีกข้อ …ใครที่ไม่เคยพลาดงานเลี้ยงรุ่นเลย แม้แต่ปีเดียว น่าจะมอบรางวัลเพื่อนแห่งชีวิตให้จริง ๆ ครับ เพราะถ้าคุณไม่เคยขาดงานเลี้ยงรุ่นเลย แสดงว่าคุณให้คุณค่าและความหมายของความเป็นเพื่อนได้สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อนที่ทำหน้าที่เตรียมงานรุ่น คอยประสานงาน คอยโทรตามให้เพื่อนไปร่วมงานรุ่น โดยหาสารพัดกลยุทธ์การตลาดมาเพื่อการปลุกเร้า เชิญชวนให้เพื่อนไปงานรุ่นกันให้ได้ ให้ครบ
ถามว่า พวกที่เตรียมการต่างๆเพื่อการเลี้ยงรุ่น คนเหล่านั้นได้อะไรตอบแทน นอกจากเหนื่อย เปลือง โดนเพื่อนบ่น – - ไม่ไปหรอกงานรุ่นอะไรนั่นน่ะ มันเรื่องของเด็ก ๆ เราโตแล้ว หน้าที่การงานก็มากมาย มีเรื่องที่สำคัญกว่าตั้งมากมายก่ายกองต้องทำ มาชวนอะไร ไร้สาระ ว่างมากหรือไง – - นั่น เป็นไง ว่าไปโน่น น่าเสียดายนะครับ เพราะคุณกำลังสูญเสียช่วงที่ดีที่สุดของชีวิตไปอีกครั้งด้วยน้ำมือของคุณเอง ผมเอง เสียดายมาจนถึงเดี๋ยวนี้ หลังจากที่เสียเวลาแห่งความเยาว์วัยไปแล้ว ตามกฎของธรรมชาติ
นั่นเพราะ เวลาแห่งการเลี้ยงรุ่น ทำให้เราได้นึกถึงอดีตร่วมกัน ไม่รู้ว่ามันเป็นเวทย์มนตร์ หรืออะไรสักอย่างที่ ทุกเรื่องราวจะพรั่งพรูออกมาเหมือนก๊อกของวันเวลาแตกทะลายลง เรื่องที่เคยสุข ก็ยิ่งสุขกว่าเมื่อมานึกย้อน ส่วนเรื่องทุกข์ เรื่องเศร้า เรื่องลอกการบ้านเพื่อนแล้วโดนดุ โดนตี โดนทำโทษ พอถึงวันเลี้ยงรุ่น เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องขำฮากลิ้ง เก็บมาอำได้ไม่รู้จบ ทั้งที่ตอนนั้น กว่าจะผ่านมาได้แทบปางตาย เพราะเหตุนี้หรือเปล่า โลกเราจึงมีงานเลี้ยงรุ่น เพราะเพื่อนคือสิ่งมีชีวิตที่แสนมหัศจรรย์ และจะปั้นแต่งก็แสนยาก
copy เขามา
ความคิดเห็นที่ 6
นึกว่าผมเป็นคนเดียวเสียอีก ตอนมอปลาย เพื่อนๆนี่มาลอกการบ้านบ้าง. มาให้ทำงานให้บ้าง จ้างเราทำงานส่งอาจารย์บ้าง เวลาสอบก็มาลอกข้อสอบบ้าง เพื่อนบางคนโดนอาจารย์ว่าเธอนี่ไม่ฉลาดเลย ...แล้วมาดูตอนนี้ดิเพื่อนได้งานทำดีกว่า มีบ้านมีรถกันหมดล่ะ เรายังไม่มีอะไรเลยตอนนี้ แต่ก็เป็นที่เราเอง ที่อาจจะวางเส้นทางชีวิตผิดไป.
ยังไงก็เอาใจช่วย จขกท. น่ะครับ. ถ้าปีนี้ไม่สะดวกไป ยังมีอีกปีต่อๆไป ถ้าพร้อมก็ค่อยไปก็ได้ครับ. ไปแล้วอึดอัด ก็ให้เหตุผลอื่นไปก่อน
สู้ๆครับ
ยังไงก็เอาใจช่วย จขกท. น่ะครับ. ถ้าปีนี้ไม่สะดวกไป ยังมีอีกปีต่อๆไป ถ้าพร้อมก็ค่อยไปก็ได้ครับ. ไปแล้วอึดอัด ก็ให้เหตุผลอื่นไปก่อน
สู้ๆครับ
แสดงความคิดเห็น
ไม่อยากไปงานเลี้ยงรุ่นกับเพื่อนเลยครับเพื่อนมีรถยนต์มีฐานะมั่นคง ผมยังไม่มีอะไรเลยทั้งทีสมัยเรียนผมเรียนเก่งกว่า
คือเพื่อนๆ นัดเลี้ยงรุ่นกันวันที่ 13 เมษายนนี้ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานมาก เกือบ 10 ปี เพื่อนสมัยมัธยมอะครับ
แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม กลัวเพื่อนถามเรื่องงาน ผมเองยังไม่มีรถยนต์ มีแต่มอเตอร์ไซต์มือสองพอขี่ได้
แฟนก็ยังไม่มี มันน่าน้อยใจตรงที่สมัยเรียนผมเองทั้งเป็นหัวหน้าห้อง ทั้งเป็นนักเรียนเรียนดี เก่งกว่าใครในคลาส
แต่วันนี้ คนที่เรียนไม่เก่ง เรียนไม่เอาไหน กลับไปได้ไกลว่า รู้สึกว่าชีวิตไม่ยุติธรรรมเลยครับ ทั้งที่ผมตั้งใจมาตลอด
ไม่รู้จะไปร่วมงานดีไหมครับ รู้สึกทั้งอาย ทั้งกลัว คิดมากครับ เครียดมากๆเลยตอนนี้ไม่รู้จะเอายังไงครับ
ปล.เพื่อนผม กำชับเลยว่า ห้ามขาดผมเด็ดขาดเพราะผมเป็นหัวหน้าห้อง จะขาดไม่ได้ ฮือๆๆๆๆ