สารคดียุคสุดท้าย
สัมภาษณ์ทางทีวี เรื่องยุคสุดท้าย
เทศกาลปัสกา ( เครดิต .. อาจารย์ Pattamarot )
มีหลายคนที่ได้ถามคำถามนี้ ทำไมต้องมีเทศกาลปัสกาด้วย ในหนังสือ อพยพ 12:13-14
13แต่เลือดที่บ้านที่เจ้าทั้งหลายอยู่นั้น จะเป็นหมายสำคัญสำหรับเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้น เราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป จะไม่มีภัยพิบัติบังเกิดแก่เจ้า ขณะที่เราประหารชาว อียิปต์
14“วันนี้จะเป็นวันที่ระลึกสำหรับเจ้า ให้เจ้าทั้งหลายถือไว้เป็นเทศกาลแด่พระเจ้า ชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า เจ้าจงฉลองเทศกาลนี้และถือเป็นกฎถาวร
เมื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาใกล้เข้ามา เราต้องระลึกไว้ว่าเทศกาลนี้เป็นการเฉลิมฉลองที่ออกแบบโดยพระเจ้า พระเจ้าทรงประทาน เทศกาลนี้ และ งานฉลองนี้ไว้เพื่อเพิ่มพูนความเชื่อของเรา เพื่อเตรียมเราให้เข้าสู่พระพรอันบริบูรณ์ของพระองค์ ในพระคัมภีร์เดิมพระเจ้าสั่งให้คนยิวถือเทศกาลปัสกาเพื่อ
สอนให้เข้าใจเรื่องความสำคัญของการไถ่ด้วยโลหิต แต่สำหรับคริสเตียนในพระคัมภีร์ใหม่ ก็ให้จดจำและเข้าใจงานแห่งการไถ่ของพระเจ้า พระคัมภีร์บอกเราว่า “ ให้เจ้าทั้งหลายถือไว้เป็นเทศกาลแด่พระเจ้า ชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า เจ้าจงฉลองเทศกาลนี้ ….ตลอดไป
คริสเตียนเราควรตระหนักว่าเทศกาลปัสกาในพระคัมภีร์เดิมก็มีคุณค่าเท่ากับเทศกาลต่างๆในพระคัมภีร์ใหม่เช่นกัน ตลอดทั้งพระคัมภีร์ใหม่ ที่พระเยซูและอัครทูตได้เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา อาหารมื้อสุดท้ายฉบับดั้งเดิมก็คืออาหารมื้อปัสกานั่นเอง อัครทูตได้สอนคริสตจักรต่างชาติให้เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา ใน 1 โครินธ์ อาจาย์เปาโลได้เขียนถึงคริสตจักรที่ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ “ พระคริสต์ผู้ทรงเป็นแกะปัสกาของพระเจ้า ได้ถูกปลงพระชนม์ ดั้งนั้นให้เราเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ “ หลายร้อยปีมาแล้ว ที่การเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาเป็นการเฉลิมฉลองที่สำคัญในรอบปีของคริสจักรยุคแรกๆ
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เทศกาลปัสกามีความสำคัญมาก
อ.เดริก ปรินซ์ (Derek Prince) เคยกล่าวไว้ว่า “การประกาศของความเชื่อที่ทรงพลานุภาพเพื่อการปลดปล่อยคือ ฉันได้รับการไถ่ด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก ได้รับการปลดปล่อยจากมือของศัตรู “
ท่านได้กล่าวว่า ถ้าคุณสามารถประกาศด้วยความเชื่อและประกาศต่อไปเรื่อยๆ บางสิ่งบางอย่างจะเกิดขึ้น คุณจะได้รับการปลดปล่อยจากอำนาจของศัตรู นั่นคือสาระของเทศกาลปัสกา การเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาคือการประกาศความเชื่อว่าเราได้รับการไถ่ด้วยพระ โลหิตของพระเมษโปดก เมื่อเราเฉลิมฉลองปัสกาก็มีผลต่อชีวิตภายในเรา เมื่อเรามาร่วมกันระลึกถึงงานไถ่ที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เราประกาศอำนาจของการไถ่ในชีวิตของเราวันนี้ก็จะส่งผลบางสิ่งบางอย่างต่อเรา ด้วยเช่นกัน
เทศกาลปัสกานั้นสำคัญสำหรับพระเจ้า แต่ซาตานเกลียดเทศกาลนี้ ศัตรูได้ทำงานอย่างขมีขมันที่จะขโมยเทศกาลปัสกาไป ข่าวดีก็คือว่าพระเจ้ากำลังรื้อฟื้นเทศกาลปัสกาของพระองค์
การสงครามเพื่อเทศกาลปัสกาเกิดขึ้นบ่อยๆ เราจะเห็นได้จากประวัติศาสตร์คริสตจักร ในศตวรรษที่4 เมื่อจักรพรรดิ์คอนสแตนตินได้พยายามผสมผสานศาสนาคริสเตียนกับศาสนาต่างชาติ หลายคนอาจจะชอบความคิดนี้ พระองค์ทรงทำให้ศาสนาคริสเตียนนั้นถูกต้องตามกฎหมาย คุณสามารถไปคริสตจักรได้โดยไม่ต้องกลัวถูกโยนให้สิงโตกิน และจักรพรรดิ์คอนสแตนตินก็ไม่ถือสาถ้าคริสเตียนจะเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ ของพระเยซู
แต่พระองค์ทรงติดใจกับเรื่องเทศกาลปัสกา พระองค์ประสงค์ให้คริสเตียนไม่เฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ในช่วงเวลาของเทศ กาลปัสกา ที่สภาไนเซีย (คศ 325 ) พระองค์ประกาศว่า “ การอนุรักษ์การเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาต้องได้รับการแก้ไข”
และที่สภาไนเซีย นี้เอง พระองค์ ได้ทำให้เทศกาลปัสกาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และนำให้คนเฉลิมฉลองการตายและการฟื้นพระชนม์ ใน “ วันอาทิตย์หลังจาก
วันพระจันทร์เต็มดวงหลังจากวันที่กลางวันและกลางคืนยาว เท่ากันในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นเวลาที่เชื่อมโยงกับการเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิของพระต่างด้าว “ เจ้าแม่ อิสตาร์ หรือ เป็นที่รู้จักว่า อีสเตอร์ ” เจ้าแม่แห่งการเจริญพันธุ์ (นี่คือสาเหตุที่คริสตจักรทุกวันนี้เฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์แทนเทศกาลปัสกา )
พระประสงค์ของกษัตริย์คอนแสตนตินคือเอาพระเยซูออกไปจากบริบทของเทศกาลปัสกา
สงครามยังคงดำเนินต่อไป หลายคริสตจักรต่อต้านคำปฤฎีกาของกษัตริย์คอนแสตนติน ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายทศวรรษแล้วก็ตาม สงครามเรื่องเทสกาลปัสกาก็คงดำเนินต่อไปหลังจากสมัยของจักรพรรดิ์คอนสแตนติน
เช่น ในศตวรรษที่ 6 จักรพรรดิจัสติเนียนส่งทหารโรมันออกไปทั่งอาณาจักรเพื่อห้ามการเฉลิมฉลองเทศ กาลปัสกา เพื่อจะลบคำสอนที่ “ผิด” เกี่ยวกับปัสกาส่งผลให้ ผู้ชาย ผู้หญิง และ เด็กๆ นับพันๆคนถูกฆ่าอย่างโหดร้าย เมืองทั้งเมืองถูกสังหารหมู่ เพราะปฎิเสธิที่จะหยุดฉลองเทศกาลปัสกา (สงครามเพื่อปัสกานำมาซึ่งการสูญเสียมากมาย) ความกดดันจากรัฐบาล คริสตจักรโรมันในการลบล้างเทศกาลปัสกาให้หมดไป ให้สังเกตว่ามีหลักข้อเชื่อบางข้อที่ต่อต้านปัสกาในสภาของคริสตจักรต่างๆ
การกล่าว คำแช่งสาป
สภาแอนติโอก(คศ 345) ถ้าบิชช๊อบ ผู้ปกครอง หรือมัคคนายกคนใด กล้าเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา หลังการประกาศนี้ให้สภาตัดสินให้เป็นบุคคลที่ถูกแช่งสาบจากคริสตจักร สภานี้ไม่เพียงแต่ขับไล่เขาออกจากงานรับใช้ แต่จะขับไล่ทุกคนที่กล้าติดต่อสื่อสารกับเขาด้วย (คำว่า anathema หมายถึงแช่งสาป คริสตจักรจะแช่งสาปคริสเตียนที่เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา)
สภา เลาดีเซีย(คศ.365) “ ไม่อนุญาตให้รับการเฉลิมฉลองเทศกาลของชาวยิว
สภา แอกดี ประเทศฝรั่งเศล(คศ.506) “ คริสเตียนไม่ควรมีส่วนในเทศกาลของชาวยิว“
สภา เทเลโด (ศตวรรษที่7) การเฉลิมฉลองเทสกาลอีสเตอร์ต้องใช้ช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในคำประกาศของไนเซีย
สงครามของเทศกาลปัสกาปรากฏชัดเจนในประวัติศาสตร์คริสตจักร สงครามต่อต้านเทศกาลปัสกาไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เราพบเห็นสิ่งเดียวกันนี้ในพระคัมภีร์ ซาตานพยายามขโมยเอาเทศกาลปัสกาไป เพราะมันรู้ว่าการเฉลิมฉลองพระโลหิตจะปลดปล่อยฤทธ์อำนาจ ให้มองดูว่าเกิดอะไรขึ้นในยุคสมัยของกษัตริย์เฮเซคียาห์
กษัตริย์เฮเซคียาห์ ทำในสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระเจ้า เขาซ่อมแซมและชำระพระวิหาร ทำลายปูชณียสถานสูง รื้อฟื้นการถวายเครื่องบูชา และการนมัสการพระเจ้าแบบดาวิด แล้วเฮเซคียาห์ส่งราชสารออกไปทั่วอิสราเอลและยูเดีย เชิญเขามาฉลองเทศกาลปัสกา
พระราชสารของพระองค์ไปทั่วอิสราเอลและยูเดีย “ ประชาชนอิสราเอลกลับมาหาพระเจ้า” พระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่เหนือประชากรของพระองค์ ให้เขามีใจเดียวกันที่จะทำตามพระบัญชาของกษัตริย์ ประชาชนกลุ่มใหญ่มาร่วมประชุมกันที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อการเฉลิมฉลอง เขาได้ฆ่าลูกแกะปัสกา ฉลองเทศกาลอยู่ 7 วัน ด้วยความชื่นชมยินดียิ่งนัก ขณะที่คนเลวีร้องเพลง เล่นเครื่องดนตรี สรรเสริญ พระเจ้าทุกวัน แล้วที่ประชุมก็เห็นพ้องต้องกันที่จะเฉลิมฉลองเทศกาลอีก 7 วัน
ดังนั้นจึงมีการฉลองด้วยความรื่นเริงยินดีอีก 7 วัน มีความยินดีเป็นอันมากในกรุงเยรูซาเล็ม เพราะว่าตั้งแต่สมัยกษัตริย์โซโลมอนมาก็ไม่มีการเฉลิมฉลองแบบนี้ในกรุงเยรู ซาเลยเลย ปุโรหิตและคนเลวียืนอวยพรประชาชน และพระเจ้าทรงฟังเพราะว่าคำอธิษฐานของเขาถึงฟ้าสวรรค์ที่ประทับอันบริสุทธิ์ ของพระองค์ ( อ่านดูใน 2 พศด 29-30 และ บทต่อมา)
สิ่งเดียวกันนี้ก็เกิดในสมัยของกษัตริย์โยสิยาห์เช่นกัน โยสิยาห์ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรพระเจ้า ในรัชสมัยของพระองค์ ปี่ที่18 ขณะที่กำลังซ่อมแซมพระวิหาร เขาพบหนังสือม้วนในพระวิหาร เมื่อกษัตริย์ได้ยินคำเกี่ยวกับหนังสือม้วน พระองค์ได้ฉีกฉลองพระองค์ออก พระองค์เสด็จขึ้นไปที่พระวิหารพร้อมกับข้าราชบริพารของพระองค์ พระองค์ทรงอ่านถ้อยคำแห่งพันธสัญญาในหนังสือม้วนให้ประชาชนฟัง แล้วประชาชนก็สาบานต่อหนังสือม้วนนั้น
กษัตริย์สั่งให้ประชาชนเอารูปเคารพ พระบาอัล รูปดวงดาวต่างๆที่กราบไห้ว ออกจากพระวิหาร พระองค์ทรงทำลายลานส่วนที่เป็นของโสเภณีชายที่อยู่ในพระวิหาร กษัตริย์ได้สั่งประชาชนทุกคน“ให้เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาแด่พระเจ้าผู้เป็นจอม เจ้านายของเจ้า ตามที่มีคำเขียนไว้ในหนังสือม้วน” ในปีที่ 18 ในรัชสมัยของกษัตริย์โยสิยาห์ เทศกาลปัสกาได้เฉลิมฉลองในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่ง ไม่เหมือนสมัยของผู้วินิฉัยที่ได้นำประชาชนอิสราเอล หรือ ตลอดสมัยของกษัตริย์อิสราเอลและยูดาห์ ที่ได้มีการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาแบบนี้ (ดูใน2 พกษ.22-23และ ต่อไป)
เราเห็นแบบแผนในพระคัมภีร์จากพระธรรมสองตอนนี้ที่คนของพระเจ้าได้เดินออกห่าง จากพระเจ้าสู่การไห้วรูปเคารพ พระพรของพระเจ้าก็หายไป แล้วเขาก็กลับมาหาพระเจ้าและแสวงหาพระองค์ และสิ่งแรกที่พระเจ้าทรงทำคือรื้อฟื้นเทศกาลปัสกา ขณะที่เขาหันจากการไหว้รูปเคารพของคนต่างชาติ กลับมาสู่
การเฉลิมฉลองปัสกา เขาก็ได้รับการรื้อฟื้นกลับมาหาพระเจ้า มีประสพการณ์ที่เต็มไปด้วยความยินดีและพระพร ช่างเป็นแบบแผนที่น่าสนใจยิ่งนัก ครั้งแล้วครั้งเล่าในพระคัมภีร์เราพบว่าเทศกาลปัสกาได้สูญหายไป แม้แต่ในยุคสมัยของพระคัมภีร์เดิมและแม้แต่ท่ามกลางชาวยิว คนรุ่นหนึ่งมีชีวิตและตายไปโดยปราศจากการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาเลย
ทำไมเทศกาลปัสกาได้สูญหายไป ก็เพราะว่าซาตานได้ขโมยมันไป ซาตานต้องการขโมยเทศกาลปัสกาไป
เมื่อคนรุ่นใหม่ได้กลับมาหาพระเจ้าและเริ่มที่จะอ่านพระคัมภีร์ เขาอ่านพบเทศกาลปัสกาเป็นครั้งแรก
ยุคสุดท้าย - คริสเตียน
สารคดียุคสุดท้าย
สัมภาษณ์ทางทีวี เรื่องยุคสุดท้าย
เทศกาลปัสกา ( เครดิต .. อาจารย์ Pattamarot )
มีหลายคนที่ได้ถามคำถามนี้ ทำไมต้องมีเทศกาลปัสกาด้วย ในหนังสือ อพยพ 12:13-14
13แต่เลือดที่บ้านที่เจ้าทั้งหลายอยู่นั้น จะเป็นหมายสำคัญสำหรับเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้น เราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป จะไม่มีภัยพิบัติบังเกิดแก่เจ้า ขณะที่เราประหารชาว อียิปต์
14“วันนี้จะเป็นวันที่ระลึกสำหรับเจ้า ให้เจ้าทั้งหลายถือไว้เป็นเทศกาลแด่พระเจ้า ชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า เจ้าจงฉลองเทศกาลนี้และถือเป็นกฎถาวร
เมื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาใกล้เข้ามา เราต้องระลึกไว้ว่าเทศกาลนี้เป็นการเฉลิมฉลองที่ออกแบบโดยพระเจ้า พระเจ้าทรงประทาน เทศกาลนี้ และ งานฉลองนี้ไว้เพื่อเพิ่มพูนความเชื่อของเรา เพื่อเตรียมเราให้เข้าสู่พระพรอันบริบูรณ์ของพระองค์ ในพระคัมภีร์เดิมพระเจ้าสั่งให้คนยิวถือเทศกาลปัสกาเพื่อ
สอนให้เข้าใจเรื่องความสำคัญของการไถ่ด้วยโลหิต แต่สำหรับคริสเตียนในพระคัมภีร์ใหม่ ก็ให้จดจำและเข้าใจงานแห่งการไถ่ของพระเจ้า พระคัมภีร์บอกเราว่า “ ให้เจ้าทั้งหลายถือไว้เป็นเทศกาลแด่พระเจ้า ชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า เจ้าจงฉลองเทศกาลนี้ ….ตลอดไป
คริสเตียนเราควรตระหนักว่าเทศกาลปัสกาในพระคัมภีร์เดิมก็มีคุณค่าเท่ากับเทศกาลต่างๆในพระคัมภีร์ใหม่เช่นกัน ตลอดทั้งพระคัมภีร์ใหม่ ที่พระเยซูและอัครทูตได้เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา อาหารมื้อสุดท้ายฉบับดั้งเดิมก็คืออาหารมื้อปัสกานั่นเอง อัครทูตได้สอนคริสตจักรต่างชาติให้เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา ใน 1 โครินธ์ อาจาย์เปาโลได้เขียนถึงคริสตจักรที่ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ “ พระคริสต์ผู้ทรงเป็นแกะปัสกาของพระเจ้า ได้ถูกปลงพระชนม์ ดั้งนั้นให้เราเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ “ หลายร้อยปีมาแล้ว ที่การเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาเป็นการเฉลิมฉลองที่สำคัญในรอบปีของคริสจักรยุคแรกๆ
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เทศกาลปัสกามีความสำคัญมาก
อ.เดริก ปรินซ์ (Derek Prince) เคยกล่าวไว้ว่า “การประกาศของความเชื่อที่ทรงพลานุภาพเพื่อการปลดปล่อยคือ ฉันได้รับการไถ่ด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก ได้รับการปลดปล่อยจากมือของศัตรู “
ท่านได้กล่าวว่า ถ้าคุณสามารถประกาศด้วยความเชื่อและประกาศต่อไปเรื่อยๆ บางสิ่งบางอย่างจะเกิดขึ้น คุณจะได้รับการปลดปล่อยจากอำนาจของศัตรู นั่นคือสาระของเทศกาลปัสกา การเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาคือการประกาศความเชื่อว่าเราได้รับการไถ่ด้วยพระ โลหิตของพระเมษโปดก เมื่อเราเฉลิมฉลองปัสกาก็มีผลต่อชีวิตภายในเรา เมื่อเรามาร่วมกันระลึกถึงงานไถ่ที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เราประกาศอำนาจของการไถ่ในชีวิตของเราวันนี้ก็จะส่งผลบางสิ่งบางอย่างต่อเรา ด้วยเช่นกัน
เทศกาลปัสกานั้นสำคัญสำหรับพระเจ้า แต่ซาตานเกลียดเทศกาลนี้ ศัตรูได้ทำงานอย่างขมีขมันที่จะขโมยเทศกาลปัสกาไป ข่าวดีก็คือว่าพระเจ้ากำลังรื้อฟื้นเทศกาลปัสกาของพระองค์
การสงครามเพื่อเทศกาลปัสกาเกิดขึ้นบ่อยๆ เราจะเห็นได้จากประวัติศาสตร์คริสตจักร ในศตวรรษที่4 เมื่อจักรพรรดิ์คอนสแตนตินได้พยายามผสมผสานศาสนาคริสเตียนกับศาสนาต่างชาติ หลายคนอาจจะชอบความคิดนี้ พระองค์ทรงทำให้ศาสนาคริสเตียนนั้นถูกต้องตามกฎหมาย คุณสามารถไปคริสตจักรได้โดยไม่ต้องกลัวถูกโยนให้สิงโตกิน และจักรพรรดิ์คอนสแตนตินก็ไม่ถือสาถ้าคริสเตียนจะเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ ของพระเยซู
แต่พระองค์ทรงติดใจกับเรื่องเทศกาลปัสกา พระองค์ประสงค์ให้คริสเตียนไม่เฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ในช่วงเวลาของเทศ กาลปัสกา ที่สภาไนเซีย (คศ 325 ) พระองค์ประกาศว่า “ การอนุรักษ์การเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาต้องได้รับการแก้ไข”
และที่สภาไนเซีย นี้เอง พระองค์ ได้ทำให้เทศกาลปัสกาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และนำให้คนเฉลิมฉลองการตายและการฟื้นพระชนม์ ใน “ วันอาทิตย์หลังจาก
วันพระจันทร์เต็มดวงหลังจากวันที่กลางวันและกลางคืนยาว เท่ากันในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นเวลาที่เชื่อมโยงกับการเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิของพระต่างด้าว “ เจ้าแม่ อิสตาร์ หรือ เป็นที่รู้จักว่า อีสเตอร์ ” เจ้าแม่แห่งการเจริญพันธุ์ (นี่คือสาเหตุที่คริสตจักรทุกวันนี้เฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์แทนเทศกาลปัสกา )
พระประสงค์ของกษัตริย์คอนแสตนตินคือเอาพระเยซูออกไปจากบริบทของเทศกาลปัสกา
สงครามยังคงดำเนินต่อไป หลายคริสตจักรต่อต้านคำปฤฎีกาของกษัตริย์คอนแสตนติน ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายทศวรรษแล้วก็ตาม สงครามเรื่องเทสกาลปัสกาก็คงดำเนินต่อไปหลังจากสมัยของจักรพรรดิ์คอนสแตนติน
เช่น ในศตวรรษที่ 6 จักรพรรดิจัสติเนียนส่งทหารโรมันออกไปทั่งอาณาจักรเพื่อห้ามการเฉลิมฉลองเทศ กาลปัสกา เพื่อจะลบคำสอนที่ “ผิด” เกี่ยวกับปัสกาส่งผลให้ ผู้ชาย ผู้หญิง และ เด็กๆ นับพันๆคนถูกฆ่าอย่างโหดร้าย เมืองทั้งเมืองถูกสังหารหมู่ เพราะปฎิเสธิที่จะหยุดฉลองเทศกาลปัสกา (สงครามเพื่อปัสกานำมาซึ่งการสูญเสียมากมาย) ความกดดันจากรัฐบาล คริสตจักรโรมันในการลบล้างเทศกาลปัสกาให้หมดไป ให้สังเกตว่ามีหลักข้อเชื่อบางข้อที่ต่อต้านปัสกาในสภาของคริสตจักรต่างๆ
การกล่าว คำแช่งสาป
สภาแอนติโอก(คศ 345) ถ้าบิชช๊อบ ผู้ปกครอง หรือมัคคนายกคนใด กล้าเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา หลังการประกาศนี้ให้สภาตัดสินให้เป็นบุคคลที่ถูกแช่งสาบจากคริสตจักร สภานี้ไม่เพียงแต่ขับไล่เขาออกจากงานรับใช้ แต่จะขับไล่ทุกคนที่กล้าติดต่อสื่อสารกับเขาด้วย (คำว่า anathema หมายถึงแช่งสาป คริสตจักรจะแช่งสาปคริสเตียนที่เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา)
สภา เลาดีเซีย(คศ.365) “ ไม่อนุญาตให้รับการเฉลิมฉลองเทศกาลของชาวยิว
สภา แอกดี ประเทศฝรั่งเศล(คศ.506) “ คริสเตียนไม่ควรมีส่วนในเทศกาลของชาวยิว“
สภา เทเลโด (ศตวรรษที่7) การเฉลิมฉลองเทสกาลอีสเตอร์ต้องใช้ช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในคำประกาศของไนเซีย
สงครามของเทศกาลปัสกาปรากฏชัดเจนในประวัติศาสตร์คริสตจักร สงครามต่อต้านเทศกาลปัสกาไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เราพบเห็นสิ่งเดียวกันนี้ในพระคัมภีร์ ซาตานพยายามขโมยเอาเทศกาลปัสกาไป เพราะมันรู้ว่าการเฉลิมฉลองพระโลหิตจะปลดปล่อยฤทธ์อำนาจ ให้มองดูว่าเกิดอะไรขึ้นในยุคสมัยของกษัตริย์เฮเซคียาห์
กษัตริย์เฮเซคียาห์ ทำในสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระเจ้า เขาซ่อมแซมและชำระพระวิหาร ทำลายปูชณียสถานสูง รื้อฟื้นการถวายเครื่องบูชา และการนมัสการพระเจ้าแบบดาวิด แล้วเฮเซคียาห์ส่งราชสารออกไปทั่วอิสราเอลและยูเดีย เชิญเขามาฉลองเทศกาลปัสกา
พระราชสารของพระองค์ไปทั่วอิสราเอลและยูเดีย “ ประชาชนอิสราเอลกลับมาหาพระเจ้า” พระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่เหนือประชากรของพระองค์ ให้เขามีใจเดียวกันที่จะทำตามพระบัญชาของกษัตริย์ ประชาชนกลุ่มใหญ่มาร่วมประชุมกันที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อการเฉลิมฉลอง เขาได้ฆ่าลูกแกะปัสกา ฉลองเทศกาลอยู่ 7 วัน ด้วยความชื่นชมยินดียิ่งนัก ขณะที่คนเลวีร้องเพลง เล่นเครื่องดนตรี สรรเสริญ พระเจ้าทุกวัน แล้วที่ประชุมก็เห็นพ้องต้องกันที่จะเฉลิมฉลองเทศกาลอีก 7 วัน
ดังนั้นจึงมีการฉลองด้วยความรื่นเริงยินดีอีก 7 วัน มีความยินดีเป็นอันมากในกรุงเยรูซาเล็ม เพราะว่าตั้งแต่สมัยกษัตริย์โซโลมอนมาก็ไม่มีการเฉลิมฉลองแบบนี้ในกรุงเยรู ซาเลยเลย ปุโรหิตและคนเลวียืนอวยพรประชาชน และพระเจ้าทรงฟังเพราะว่าคำอธิษฐานของเขาถึงฟ้าสวรรค์ที่ประทับอันบริสุทธิ์ ของพระองค์ ( อ่านดูใน 2 พศด 29-30 และ บทต่อมา)
สิ่งเดียวกันนี้ก็เกิดในสมัยของกษัตริย์โยสิยาห์เช่นกัน โยสิยาห์ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรพระเจ้า ในรัชสมัยของพระองค์ ปี่ที่18 ขณะที่กำลังซ่อมแซมพระวิหาร เขาพบหนังสือม้วนในพระวิหาร เมื่อกษัตริย์ได้ยินคำเกี่ยวกับหนังสือม้วน พระองค์ได้ฉีกฉลองพระองค์ออก พระองค์เสด็จขึ้นไปที่พระวิหารพร้อมกับข้าราชบริพารของพระองค์ พระองค์ทรงอ่านถ้อยคำแห่งพันธสัญญาในหนังสือม้วนให้ประชาชนฟัง แล้วประชาชนก็สาบานต่อหนังสือม้วนนั้น
กษัตริย์สั่งให้ประชาชนเอารูปเคารพ พระบาอัล รูปดวงดาวต่างๆที่กราบไห้ว ออกจากพระวิหาร พระองค์ทรงทำลายลานส่วนที่เป็นของโสเภณีชายที่อยู่ในพระวิหาร กษัตริย์ได้สั่งประชาชนทุกคน“ให้เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาแด่พระเจ้าผู้เป็นจอม เจ้านายของเจ้า ตามที่มีคำเขียนไว้ในหนังสือม้วน” ในปีที่ 18 ในรัชสมัยของกษัตริย์โยสิยาห์ เทศกาลปัสกาได้เฉลิมฉลองในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่ง ไม่เหมือนสมัยของผู้วินิฉัยที่ได้นำประชาชนอิสราเอล หรือ ตลอดสมัยของกษัตริย์อิสราเอลและยูดาห์ ที่ได้มีการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาแบบนี้ (ดูใน2 พกษ.22-23และ ต่อไป)
เราเห็นแบบแผนในพระคัมภีร์จากพระธรรมสองตอนนี้ที่คนของพระเจ้าได้เดินออกห่าง จากพระเจ้าสู่การไห้วรูปเคารพ พระพรของพระเจ้าก็หายไป แล้วเขาก็กลับมาหาพระเจ้าและแสวงหาพระองค์ และสิ่งแรกที่พระเจ้าทรงทำคือรื้อฟื้นเทศกาลปัสกา ขณะที่เขาหันจากการไหว้รูปเคารพของคนต่างชาติ กลับมาสู่
การเฉลิมฉลองปัสกา เขาก็ได้รับการรื้อฟื้นกลับมาหาพระเจ้า มีประสพการณ์ที่เต็มไปด้วยความยินดีและพระพร ช่างเป็นแบบแผนที่น่าสนใจยิ่งนัก ครั้งแล้วครั้งเล่าในพระคัมภีร์เราพบว่าเทศกาลปัสกาได้สูญหายไป แม้แต่ในยุคสมัยของพระคัมภีร์เดิมและแม้แต่ท่ามกลางชาวยิว คนรุ่นหนึ่งมีชีวิตและตายไปโดยปราศจากการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาเลย
ทำไมเทศกาลปัสกาได้สูญหายไป ก็เพราะว่าซาตานได้ขโมยมันไป ซาตานต้องการขโมยเทศกาลปัสกาไป
เมื่อคนรุ่นใหม่ได้กลับมาหาพระเจ้าและเริ่มที่จะอ่านพระคัมภีร์ เขาอ่านพบเทศกาลปัสกาเป็นครั้งแรก