เรื่องนี้พ่อผมเล่าให้ฟังอีกที สวนของครอบครัวผมเป็นสวนมะม่วงครับ แต่ต้นสองนางนี้เกิดที่สวนข้างๆกันของญาติเป็นสวนลิ้นจี่ สมัยก่อนมะม่วงกับลิ้นจี่ เค้าไม่ได้ใช้กิ่งตอน แต่ปลูกจากเมล็ดเอา ดังนั้นแต่ละต้นจริงสูงใหญ่ และต้นสองนางที่ว่านี้ก็เช่นกัน
ต้นลิ้นจี่สองนางนี้อยู่กลางสวนครับ อายุก็หลายปีแล้ว เป็นต้นสูงใหญ่ แต่ที่พิเศษคือลำต้นจะแยกออกเป็น2จากพื้นดินซึ่งคนเหนือจะเรื่องต้นไม้ลักษณะนี้ว่าต้นสองนาง เชื้อกันว่ามีรุกขเทพธิดาสถิตอยู่ ต้นนี้ก็เช่นกัน คือความพิเศษของมันผมฟังยังคิดว่าโม้ พ่อผมก็บอกว่าเรื่องนี้ได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆก็คงคิดว่าน่าจะใส่ไข่พอสมควร แต่พอไปถามคนเฒ่าคนแก่เค้าก็บอกเหมือนกันว่ามีจริง
คือต้นลิ้นจี่ เวลาจะขึ้นไปเก็บต้องปีนขึ้นไปเพราะมันสูง แต่ต้นสองนางนี้ห้ามปีน ถ้าปีนจะเจ็บป่วยไม่สบาย หากจะเอาลูกลิ้นจี่ให้จุดธุปขอแล้วลูกจะตกลงมาเอง ซึ่งลิ้นจี่ที่ตกลงมาไม่ได้ใกล้เน่าแบบต้นลิ้นจี่ร่วงปกติ แต่เป็นลิ้นจี่สุกพร้อมทาน และบริเวณรอบๆต้น ไม่มีเศษใบไม้ร่วงเลยและหญ้าก็ไม่ขึ้น แต่เป็นลานดินโล่งๆมีหญ้าขึ้นเล็กน้อย ไม่สั้นไม่ยาวไปกว่านี้
ปกติสวนแบบนี้เวลาที่ผลออกจะมีการจ้างคนไปนอนเฝ้าสวนครับ เพราะกลางคืนจะมีคนแอบมาขโมยได้ คนเฝ้าก็เป็นคนแถวๆบ้านนี่แหละ ซึ่งคนเฝ้ามักจะมาบอกว่าเห็นผีสองนางบ่อยๆโดยเฉพาะคืนเดือนแจ้ง พวกนางจะออกมาเล่นแสงเดือน ผีสองนางนั้นสวยทั้งคู่ครับ แต่คนเล่าจำหน้าไม่ได้ แต่รู้ว่าสวยจนเคลิ้มเลยทีเดียว บางวันนางทั้งคู่ก็ออกมาหยอกล้อเล่นกัน บ้างก็ออกมาหวีผมให้กัน พูดคุยหลอกล้อทำนองชู้สาว หรือบางทีก็พากันไปอาบน้ำที่ลำเหมืองที่ผ่านสวนครับ มีคนนอกพวกคนหาปลาไปเจอ ถ้านางจับได้ว่าถูกมองอยู่ ก็ถึงกับจับไข้ต้องไปขอขมา หรือบางที่คนพวกนี้ก้ได้ยินเสียงหรือเราะคิกคักสนุกสนานดังออกมาจากในสวน
ช่วงเวลาแห่งความสุขของนางทั้งสองคนก้ผ่านไปจนวันหนึ่ง ด้วยบุยกรรมให้ทั้งคู่ต้องพลัดพราก มีวันหนึ่งฝนตกลมแรง ฟ้าได้ผ่าโดนต้นลิ้นจี่สองนางต้นหนึ่ง เสียงดังสนั่น รุ่งเช้าชาวบ้านไปดูปรากฏว่าต้นลิ้นจี่ต้นหนึ่งถูกฟ้าผ่าขาดแยกออกจากกันเป็น2จนถึงโคน ส่วนอีกต้นไม่เป็นอะไร ซึ่งเจ้าของสวนก็ไม่ได้ทำอะไรปล่อยให้เป็นไปตามนั้นเพราะถือว่าไม้ที่โดนฟ้าผ่ามันขึดเป็นกาลกินี แต่ตั้งแต่นั้น ช่วงค่ำคืนเสียงที่ออกมาแทนที่จะเป็นเสียงหัวเราะ กลับเป็นเสียงร้องไห้คร่ำครวญของผู้หญิง คืนแล้วคืนเล่า จนชาวบ้านและเจ้าของสวนไปนินมต์พระมา พระก็นั่งหนักดู ท่านบอกว่าต้นลิ้นจี่สองนางนี้ เป็นเทพธิดานางไม้มาสถิตอยู่ ด้วยบุญกรรมในอดีต ทั้งคู่เป็นหญิงแต่ถูกกีดดัน ไม่แน่ใจว่าเป็นพี่น้องกันด้วยหรือเปล่า แต่ทั้งคู่รักกันมากและรักแบบชู้สาว ไม่ไม่สมหวังจึงตรอมใจตายเวลาไล่เลี่ยกัน ด้วยบุญกรรมจึงมาเกิดเป็นนางไม้คู่กัน แต่เมื่ออีกฝ่ายหมดบุญจึงเคลื่อนไปจุติ จึงเป็นเหตุให้ฟ้าผ่าอีกต้นให้ตาย แต่อีกต้นยังไม่หมดบุญจึงยังไม่ตาย
แต่นางไม้อีกต้นที่เหลือนั้นโศกเศร้าจึงร้องไห้รบกวน พระท่านจึงบอกให้ทำพิธีบังสุกุลให้แล้วตัดต้นลิ้นจี่ที่เหลือและอีกต้นที่ตายแล้วลง นำมาเป็นฟืนเพื่อใช้ในงานของวัด เพื่อเป็นกุศลให้นางไม้อีกคนไปจุติตามบุญกรรมของตน
(เรื่องเล่า) ผีสองนางที่สวนข้างบ้าน (Yuri)
ต้นลิ้นจี่สองนางนี้อยู่กลางสวนครับ อายุก็หลายปีแล้ว เป็นต้นสูงใหญ่ แต่ที่พิเศษคือลำต้นจะแยกออกเป็น2จากพื้นดินซึ่งคนเหนือจะเรื่องต้นไม้ลักษณะนี้ว่าต้นสองนาง เชื้อกันว่ามีรุกขเทพธิดาสถิตอยู่ ต้นนี้ก็เช่นกัน คือความพิเศษของมันผมฟังยังคิดว่าโม้ พ่อผมก็บอกว่าเรื่องนี้ได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆก็คงคิดว่าน่าจะใส่ไข่พอสมควร แต่พอไปถามคนเฒ่าคนแก่เค้าก็บอกเหมือนกันว่ามีจริง
คือต้นลิ้นจี่ เวลาจะขึ้นไปเก็บต้องปีนขึ้นไปเพราะมันสูง แต่ต้นสองนางนี้ห้ามปีน ถ้าปีนจะเจ็บป่วยไม่สบาย หากจะเอาลูกลิ้นจี่ให้จุดธุปขอแล้วลูกจะตกลงมาเอง ซึ่งลิ้นจี่ที่ตกลงมาไม่ได้ใกล้เน่าแบบต้นลิ้นจี่ร่วงปกติ แต่เป็นลิ้นจี่สุกพร้อมทาน และบริเวณรอบๆต้น ไม่มีเศษใบไม้ร่วงเลยและหญ้าก็ไม่ขึ้น แต่เป็นลานดินโล่งๆมีหญ้าขึ้นเล็กน้อย ไม่สั้นไม่ยาวไปกว่านี้
ปกติสวนแบบนี้เวลาที่ผลออกจะมีการจ้างคนไปนอนเฝ้าสวนครับ เพราะกลางคืนจะมีคนแอบมาขโมยได้ คนเฝ้าก็เป็นคนแถวๆบ้านนี่แหละ ซึ่งคนเฝ้ามักจะมาบอกว่าเห็นผีสองนางบ่อยๆโดยเฉพาะคืนเดือนแจ้ง พวกนางจะออกมาเล่นแสงเดือน ผีสองนางนั้นสวยทั้งคู่ครับ แต่คนเล่าจำหน้าไม่ได้ แต่รู้ว่าสวยจนเคลิ้มเลยทีเดียว บางวันนางทั้งคู่ก็ออกมาหยอกล้อเล่นกัน บ้างก็ออกมาหวีผมให้กัน พูดคุยหลอกล้อทำนองชู้สาว หรือบางทีก็พากันไปอาบน้ำที่ลำเหมืองที่ผ่านสวนครับ มีคนนอกพวกคนหาปลาไปเจอ ถ้านางจับได้ว่าถูกมองอยู่ ก็ถึงกับจับไข้ต้องไปขอขมา หรือบางที่คนพวกนี้ก้ได้ยินเสียงหรือเราะคิกคักสนุกสนานดังออกมาจากในสวน
ช่วงเวลาแห่งความสุขของนางทั้งสองคนก้ผ่านไปจนวันหนึ่ง ด้วยบุยกรรมให้ทั้งคู่ต้องพลัดพราก มีวันหนึ่งฝนตกลมแรง ฟ้าได้ผ่าโดนต้นลิ้นจี่สองนางต้นหนึ่ง เสียงดังสนั่น รุ่งเช้าชาวบ้านไปดูปรากฏว่าต้นลิ้นจี่ต้นหนึ่งถูกฟ้าผ่าขาดแยกออกจากกันเป็น2จนถึงโคน ส่วนอีกต้นไม่เป็นอะไร ซึ่งเจ้าของสวนก็ไม่ได้ทำอะไรปล่อยให้เป็นไปตามนั้นเพราะถือว่าไม้ที่โดนฟ้าผ่ามันขึดเป็นกาลกินี แต่ตั้งแต่นั้น ช่วงค่ำคืนเสียงที่ออกมาแทนที่จะเป็นเสียงหัวเราะ กลับเป็นเสียงร้องไห้คร่ำครวญของผู้หญิง คืนแล้วคืนเล่า จนชาวบ้านและเจ้าของสวนไปนินมต์พระมา พระก็นั่งหนักดู ท่านบอกว่าต้นลิ้นจี่สองนางนี้ เป็นเทพธิดานางไม้มาสถิตอยู่ ด้วยบุญกรรมในอดีต ทั้งคู่เป็นหญิงแต่ถูกกีดดัน ไม่แน่ใจว่าเป็นพี่น้องกันด้วยหรือเปล่า แต่ทั้งคู่รักกันมากและรักแบบชู้สาว ไม่ไม่สมหวังจึงตรอมใจตายเวลาไล่เลี่ยกัน ด้วยบุญกรรมจึงมาเกิดเป็นนางไม้คู่กัน แต่เมื่ออีกฝ่ายหมดบุญจึงเคลื่อนไปจุติ จึงเป็นเหตุให้ฟ้าผ่าอีกต้นให้ตาย แต่อีกต้นยังไม่หมดบุญจึงยังไม่ตาย
แต่นางไม้อีกต้นที่เหลือนั้นโศกเศร้าจึงร้องไห้รบกวน พระท่านจึงบอกให้ทำพิธีบังสุกุลให้แล้วตัดต้นลิ้นจี่ที่เหลือและอีกต้นที่ตายแล้วลง นำมาเป็นฟืนเพื่อใช้ในงานของวัด เพื่อเป็นกุศลให้นางไม้อีกคนไปจุติตามบุญกรรมของตน