**ก่อนอ่านทำใจให้เป็นกลางก่อนนะครับ เพราะ เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตรง แต่อาจจะไม่เกิดกับบุคคลอื่นๆก็ได้**
เริ่มเรื่อง...... ผมและแฟนมีกำหนดการแต่งงานในเดือน มิถุนายน ที่จะถึงนี้ เรามีเวลาในการเตรียมงานไม่มากนัก และด้วยงบในการแต่งงานที่มี จำกัดจึงทำให้ผมต้องประหยัดในการใช้จ่าย และหนึ่งในนั้นคือ การถ่ายรูปแต่งงาน,ชุดใช้แต่งงาน(ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว) ,ของไหว้ผู้ใหญ่
ของชำร่วย และ การ์ดแต่งงาน
ด้วยความที่ผมและแฟน อยู่ในย่านบางนา จึงคิดว่า น่าจะหาดูร้านใกล้ๆและสามารควบคุมงบประมาณได้ จึงได้เลือกใช้ห้างใกล้บ้าน ที่เคยเห็นผ่านๆตาว่ามีร้านแบบนี้อยู่ 2-3 ร้าน จึงเดินมาดูเรื่อยๆที่ชั้น 3 ซึ่งมีร้านอยู่ และได้ทำการสอบถามข้อมูลแพคเก็จต่างๆ โดยมีพนักงาน(ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นลูกสาวเจ้าของร้าน) มาคอยให้การต้องรับและแนะนำแพ็คเก็จต่างๆ ในตอนแรกทางร้านได้นำรูปถ่ายที่ทางร้านมีมาแนะนำให้ดู (รูปของลูกสาวเจ้าของร้าน) โดยให้รายละเอีดต่างๆว่า มีทีมงานถ่ายภาพ และ ช่างแต่งหน้ามืออาชีพ เป็นทีมงานประจำ ให้ลูกค้ามั่นใจในผลงาน ทางผมกับแผนจึงได้ทำการจองแพ็คเก็จราคา 9,900 บาท ไปโดยมีรายการดังรูป
ซึ่งได้ทำการมัดจำเป็นเงิน 1,000 บาท แต่พอกลับมาถึงที่บ้าน ผมและแฟนก็กังวลเรื่อง ชุดและรายละเอียดเรื่อง การ์ดแต่งงานและของชำร่วย จึงนึกได้ว่าทางร้านได้นำเสนอแพ็คเก็จ แบบรวมรายการต่างๆที่ ผมและแฟนต้องการพอดี คือราคา 19,900 บาท ซึ่งครอบคลุมทุกอย่างที่ต้องการและอยู่ในงบที่ผมพอจะหาได้ จึงได้ทำการโทรติดต่อกลับไปที่ทางร้านเพื่อให้ทำการเปลี่ยนแพ็คเก็จให้ตรงตามความต้องการที่สุด ซึ่งทางร้านก็ไม่ได้ว่าอะไรในเรื่องปัญหาที่ผมจะเปลี่ยนแพ็คเก็จ(ก่อนหน้านี้ในรายละเอียดจะถ่ายรูปได้ไม่จำกัดชุด แต่ในแพ็คใหม่ จะถ่ายได้แค่ 4 ชุด)และนัดวันถ่ายเป็นวันที่ 5 เม.ย 58
วันที่ 5 เม.ย 58......
ผมกับแฟนก็ได้ไปตามกำหนดการซึ่ง รถติดมาก....จึงทำให้ล่าช้าจากเวลานัดไป 45 นาที(นัด 11.00 น.) ซึ่งเมื่อไปถึง แฟนผมต้องทำการคัดเลือกชุดใหม่เนื่องจากเราเปลี่ยนแพ็คเก็จ โดยต้องตัดชุดออกไปจำนวนนึ่ง ซึ่งคงเหลือชุดที่ใช้ 4 ชุด
***เหตุการณ์ต่อไปนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล เนื่องจากเป็นข้อมูลของผมและแฟนแต่เพียงฝ่ายเดียว****
ชุดแรกที่เราถ่ายกันนั้นทางร้านให้เป็นชุดญี่ปุ่นก่อน เพราะว่าช่างแต่งหน้าจะค่อยๆปรับโทนให้เข้มขึ้นตามลำดับ เมื่อขึ้นไปที่สตูดิโอ ก็ปรากฎว่า เป็นห้องขนาด 6x4 เมตร ซึ่งมุมนึงเต็มไปด้วยชุดแต่งงานที่แขวนไว้ และ อีกมุมหลังฉากถ่ายภาพ เป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า/แต่งตัว ซึ่งมีเพียงผ้าม่านรูดปิดเท่านั้น(นึกภาพว่าไปลองเสื้อตามร้านขายเสื้อเล็กๆที่มีม่านรูดปิดกันคนเห็น)
แฟนผมก็ได้ไปเปลี่ยนชุดก่อนและมานั่งที่เก้าอี้เพื่อแต่งหน้า/ทำผม ซึ่งไม่มีสิ่งที่ช่างแต่งหน้าทำผมมีกันคือ ไดรเป่าผม ชุดเครื่องสำอางค์ชุดใหญ่(นึกภาพกระเป๋าใหญ่ที่เปิดได้เป็นชั้นที่เห็นในละครตอนช่างแต่งหน้ามาแต่งหน้าให้) มันทำให้ผมค่อนข้างอึ้ง....แต่ก็ลองดูก่อนว่าเค้าจะทำผมและแต่งหน้าให้แฟนผมแบบใหน ..... ปรากฎว่าไม่มีการใช้ไดรเป่าผมได้แต่ม้วนๆหวีๆและติดกิฟ
ตอนนนี้แฟนผมก็ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน ความซวยในการแต่งหน้าก็มาถึงผม ช่างแต่งหน้า(ก็คือเจ้าของร้านซซึ่งเป็นแม่ขอน้องคนนั้นทีแนะนำแพ็กเก็จให้ผมนั้นเอง) ช่างแต่หน้ามืออาชีพคนนั้น ก็ได้หวีผม ของผมให้รีบและฉีดสเปรย์ โดยผมเป็นคนหน้าผากค่อนข้างกว้าง แต่ ช่างแต่หน้ามืออาชีพท่านนั้นไม่ถามความสมัครใจหรือความชอบของผมเลย ทำให้หน้าผมกลายเป็นผีญี่ปุ่นไป (ทำผมแบนๆรีบๆปิดหน้าผาก ทาปากชมพูนิด พอกหน้าขาวหน่อยๆ) พอผมได้เห็นก็อึ้งไปเลยละย้ง......และก็มาถึงช่วงสำคัญแฟนผมกลับมาจากเข้าห้องน้ำ ขนตาปลอมที่ติดไว้มันสั้น-ยาวไม่เท่ากัน มันทำให้ผมอึ้งที่สุด
แฟนผมก็ขอให้เปลี่ยนใหม่เพราะมันดูตลกมากๆ เมื่อทางช่างได้ยินก็แสดงท่าทางไม่ค่อยพอใจ แต่ก็เปลี่ยนให้ใหม่....แต่พอได้อันใหม้ กลับติดให้แย่กว่าเดิม ซึ่งถึงผมไม่เคยติดขนตามปลอมให้ใคร แต่ก็เคยเห็นมาก่อน ซึ่งดูยังไงก็ไม่ใช่แบบนี้แน่ จึงทำให้ผมกับแฟนเริ่มรู้สึกว่า น่าจะมีปัญหาแน่ๆจึง ได้คุยกันว่า ยกเลิกดีกว่า และจ่ายค่าเสียเวลาให้เค้าไป ....
ระหว่างที่ผมและแฟนแต่หน้าอยู่ ตากล้องก็ตะโกนกดดันมาเป็นระยะๆว่าเสร็จรึยัง เหลืออะไรอีกไหม ซึ่งพอผมหันไปดูตากล้องว่าหน้าตาเป็นไงก็ปรากฎว่า เป็นพ่อเจ้าของร้าน( ที่แต่งหน้าและที่ถ่ายห่างกัน 3 ก้าวครับ* 3ก้าวเดินจริงๆ)ผมก็เลยบอกแฟนว่าให้ลงไปคุยยกเลิกกับน้องเค้า(ลูกสาวเจ้าของร้าน)และจ่ายค่าเสียเวลาไป ซึ่งผมก็ประมาณคร่าวๆว่าคงไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งก็ให้เค้าหักค่ามัดจำไป แต่ยังไม่ทันเดินลงไปคุย ก็มีลูกค้าคู่อื่นเข้ามาถ่ายรูปและลองชุดต่อ ซึ่งทำให้ผม งง....มาก ว่าทางร้านนัดลูกค้ามาซ้อนๆกันทำไม ทั้งๆที่พื้นที่เล็กนิดเดียว
พอแฟนผมเดินลงไปข้างล่าง ผมเองก็กำลังจะเดินตามไป แต่ยังยืนอยู่ตรงบันได ได้ยินช่างแต่หน้ามืออาชีพพูดตามหลังมาว่า " เปลี่ยนขนตาตั้งสองครั้งแล้ว จะเอาอะไรอีก เปลี่ยนอีกกี่ทีเค้าก็ไม่พอใจหรอก...." ซึ่งผมก็เคยถ่ายรูปร้านแนวๆนี้มาบ้างก็ไม่เคยเจอการว่าลูกค้าแบบนี้ ทั้งๆที่ยังก้าวไม่พ้นร้านเลย ซึ่งทำให้ผมไม่พอใจมาก แต่ก็ไม่อยากเสียดังเลยเดินลงไปข้างล่างเพื่อแจ้งยกเลิก
เมื่อลงมาข้างล่างแฟนผมจึงแจ้งยกเลิกและให้ทางร้านคิดค่าเสียเวลามาปรากฎว่าเป็นเงิน........3,500 บาท ครับ ซึ่งมันทำให้ผมอึ้งมากๆ ผมพยามยามสะกดอารมณ์ไม่พอใจ และสอบถามดีๆว่า มันมีค่าใช้จ่ายอะไรมากขนดนั้น เพราะผมพึ่งแต่งหน้าและแต่งตัวเท่านั้น ยังไม่ถ่ายรูปเลย และเหตุผลที่ทางร้านแจ้งมาคือ ชุดที่ทางผมและแฟนแจ้งจองไว้ถ่าย เค้าต้องมีค่าซักรีดจำนวน 4 ชุด และค่าแต่งหน้าของช่างมืออาชีพ อีก ซึ่งคิดเป็นรอบ
มันทำให้ผมอึ้งกับคำตอบมากๆว่าค่าเสียเวลาของทางร้านมืออาชีพเนี่ยแพงจริงๆ(ผมไม่เคยเจอราคาแบบนี้ อาจจะมีร้านอื่นที่คิดแบบนี้ก็ได้) ซึ่งผมก็ได้ต่อรองไปเนื่องจากไม่อยากมีปัญหา และอารมณ์เสีย จึงจบราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มคือ 2,500 บาท(บวกกับค่ามัดจำอีก 1,000 เป็น 3,500 บาท) ซึ่งเสียทั้งเงิน
เสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึก...... แต่ที่ได้กลับมาก็คือ เขา ที่อยู่บนหัวนี่เองๆๆๆๆๆๆๆๆ
รูปข้างบนคือใบเสร็จรับเงินที่ผมต้องนำไปเคลือบเก็บไว้เพื่อให้จำความฉลาดน้อยของตัวเอง ทำให้เสียเงินไปเปล่า 3,500 บาท
**เป็นการแจ้งเตือนเพื่อนๆที่อยู่ย่านนี้นะครับว่าระวังกันนิดสำหรับร้านที่เห็น_ก่ตัวแบบนี้**
***เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ข้อความที่ลงไว้อาจไม่ตรง 100% แต่ใกล้เคียง 95%
****แนะนำเพื่อไม่ให้คนอื่นพบแบบเดียวกันกับผมและแฟน
ยาวไปหน่อยแต่ก็ขอขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน ***แก้ไขรายละเอียดในรูปภาพ ลบเบอร์โทรและ อีเมล์ ครับ***
[CR] CR : เล่าสู่กันฟังร้านถ่ายรูป-เช่าชุดแต่งงานย่าน สำโรง
เริ่มเรื่อง...... ผมและแฟนมีกำหนดการแต่งงานในเดือน มิถุนายน ที่จะถึงนี้ เรามีเวลาในการเตรียมงานไม่มากนัก และด้วยงบในการแต่งงานที่มี จำกัดจึงทำให้ผมต้องประหยัดในการใช้จ่าย และหนึ่งในนั้นคือ การถ่ายรูปแต่งงาน,ชุดใช้แต่งงาน(ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว) ,ของไหว้ผู้ใหญ่
ของชำร่วย และ การ์ดแต่งงาน
ด้วยความที่ผมและแฟน อยู่ในย่านบางนา จึงคิดว่า น่าจะหาดูร้านใกล้ๆและสามารควบคุมงบประมาณได้ จึงได้เลือกใช้ห้างใกล้บ้าน ที่เคยเห็นผ่านๆตาว่ามีร้านแบบนี้อยู่ 2-3 ร้าน จึงเดินมาดูเรื่อยๆที่ชั้น 3 ซึ่งมีร้านอยู่ และได้ทำการสอบถามข้อมูลแพคเก็จต่างๆ โดยมีพนักงาน(ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นลูกสาวเจ้าของร้าน) มาคอยให้การต้องรับและแนะนำแพ็คเก็จต่างๆ ในตอนแรกทางร้านได้นำรูปถ่ายที่ทางร้านมีมาแนะนำให้ดู (รูปของลูกสาวเจ้าของร้าน) โดยให้รายละเอีดต่างๆว่า มีทีมงานถ่ายภาพ และ ช่างแต่งหน้ามืออาชีพ เป็นทีมงานประจำ ให้ลูกค้ามั่นใจในผลงาน ทางผมกับแผนจึงได้ทำการจองแพ็คเก็จราคา 9,900 บาท ไปโดยมีรายการดังรูป
ซึ่งได้ทำการมัดจำเป็นเงิน 1,000 บาท แต่พอกลับมาถึงที่บ้าน ผมและแฟนก็กังวลเรื่อง ชุดและรายละเอียดเรื่อง การ์ดแต่งงานและของชำร่วย จึงนึกได้ว่าทางร้านได้นำเสนอแพ็คเก็จ แบบรวมรายการต่างๆที่ ผมและแฟนต้องการพอดี คือราคา 19,900 บาท ซึ่งครอบคลุมทุกอย่างที่ต้องการและอยู่ในงบที่ผมพอจะหาได้ จึงได้ทำการโทรติดต่อกลับไปที่ทางร้านเพื่อให้ทำการเปลี่ยนแพ็คเก็จให้ตรงตามความต้องการที่สุด ซึ่งทางร้านก็ไม่ได้ว่าอะไรในเรื่องปัญหาที่ผมจะเปลี่ยนแพ็คเก็จ(ก่อนหน้านี้ในรายละเอียดจะถ่ายรูปได้ไม่จำกัดชุด แต่ในแพ็คใหม่ จะถ่ายได้แค่ 4 ชุด)และนัดวันถ่ายเป็นวันที่ 5 เม.ย 58
วันที่ 5 เม.ย 58......
ผมกับแฟนก็ได้ไปตามกำหนดการซึ่ง รถติดมาก....จึงทำให้ล่าช้าจากเวลานัดไป 45 นาที(นัด 11.00 น.) ซึ่งเมื่อไปถึง แฟนผมต้องทำการคัดเลือกชุดใหม่เนื่องจากเราเปลี่ยนแพ็คเก็จ โดยต้องตัดชุดออกไปจำนวนนึ่ง ซึ่งคงเหลือชุดที่ใช้ 4 ชุด
***เหตุการณ์ต่อไปนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล เนื่องจากเป็นข้อมูลของผมและแฟนแต่เพียงฝ่ายเดียว****
ชุดแรกที่เราถ่ายกันนั้นทางร้านให้เป็นชุดญี่ปุ่นก่อน เพราะว่าช่างแต่งหน้าจะค่อยๆปรับโทนให้เข้มขึ้นตามลำดับ เมื่อขึ้นไปที่สตูดิโอ ก็ปรากฎว่า เป็นห้องขนาด 6x4 เมตร ซึ่งมุมนึงเต็มไปด้วยชุดแต่งงานที่แขวนไว้ และ อีกมุมหลังฉากถ่ายภาพ เป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า/แต่งตัว ซึ่งมีเพียงผ้าม่านรูดปิดเท่านั้น(นึกภาพว่าไปลองเสื้อตามร้านขายเสื้อเล็กๆที่มีม่านรูดปิดกันคนเห็น)
แฟนผมก็ได้ไปเปลี่ยนชุดก่อนและมานั่งที่เก้าอี้เพื่อแต่งหน้า/ทำผม ซึ่งไม่มีสิ่งที่ช่างแต่งหน้าทำผมมีกันคือ ไดรเป่าผม ชุดเครื่องสำอางค์ชุดใหญ่(นึกภาพกระเป๋าใหญ่ที่เปิดได้เป็นชั้นที่เห็นในละครตอนช่างแต่งหน้ามาแต่งหน้าให้) มันทำให้ผมค่อนข้างอึ้ง....แต่ก็ลองดูก่อนว่าเค้าจะทำผมและแต่งหน้าให้แฟนผมแบบใหน ..... ปรากฎว่าไม่มีการใช้ไดรเป่าผมได้แต่ม้วนๆหวีๆและติดกิฟ
ตอนนนี้แฟนผมก็ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน ความซวยในการแต่งหน้าก็มาถึงผม ช่างแต่งหน้า(ก็คือเจ้าของร้านซซึ่งเป็นแม่ขอน้องคนนั้นทีแนะนำแพ็กเก็จให้ผมนั้นเอง) ช่างแต่หน้ามืออาชีพคนนั้น ก็ได้หวีผม ของผมให้รีบและฉีดสเปรย์ โดยผมเป็นคนหน้าผากค่อนข้างกว้าง แต่ ช่างแต่หน้ามืออาชีพท่านนั้นไม่ถามความสมัครใจหรือความชอบของผมเลย ทำให้หน้าผมกลายเป็นผีญี่ปุ่นไป (ทำผมแบนๆรีบๆปิดหน้าผาก ทาปากชมพูนิด พอกหน้าขาวหน่อยๆ) พอผมได้เห็นก็อึ้งไปเลยละย้ง......และก็มาถึงช่วงสำคัญแฟนผมกลับมาจากเข้าห้องน้ำ ขนตาปลอมที่ติดไว้มันสั้น-ยาวไม่เท่ากัน มันทำให้ผมอึ้งที่สุด
แฟนผมก็ขอให้เปลี่ยนใหม่เพราะมันดูตลกมากๆ เมื่อทางช่างได้ยินก็แสดงท่าทางไม่ค่อยพอใจ แต่ก็เปลี่ยนให้ใหม่....แต่พอได้อันใหม้ กลับติดให้แย่กว่าเดิม ซึ่งถึงผมไม่เคยติดขนตามปลอมให้ใคร แต่ก็เคยเห็นมาก่อน ซึ่งดูยังไงก็ไม่ใช่แบบนี้แน่ จึงทำให้ผมกับแฟนเริ่มรู้สึกว่า น่าจะมีปัญหาแน่ๆจึง ได้คุยกันว่า ยกเลิกดีกว่า และจ่ายค่าเสียเวลาให้เค้าไป ....
ระหว่างที่ผมและแฟนแต่หน้าอยู่ ตากล้องก็ตะโกนกดดันมาเป็นระยะๆว่าเสร็จรึยัง เหลืออะไรอีกไหม ซึ่งพอผมหันไปดูตากล้องว่าหน้าตาเป็นไงก็ปรากฎว่า เป็นพ่อเจ้าของร้าน( ที่แต่งหน้าและที่ถ่ายห่างกัน 3 ก้าวครับ* 3ก้าวเดินจริงๆ)ผมก็เลยบอกแฟนว่าให้ลงไปคุยยกเลิกกับน้องเค้า(ลูกสาวเจ้าของร้าน)และจ่ายค่าเสียเวลาไป ซึ่งผมก็ประมาณคร่าวๆว่าคงไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งก็ให้เค้าหักค่ามัดจำไป แต่ยังไม่ทันเดินลงไปคุย ก็มีลูกค้าคู่อื่นเข้ามาถ่ายรูปและลองชุดต่อ ซึ่งทำให้ผม งง....มาก ว่าทางร้านนัดลูกค้ามาซ้อนๆกันทำไม ทั้งๆที่พื้นที่เล็กนิดเดียว
พอแฟนผมเดินลงไปข้างล่าง ผมเองก็กำลังจะเดินตามไป แต่ยังยืนอยู่ตรงบันได ได้ยินช่างแต่หน้ามืออาชีพพูดตามหลังมาว่า " เปลี่ยนขนตาตั้งสองครั้งแล้ว จะเอาอะไรอีก เปลี่ยนอีกกี่ทีเค้าก็ไม่พอใจหรอก...." ซึ่งผมก็เคยถ่ายรูปร้านแนวๆนี้มาบ้างก็ไม่เคยเจอการว่าลูกค้าแบบนี้ ทั้งๆที่ยังก้าวไม่พ้นร้านเลย ซึ่งทำให้ผมไม่พอใจมาก แต่ก็ไม่อยากเสียดังเลยเดินลงไปข้างล่างเพื่อแจ้งยกเลิก
เมื่อลงมาข้างล่างแฟนผมจึงแจ้งยกเลิกและให้ทางร้านคิดค่าเสียเวลามาปรากฎว่าเป็นเงิน........3,500 บาท ครับ ซึ่งมันทำให้ผมอึ้งมากๆ ผมพยามยามสะกดอารมณ์ไม่พอใจ และสอบถามดีๆว่า มันมีค่าใช้จ่ายอะไรมากขนดนั้น เพราะผมพึ่งแต่งหน้าและแต่งตัวเท่านั้น ยังไม่ถ่ายรูปเลย และเหตุผลที่ทางร้านแจ้งมาคือ ชุดที่ทางผมและแฟนแจ้งจองไว้ถ่าย เค้าต้องมีค่าซักรีดจำนวน 4 ชุด และค่าแต่งหน้าของช่างมืออาชีพ อีก ซึ่งคิดเป็นรอบ
มันทำให้ผมอึ้งกับคำตอบมากๆว่าค่าเสียเวลาของทางร้านมืออาชีพเนี่ยแพงจริงๆ(ผมไม่เคยเจอราคาแบบนี้ อาจจะมีร้านอื่นที่คิดแบบนี้ก็ได้) ซึ่งผมก็ได้ต่อรองไปเนื่องจากไม่อยากมีปัญหา และอารมณ์เสีย จึงจบราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มคือ 2,500 บาท(บวกกับค่ามัดจำอีก 1,000 เป็น 3,500 บาท) ซึ่งเสียทั้งเงิน
เสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึก...... แต่ที่ได้กลับมาก็คือ เขา ที่อยู่บนหัวนี่เองๆๆๆๆๆๆๆๆ
รูปข้างบนคือใบเสร็จรับเงินที่ผมต้องนำไปเคลือบเก็บไว้เพื่อให้จำความฉลาดน้อยของตัวเอง ทำให้เสียเงินไปเปล่า 3,500 บาท
**เป็นการแจ้งเตือนเพื่อนๆที่อยู่ย่านนี้นะครับว่าระวังกันนิดสำหรับร้านที่เห็น_ก่ตัวแบบนี้**
***เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ข้อความที่ลงไว้อาจไม่ตรง 100% แต่ใกล้เคียง 95%
****แนะนำเพื่อไม่ให้คนอื่นพบแบบเดียวกันกับผมและแฟน
ยาวไปหน่อยแต่ก็ขอขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน ***แก้ไขรายละเอียดในรูปภาพ ลบเบอร์โทรและ อีเมล์ ครับ***