คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 20
งานมีหลายแบบครับ
อายุ 34 ไม่ใช่ปัญหาว่าจะแก่เกินไปที่จะเริ่มอะไรใหม่ๆ
คุณอาจทำบางอย่างได้ดี แต่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ชอบ
หรือคุณพยายามเดิมตามสิ่งที่ชอบ ทั้งๆ ที่ทำได้ไม่ดี
ต้องเลือกตรงนี้ก่อนมากกว่านะครับ
โดยประสบการณ์ผม ตอนทำงานใหม่ๆ ผมพยายามทำในสิ่งที่ชอบ แต่มันออกมาได้ไม่ดีเอาเสียเลย
จนวันหนึ่ง เจอผู้ใหญ่ที่เราเคารพท่านหนึ่ง เขาก็ไม่ได้สอนอะไรหรอก แค่เขากำลังทำอยู่ในสิ่งเดียวกันกับที่ผมชอบ ก็เลยติดตามดู
จนผมได้พบว่า สิ่งที่เขาทำอยู่นั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่เขาชอบเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดี ก็เลยทำมาเป็นหลักจนร่ำรวยประสบความสำเร็จ
และก็ปันเอารายได้จากตรงนั้น ไปทำในสิ่งที่เขาชอบ ได้บ้างเจ๊งบ้าง แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร และก็เลี้ยงดูทีมงานตรงนั้นเป็นอย่างดี ไม่น้อยหน้าทีมงานที่ทำให้เขาร่ำรวย
แล้วผมก็ได้คำตอบว่า ก่อนที่เราจะทำในสิ่งที่ชอบได้นั้น เราต้องประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีก่อน แล้วทีนี้เราจะทำอะไร มันก็ไม่เดือดร้อนแล้ว
ของน้องก็เช่นกัน(ผมขอเรียกน้องแล้วกันนะ) 34 ยังเพิ่งเริ่มครับ ใจเย็นๆ เรายังอาจค้นไม่พบตรงนั้น
แต่ผมกำลังจะบอกความเข้าใจผิดอะไรให้ฟังนะครับ
1. MKT เก่งๆ บ.ใหญ่ๆ บริหารตลาด Size ระดับ ร้อยล้านพันล้านหลายคน มนุษยสัมพันธ์ไม่ดีมีเยอะครับ (อาศัยคนเข้าหา และ ทำเป็น)
2. น้องอย่าคิดว่าการทำมาค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องใช้มนุษยสัมพันธ์นะครับ ดีไม่ดี คนขายหมูปิ้ง ต้องสัมพันธ์ดีกว่าผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบ.ยักษ์ใหญ่เสียอีก
3. ทุกอย่าง อยู่ที่เราทำเป็นหรือไม่ครับ ศึกษาสิ่งที่เรากำลังจะทำให้ดีๆ อันนี้สำคัญมาก ผมเคยทำงานกับผจก. MKT บ. สื่อสารใหญ่อันดับ 3 ของโลก วันๆ พูดแค่ไม่กี่คำ ที่เหลือคนอื่นเข้าหาหมด
4. ทำอะไร อย่าไปกังวลครับ เดินหน้าไปให้เต็มที่ แต่ขอให้เดินแบบรอบคอบครับ
ค่อยๆ ครับ อย่าคิดว่าชีวิตหมดโอกาส บางที ผมว่า ลองหาเวลาไปร้านคาราโอเกะ แบบประเภทไมค์ไปโต๊ะโน้นที โต๊ะนี้ที มันอาจช่วยให้อะไรบางอย่างดีขึ้นครับ
อันนี้พูดจริงนะ
อายุ 34 ไม่ใช่ปัญหาว่าจะแก่เกินไปที่จะเริ่มอะไรใหม่ๆ
คุณอาจทำบางอย่างได้ดี แต่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ชอบ
หรือคุณพยายามเดิมตามสิ่งที่ชอบ ทั้งๆ ที่ทำได้ไม่ดี
ต้องเลือกตรงนี้ก่อนมากกว่านะครับ
โดยประสบการณ์ผม ตอนทำงานใหม่ๆ ผมพยายามทำในสิ่งที่ชอบ แต่มันออกมาได้ไม่ดีเอาเสียเลย
จนวันหนึ่ง เจอผู้ใหญ่ที่เราเคารพท่านหนึ่ง เขาก็ไม่ได้สอนอะไรหรอก แค่เขากำลังทำอยู่ในสิ่งเดียวกันกับที่ผมชอบ ก็เลยติดตามดู
จนผมได้พบว่า สิ่งที่เขาทำอยู่นั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่เขาชอบเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดี ก็เลยทำมาเป็นหลักจนร่ำรวยประสบความสำเร็จ
และก็ปันเอารายได้จากตรงนั้น ไปทำในสิ่งที่เขาชอบ ได้บ้างเจ๊งบ้าง แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร และก็เลี้ยงดูทีมงานตรงนั้นเป็นอย่างดี ไม่น้อยหน้าทีมงานที่ทำให้เขาร่ำรวย
แล้วผมก็ได้คำตอบว่า ก่อนที่เราจะทำในสิ่งที่ชอบได้นั้น เราต้องประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีก่อน แล้วทีนี้เราจะทำอะไร มันก็ไม่เดือดร้อนแล้ว
ของน้องก็เช่นกัน(ผมขอเรียกน้องแล้วกันนะ) 34 ยังเพิ่งเริ่มครับ ใจเย็นๆ เรายังอาจค้นไม่พบตรงนั้น
แต่ผมกำลังจะบอกความเข้าใจผิดอะไรให้ฟังนะครับ
1. MKT เก่งๆ บ.ใหญ่ๆ บริหารตลาด Size ระดับ ร้อยล้านพันล้านหลายคน มนุษยสัมพันธ์ไม่ดีมีเยอะครับ (อาศัยคนเข้าหา และ ทำเป็น)
2. น้องอย่าคิดว่าการทำมาค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องใช้มนุษยสัมพันธ์นะครับ ดีไม่ดี คนขายหมูปิ้ง ต้องสัมพันธ์ดีกว่าผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบ.ยักษ์ใหญ่เสียอีก
3. ทุกอย่าง อยู่ที่เราทำเป็นหรือไม่ครับ ศึกษาสิ่งที่เรากำลังจะทำให้ดีๆ อันนี้สำคัญมาก ผมเคยทำงานกับผจก. MKT บ. สื่อสารใหญ่อันดับ 3 ของโลก วันๆ พูดแค่ไม่กี่คำ ที่เหลือคนอื่นเข้าหาหมด
4. ทำอะไร อย่าไปกังวลครับ เดินหน้าไปให้เต็มที่ แต่ขอให้เดินแบบรอบคอบครับ
ค่อยๆ ครับ อย่าคิดว่าชีวิตหมดโอกาส บางที ผมว่า ลองหาเวลาไปร้านคาราโอเกะ แบบประเภทไมค์ไปโต๊ะโน้นที โต๊ะนี้ที มันอาจช่วยให้อะไรบางอย่างดีขึ้นครับ
อันนี้พูดจริงนะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ผมก็เป็นอีกคนที่เหมือน จขกท คือไม่ถนัดเข้าสังคม พูดน้อยมาก
แต่ก็มาทำงานเป็นเซลส์
แต่ผมเป็นคนรู้จักปรับตัว ไอจุดยืนบ้าๆที่มันทำให้เราไม่เจริญ ผมไม่เอาครับ ไม่รู้จริงๆว่าจะเก็บจุดยืนแบบนี้เอาไว้ทำไม
ถามว่าผมสนุกกับงานไหม ผมสนุกนะ แม้จะไม่ใช่ตัวเรา
เพราะผมมีมุมมองของผม 2อย่าง
1. ชอบเอาชนะ ทำทุกอย่างแล้วต้องทำให้ดี ทำให้ผมได้ศึกษาหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้น ทั้งแนวคิด วิธีการต่างๆ สังคมที่เราไม่เคยเจอ คนเรามีอะไรให้น่าศึกษาอีกเยอะ
2. เพื่อเงิน ยิ่งขายได้ ยิ่งได้เงินเยอะ
บางช่วงต้องเจอลูกค้าทั้งวันหลายวันติด กลับบ้านนี่อ้วกเลยนะแบบว่าเมื่อยปาก ระบบอะไรในท้องในลำคอผิดเพี้ยนไปเพราะพูดติดกันหลายวัน ทั้งๆที่ตลอดมาแทบไม่พูดถ้าไม่จำเป็น
ก็ได้พิสูจน์ตัวเอง ทำงานบริษัทต่างชาติ เคยได้ท๊อปเซลส์ของบริษัทบ้าง ผมพอใจแล้ว ตอนนี้ออกมาดูแลกิจการที่บ้าน มีสกิลจากตอนทำงานติดตัวมาด้วย มันได้อะไรเยอะแยะครับ
ทำให้ผมมองกลับไป ถ้าสมัยก่อนผมคิดแบบคนขี้แพ้ ชีวิตนี้ผมคงไม่เห็นอะไรดีๆอีกเยอะ
แต่ก็มาทำงานเป็นเซลส์
แต่ผมเป็นคนรู้จักปรับตัว ไอจุดยืนบ้าๆที่มันทำให้เราไม่เจริญ ผมไม่เอาครับ ไม่รู้จริงๆว่าจะเก็บจุดยืนแบบนี้เอาไว้ทำไม
ถามว่าผมสนุกกับงานไหม ผมสนุกนะ แม้จะไม่ใช่ตัวเรา
เพราะผมมีมุมมองของผม 2อย่าง
1. ชอบเอาชนะ ทำทุกอย่างแล้วต้องทำให้ดี ทำให้ผมได้ศึกษาหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้น ทั้งแนวคิด วิธีการต่างๆ สังคมที่เราไม่เคยเจอ คนเรามีอะไรให้น่าศึกษาอีกเยอะ
2. เพื่อเงิน ยิ่งขายได้ ยิ่งได้เงินเยอะ
บางช่วงต้องเจอลูกค้าทั้งวันหลายวันติด กลับบ้านนี่อ้วกเลยนะแบบว่าเมื่อยปาก ระบบอะไรในท้องในลำคอผิดเพี้ยนไปเพราะพูดติดกันหลายวัน ทั้งๆที่ตลอดมาแทบไม่พูดถ้าไม่จำเป็น
ก็ได้พิสูจน์ตัวเอง ทำงานบริษัทต่างชาติ เคยได้ท๊อปเซลส์ของบริษัทบ้าง ผมพอใจแล้ว ตอนนี้ออกมาดูแลกิจการที่บ้าน มีสกิลจากตอนทำงานติดตัวมาด้วย มันได้อะไรเยอะแยะครับ
ทำให้ผมมองกลับไป ถ้าสมัยก่อนผมคิดแบบคนขี้แพ้ ชีวิตนี้ผมคงไม่เห็นอะไรดีๆอีกเยอะ
ความคิดเห็นที่ 8
คุณยังไม่เคย challenge ตัวเองจนถึงขีดสูงสุด
มันมีตั้งมากมายหลายล้านวิธีการ ที่คุณจะทำงานของคุณให้บรรลุเป้าหมายได้
คำว่าเป็น "คนเงียบๆ " มันใช้ไม่ได้กับทุกๆ เรื่อง คุณเคยได้ยินเรื่อง "หมวก" หรือบทบาทหน้าที่ไม๊ ทำไม คนเป็นพ่อ - แม่ ปฏิบัติกับเรา
อย่างหนึ่ง แต่เมื่อ ปฏิบัติต่อ พ่อ- แม่ของ เค้า ก็เลือกปฏิบัติ อีกอย่างหนึ่งได้
คุณกำลังเอา "หมวก" ใบเดียวของคุณ มาเป็นข้ออ้างในการใช้ชีวิต เพื่อจะไม่ปรับตัวเข้ากับอะไรเลย เพราะคุณ มีหมวกแค่ใบเดียว
แยกให้ ออก ว่า คุณมีหมวกใบเดียว หรือ คุณอยากแค่สวมหมวกใบเดียว
คำถามคือ คุณรักงานที่คุณทำอยู่หรือไม่ ถ้าคุณชอบงานนี้ คุณจะหาทางที่จะทำมัน ด้วยทุกๆ วิธีการ ที่นึกได้
แต่ถ้าคุณไม่มีมันในใจเลย ก็อย่าทำต่อไปเลย
มันเสียเวลามากๆ สู้เราเอาเวลานี้มองหาสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ จะดีกว่า
เป็นกำลังใจให้นะคะ
มันมีตั้งมากมายหลายล้านวิธีการ ที่คุณจะทำงานของคุณให้บรรลุเป้าหมายได้
คำว่าเป็น "คนเงียบๆ " มันใช้ไม่ได้กับทุกๆ เรื่อง คุณเคยได้ยินเรื่อง "หมวก" หรือบทบาทหน้าที่ไม๊ ทำไม คนเป็นพ่อ - แม่ ปฏิบัติกับเรา
อย่างหนึ่ง แต่เมื่อ ปฏิบัติต่อ พ่อ- แม่ของ เค้า ก็เลือกปฏิบัติ อีกอย่างหนึ่งได้
คุณกำลังเอา "หมวก" ใบเดียวของคุณ มาเป็นข้ออ้างในการใช้ชีวิต เพื่อจะไม่ปรับตัวเข้ากับอะไรเลย เพราะคุณ มีหมวกแค่ใบเดียว
แยกให้ ออก ว่า คุณมีหมวกใบเดียว หรือ คุณอยากแค่สวมหมวกใบเดียว
คำถามคือ คุณรักงานที่คุณทำอยู่หรือไม่ ถ้าคุณชอบงานนี้ คุณจะหาทางที่จะทำมัน ด้วยทุกๆ วิธีการ ที่นึกได้
แต่ถ้าคุณไม่มีมันในใจเลย ก็อย่าทำต่อไปเลย
มันเสียเวลามากๆ สู้เราเอาเวลานี้มองหาสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ จะดีกว่า
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ความคิดเห็นที่ 42
สวัสดีครับ ความคิดเห็นที่ 39
คนเงียบ ๆ พวกโลกส่วนตัวสูง
ตอบตามความจริงอย่าโกรธกันนะครับ
คนพวกนี้จะพูดเก่งในโลกอินเตอร์เน็ต แต่ในโลกความจริงเหมือนคนเป็นใบ้ บางคนไม่สบตาผู้คน เก็บตัว กลัวที่จะพบปะพูดคุย
ผมก็เป็นแบบนั้น พูดมากเฉพาะในเน็ต ... แต่ในชีวิตจริงไม่กล้าพูดหรอกครับ
ผมว่าใน Pantip หรือ social network มีคนแบบนี้เยอะครับ ... พวกเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่พูดจากับใคร แต่ มีโลก Online เป็นที่ปลดปล่อย
- บางคนใช้ NET ปลดปล่อยความเป็นตัวเองลึก ๆ (แสดงว่าจริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นคนเก็บตัว แต่ เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ไม่ค่อยพูดในชีวิตจริง)
- บางคนใช้ Net เพื่อสร้างโลกที่ต่างจากตัวเอง บางคนไม่มีความรู้ แต่ พยายามสร้างตัวตนใน Net ว่าเป็น Guru .. บางคนไม่ชอบทำบุญแต่ใน net ชอบแสดงว่าเป็น คนธรรมะ ธรรมโม เป็นต้น
- บางคนใช้ Net เพื่อต้องการให้คนอื่นยอมรับ ทั้งที่ในชีวิตจริง เป็น Loser ... พยายามมีตัวตนในโลก internet เพื่อให้คนยอมรับ เพื่อความมีชื่อเสียง ทั้งด้านดี และ ไม่ดี เช่น บางคนสร้างเพจเกรียน ๆ เพื่อมากลบปมด้อยตัวเอง
คนเงียบ ๆ พวกโลกส่วนตัวสูง
ตอบตามความจริงอย่าโกรธกันนะครับ
คนพวกนี้จะพูดเก่งในโลกอินเตอร์เน็ต แต่ในโลกความจริงเหมือนคนเป็นใบ้ บางคนไม่สบตาผู้คน เก็บตัว กลัวที่จะพบปะพูดคุย
ผมก็เป็นแบบนั้น พูดมากเฉพาะในเน็ต ... แต่ในชีวิตจริงไม่กล้าพูดหรอกครับ
ผมว่าใน Pantip หรือ social network มีคนแบบนี้เยอะครับ ... พวกเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่พูดจากับใคร แต่ มีโลก Online เป็นที่ปลดปล่อย
- บางคนใช้ NET ปลดปล่อยความเป็นตัวเองลึก ๆ (แสดงว่าจริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นคนเก็บตัว แต่ เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ไม่ค่อยพูดในชีวิตจริง)
- บางคนใช้ Net เพื่อสร้างโลกที่ต่างจากตัวเอง บางคนไม่มีความรู้ แต่ พยายามสร้างตัวตนใน Net ว่าเป็น Guru .. บางคนไม่ชอบทำบุญแต่ใน net ชอบแสดงว่าเป็น คนธรรมะ ธรรมโม เป็นต้น
- บางคนใช้ Net เพื่อต้องการให้คนอื่นยอมรับ ทั้งที่ในชีวิตจริง เป็น Loser ... พยายามมีตัวตนในโลก internet เพื่อให้คนยอมรับ เพื่อความมีชื่อเสียง ทั้งด้านดี และ ไม่ดี เช่น บางคนสร้างเพจเกรียน ๆ เพื่อมากลบปมด้อยตัวเอง
แสดงความคิดเห็น
สงสัยจะไปไม่รอด ... คนนิสัยเงียบ ๆ ไม่ชอบเข้าสังคม แต่ ต้องมาทำงานที่ต้องเข้าสังคม
ผมอ่านทุกข้อความ ทุกตัวอักษร แต่ ไม่ได้ตอบกลับทุกคน เพราะเยอะมาก
จากนี้ผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นยังไง จะยังทำ Marketing ที่นี่อยู่ หรือ ถ้าไม่ผ่านต้องออกไปค้าขาย
ไม่ว่าชีวิตจะเดินไปทางใหน ผมจะไม่ท้อครับ ... จะนำคำแนะนำของทุกท่านเป็นแนวทาง
ขอบคุณจริง ๆ ครับ
เป็นคนเงียบ ๆ เข้าสังคมไม่เป็น แต่ต้องมาทำงาน Marketing
ซึ่งต้องพบปะพูดคุยเยอะ ตอนนี้กำลังจะแย่ กลัวว่าจะไม่ผ่านโปร
เพราะเริ่มมีสัญญาณเตือนจากเพื่อนร่วมงานแล้วว่า ระวังจะไม่ผ่านโปร ถ้ามนุษย์สัมพันธ์ไม่ได้ขึ้น
เรื่องงานไม่มีปัญหาอะไร เวลาทำงาน ก็จะนั่งทำแต่งานของตัวเอง ไม่ค่อยลุกไปคุยกับคนอื่น
แต่ เจอเพื่อนร่วมงาน ก็ ทักทาย คำสองคำ ไปกินข้าวด้วยกันตอนเที่ยงบ้าง แต่ ก็ไม่ค่อยพูดอะไร
ผมเป็นคนพูดเปิดก่อนไม่เป็น แต่ ถ้าคนอื่นพูดเปิดประเด็นก่อนก็จะพูดได้เรื่อย ๆ
... บุคลิกขัดแย้งกับการเป็น Marketing มาก ๆ ผมก็รู้ตัวดี แต่ เปลี่ยนแปลงยากจริง ๆ
เพราะเคยทำงานที่อื่น ก็มีปัญหาเรื่อง มนุษย์สัมพันธ์ จนทำให้ต้องออกจากงานมาแล้ว ... เขาไม่ได้ให้ออก แต่ ออกเอง เพราะรู้ตัวว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้
แต่ที่ยัง สมัครมาเป็น พนักงาน Ofifice อีกเพราะไม่มีทางเลือก ตอนนั้นเหลือเงินก้อนสุดท้าย 2000 บาท ถ้าหมดก็ตาย
อายุก็มากแล้ว 34 แล้ว ถ้าไม่ผ่านคงไปทำงานที่ใหนไม่ได้อีก ... เพราะบุคลิกเงียบ ๆ มันเปลี่ยนไม่ได้จริง ๆ เป็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ
พยายามลองพูดลองคุยมากขึ้น แต่ไม่ได้ผล การเป็นเราฝืน คนเขาก็ดูออกว่า เสแสร้ง มันไม่ใช่ตัวเรา
ตอนนี้เครียดแต่พยายามมองในแง่ดีว่า ... จะทำให้ถึงที่สุด จะพยายามเป็นมิตรกับทุกคนให้มากทีสุด ถ้าไม่ใหวจริง ๆ
ก็ยังพอมีเงิน 20000 - 30000 น่าจะพอค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ จะเป็นหมูปิ้งหรืออะไรก็ว่าไป
มันมีแค่นั้นแหละครับ ถ้าไม่ผ่านโปร คงหามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว จริงอยู่ที่มันน้อยเกินไปที่จะเริ่มธุรกิจ แต่ทำไงได้ ก็มีเท่านี้จริง ๆ
ก็คงต้องสู้แหละครับ
บางทีการเป็นพ่อค้าอาจจะเหมาะกับผมมาก กว่า พนักงาน Office ที่ต้องพบปะผู้คนเยอะ ก็ได้
จริงอยู่ที่พ่อค้าก็ต้องพบปะผู้คน ... แต่ก็ไม่จำเป็นต้องพบ ต้องเจอกันทุกวัน ไม่ต้องมีเพื่อนร่วมงาน มีเจ้านายมากดดัน จริงเปล่าล่ะ
อีกอย่างนึง ผมไม่รู้สึก เขอะเขินเวลา พูดขายของเรียกลูกค้า เช่น" เชิญครับพี่ มีอะไรสอบถามได้ครับ"
และยินดีตอบคำถามลูกค้า อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย รำคาญ แม้ต้องพูดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ
ผมว่า ไม่แน่ ผมอาจจะเหมาะกับการค้าขายก็ได้
กระทู้นี้ผมอาจแค่มาบ่นเฉย ... เพราะใจจริงก็อยากสู้กับการเป็น พนักงาน ofifice อยู่ ... แต่อย่างที่บอกว่าถ้าไม่ไหวจริง ๆ
ไม่ผ่านโปรจริง ๆ ผมคงต้อง ออกมาค้าขาย และ คงไม่กลับเข้าไปทำงาน Ofifice อีกแล้ว ... เพราะก็ต้องเจอปัญหาเดิม ๆ อีก คือเข้ากับคนไม่ได้
เพราะงั้นทำงานที่ไหนก็ไม่ได้ นอกจากทำงานของตัวเอง
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ