หลวงปู่แฉ! "มุมมืด... กรรมการมหาเถรสมาคม"

กระทู้สนทนา
ลากไส้เน่าของพวกอลัชชีกาฝาก ญาติกปิละปลาอเวจี และพวกหากินกับงบประมาณหลวงกันมาดูอีกที
๓ เมษายน ๒๕๕๘

เห็นขุนพลอยพยักองครักษ์มหาเถร ออกมาให้สัมภาษณ์แก้ตัว แก่ต่างให้กับกรรมการมหาเถรและอลัชชีสงฆ์ผู้ร่ำรวย ด้วยคำกล่าวอ้างที่ว่า

พระเมธีธรรมาจารย์: “วันนี้เมื่อจะตรวจสอบบัญชีของผู้ที่เป็นผู้นำทางด้านศาสนา หรือผู้มีส่วนสำคัญในการบริหารศาสนาของตนเอง กลับตรวจสอบเฉพาะ พุทธศาสนา ไม่ตรวจสอบศาสนาอื่น ในขณะที่เราไปเรียกร้อง พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ บอกว่ามีความเสมอภาคกัน อันนี้มีความเป็นธรรมไหมทางด้านสังคม

ข้อที่สอง ที่อาตมาบอกว่า ท่านมองแค่ปัญหาไม่รอบด้าน มองปัญหาด้านเดียวเนี่ย วัดในประเทศไทยเนี่ยมันมีซักกี่วัดที่มีรายได้อย่างที่ท่านพูดถึง มันมี
ซักกี่วัด ทำไมท่านไม่ไปมองถึงวัดในชนบท วัดที่ยากจน หลายวัด สามเณรเมื่อจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มา ต้องการมาพัฒนาตนเอง อยากเรียนรู้ ไม่สามารถไปเรียนในโรงเรียนทั่วไปได้ เพราะว่ามีความยากจน วัดอุ้มชู พระศาสนาอุ้มชู เข้ามาบวชในพุทธศาสนา และหลายคนเข้ามาบวชเนี่ย บางวัดไม่มีอาหาร ขาดแคลนอาหารทั้งอาหารเช้า อาหารเพล เราจึงช่วยการรณรงค์ว่า โครงการอาหารเพล แด่น้องเณร มากมายก่ายกอง ท่านไม่ดู และหลายวัดในประเทศไทยเนี่ย ไม่มีเงินแม้แต่เสีย จ่ายค่าไฟฟ้า บางวัดก็ เดือนนึงก็ร้อยกว่าบาท สองร้อยกว่าบาท ยังไม่มีเงินแม้แต่จ่ายค่าไฟเลย น้ำประปาไม่มี ใช้น้ำจากธรรมชาติ”

โถ ช่างน่าสงสาร น่าสมเพช น่าเห็นใจจัง
สิ่งที่ท่านขุนพลอยพยัก ลักไก่พูดดูช่างน่าเชื่อถือจริงๆ
ถามจริง ท่านโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่
หากว่าโง่จริงๆ จะบอกให้ เผื่อว่าหูตาจะได้สว่างขึ้นมาบ้าง

การที่ท่านออกมาพูดออกมากล่าวว่าวัดไม่ได้ร่ำรวยกันทุกวัด ที่รวยมีอยู่ไม่กี่วัดในประเทศไทย นั่นแหละจริงแท้แน่ชัด
หากไม่เชื่อจะยกตัวอย่างการอุดหนุนงบประมาณให้แก่วัดของสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยการเห็นชอบของกรรมการมหาเถรสมาคมมาให้ดูกันเล่นๆ ว่าวัดไหนอนาถาน่าอนาถญาติกปิละกันมั่ง จะได้รู้ว่า ทำไมท่านขุนพลอยพยัก เขาถึงได้กล้าออกมากล่าวว่า “รวยกันไม่กี่วัด”

เริ่มกันแบบเล่นๆ พอสะดุ้งๆ รายชื่อของวัดที่ได้รับการอุดหนุนจากงบประมาณของรัฐโดยสำนักพุทธ มีดังนี้คือ
วัดที่กรรมการมหาเถรเป็นเจ้าอาวาสและได้รับเงินอุดหนุนจากสำนักพุทธ วัดที่ออกได้แก่ !


วัดพิชยญาติการาม กทม.
๔ ธ.ค. ๕๖ ได้รับเช็คจากสำนักพุทธมา ๑๐ ล้านบาท
๑๐ ม.ค. ๕๗ ได้มาอีก ๕ แสน ๕ หมื่นบาท เช็คยอดนี้ได้รับตอนสายๆ หน่อย และพอตอนบ่ายแก่ๆ ในวันเดียวกันได้เช็คมาอีก ๑๓ ล้าน ๘ แสนบาท
พอตอนเย็นๆ ถูกหวยอีกแล้วพี่น้อง ได้เช็คมาจากสำนักพุทธออกมาให้อีกรอบแล้วครับพี่น้อง อีกเท่าไรเอ่ย ขุนพลอยพอจะรู้ไหม หากไม่รู้จะบอกให้ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติ กรรมการมหาเถรสมาคมได้รับเช็คใบสุดท้ายของวันที่ ๑๐ ม.ค. ๕๗ เป็นเงิน ๙ ล้าน ๕ แสนบาทนะครับท่าน

พอไหม ? ยัง ยังไม่พอ เอาให้มันเข็ดขยาดกันไปข้างหนึ่งแหละ


วันที่ ๖ ม.ค. ๕๗ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติ กรรมการมหาเถรได้รับเช็คจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมาอีกเป็นจำนวนเงิน ๕ ล้านบาทอีกแล้วพี่น้อง

คิดง่ายๆ โหลงโจ้งตกลงแล้วตั้งแต่วันที่ ๔ ธ.ค. ๕๖ จนถึง ๖ มี.ค. ๕๗ วัดพิชยญาติ ฟาดไปเหนาะๆ ๓๘ ล้าน ๘ แสน ๕ หมื่นบาทเท่านั้นเองนะจ๊ะ ท่านขุนพลอยพยัก

ตามมาดูกันอีกหน่อยว่า วัดไหนอีกที่หากินกับงบประมาณแผ่นดินและเงินภาษีของประชาชน
วัดที่ออกคือ…

วัดสามพระยา !!
เป็นวัดนี้ ที่มีเจ้าอาวาส ๒ คน คนหนึ่งเป็นผู้ชาย คนหนึ่งเป็นผู้หญิง
หากจะพูดถึงวัดนี้คงต้องพูดกันยาว เอาไว้เล่าวันหลัง ตอนนี้มาดูเส้นทางการกินเงินภาษี ที่สำนักพุทธจ่ายให้แก่วัดนี้ว่าได้กันไปเท่าไร
๕ ธ.ค. ๕๖ ได้รับเช็คจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมา ๕ ล้านบาท
๑๓ ก.พ. ๕๗ ได้มาอีก ๕ แสนกว่าบาท
๑๙ ก.พ. ๕๗ ได้มาอีก ๗ ล้านบาท

แหมดูว่าวัดนี้จะได้น้อยไปนิด อาจเป็นเพราะมีเจ้าแม่วัดเป็นเจ้าของร้านสังฆภัณฑ์ คอยทำรายได้ให้ใช้จ่าย และธรรมกาย เจ๊ปากแดงเจ้าสำนักเป็นผู้อุปถัมภ์หลัก เพราะไปกินไปนอนอยู่ในสำนักนี้เป็นประจำ

อ้าว ลืมแนะนำตัวเจ้าอาวาสวัดสามพระยา คือพระพรหมดิลก เจ้าคณะ กทม. และกรรมการมหาเถรสมาคม คนนี้คณะสงฆ์ภาค ๑๔ คงจะเคยรู้จัก เพราะตอนลาออกจากเจ้าคณะภาคไปเป็นเจ้าคณะจังหวัดกรุงเทพพระมหานคร เจ้าอาวาสและคณะสงฆ์ทั้งภาค ๑๔ ต่างไชโยโห่ร้องดีใจกันเป็นทิวแถว แต่พอมาเป็นเจ้าคณะจังหวัดกรุงเทพ ภิกษุในกรุงเทพต่างพากันบ่นเบื่อ ว่าไม่รู้ทำไมนักบวชในกรุงเทพถึงได้ซวยกันขนาดนี้


อีกวัดที่ดูจะยากจนในสายตาขุนพลอยพยัก แล้วได้งบประมาณอุดหนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของกรรมการมหาเถรสมาคมก็คือ

วัดเทพศิรินทร์ กทม.

เจ้าอาวาสคือสมเด็จพระธีรญาณมุนี เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นสมเด็จพระราชาคณะ ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ได้รับอุดหนุนจากสำนักพุทธด้วยการเห็นชอบจากกรรมการมหาเถร ซึ่งตนก็เป็นกรรมการอยู่ด้วย งานนี้ได้มาไม่มากเท่าไร ที่ฉันพอจะรวบรวมได้ก็ ๑๐ ล้านบาทถ้วน เวลาต่อมาในวันที่ ๔ ก.พ. ๕๗ ได้เช็คเพิ่มมาเป็นเงิน ๒ ล้านบาท ส่วนที่เหลือกำลังติดตามอยู่

ท่านขุนพลอยพยักยังจำได้ไหม ลุงป้าน้าอายังจำได้ไหม เมื่อปี ๕๖ นายพายัพ ชินวัตร บวชได้ ๑๐ วัน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระครูปลัดสัมพิพัฒน์ญาณจารย์ มีนักข่าวไปถามว่า พระบวชใหม่ไม่ถึง ๑๐ วัน ทำไมถึงได้เป็นพระครูปลัดสมเด็จ เลื่อนอีกขั้นเดียวก็เป็นเจ้าคุณได้เลย

พระเดชพระคุณเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ ตอบว่าอย่างไร ขุนพลอยพยักรู้ไหม ลุงป้าน้าอารู้ไหม
เจ้าอาวาสวัดเทพสิรินทร์ท่านตอบว่า “เขาบริจาคเงินมาให้ตั้ง ๑๐ กว่าล้าน ทำไมจะตั้งให้เป็นพระครูปลัดไม่ได้”
สะใจไหมล่ะพี่น้อง นี่แหละมหาเถรเมืองไทย

ยัง ยังไม่หมด วันนี้เอาแค่นี้ก่อนดีไหม รู้มากเดี๋ยวจะอ้วกแตกเสียก่อน เอาไว้โอกาสหน้าจะค่อยๆ ลากไส้เน่าอลัชชีญาติกปิละปลาอเวจี ออกมาให้ขุนพลอยพยัก ลุงป้าน้าอา พ่อแม่พี่น้อง ให้ได้หูตาสว่างกันอีก เดี๋ยวขอตัวไปเตรียมวางแผนรับมือพวกอลัชชีสงฆ์ก่อน เห็นได้ข่าวมาว่าจะยกขบวนมาถล่มพุทธะอิสระ พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ

ขอบอกว่า กล้าๆ หน่อยนะจ๊ะ อ่อ แล้วอย่าลืมชวนเมียอุ้มลูกมาช่วยถล่มฉันด้วยนะจ๊ะ รออยู่ มาเร็วๆ ล่ะ กำลังอยากยืดเส้นยืดสายอยู่พอดี

พุทธะอิสระ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่