X + Y
เป็นหนังว่าด้วยเรื่องของเด็กพิเศษที่เป็นเด็กอัจฉริยะ แต่บกพร่องทางด้านการแสดงอารมณ์และการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
นาธานเด็กอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ที่ไม่ชอบแม่ เพราะเห็นว่าฉลาดไม่พอที่จะเข้าใจในตัวเขา แต่ในขณะเดียวกันแม่ของนาธาน จูลี่เองก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ความสัมพันธ์ตัวเองกับลูกดีขึ้น หลังจากที่พ่อของนาธานเสียไป
หนังพยายามบอกให้เราเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเด็กพิเศษส่วนหนึ่งที่มีความเป็นอัจฉริยะทางด้านใดด้านหนึ่ง แต่มักจะมีความบกพร่องทางด้านการเข้าสังคมและปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น จนทำให้สังคมส่วนหนึ่งมองพวกเขาเป็นตัวประหลาด
อีกทั้ง หนังพยายามพูดถึงเรื่อง “ตรรกะ” กับ “ความรู้สึก” ซึ่งดูเหมือนอยู่กันคนละขั้ว แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ในชีวิตของคนๆนึงนั้น เราเองก็ต้องดำรงชีวิตอยู่กับทั้งสองอย่างนี้
นาธานที่ชอบความมีระเบียบแบบแผนและความเป็นเหตุเป็นผล จึงทำให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งกับแม่ จูลี่ที่พยายามสร้างความสัมพันธ์และความรู้สึกที่ดีให้กับลูก แต่นาธานก็ไม่เข้าใจจนกระทั่งมีจางเม่ยเข้ามาในชีวิต
ส่วนตัวแล้วชอบหนังเรื่องนี้มาก เป็นหนังฟิลกู้ดที่สามารถเรียกน้ำตาเราได้ตั้งแต่ประโยคเปิดเรื่อง แม้จะไม่ได้ไหลพรั่งพรูแต่ก็น้ำตาคลอได้ (ส่วนตัวเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของคนที่อยากจะพูด แต่พูดไม่ได้ดี)
และการเล่าเรื่องนี้สำหรับเรามันสมูธมากจนทำให้เราไม่เวลาแว๊บไปคิดเรื่องอื่นๆได้ เราอินไปเกือบทุกซีน ทุกฉาก นักแสดง Asa Butterfield ที่เล่นเป็น นาธาน ก็เล่นได้ดี เขาสามารถเล่นจนเราเชื่อได้ว่าเขามีความพิเศษจริงๆ สำหรับ Sally Hawkins ที่เล่นเป็นจูลี่ เป็นแม่ของนาธาน ก็เล่นได้เป็นธรรมชาติดี
ฉากที่ชอบที่สุดก็เห็นเป็นตอนท้ายเรื่อง ตอนพีคสุดของหนัง นั่นเล่นเรากลั่นน้ำตาไม่ได้จริงๆ เป็นฉากที่นาธานไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง และได้เปิดใจคุยกับแม่อย่างตรงไปตรงมา และทำให้นาธานกับแม่เข้าใจมากขึ้น... (แค่พิมพ์และนึกถึงฉากนั้นน้ำตาก็คลอแล้วคร๊าบบบ...)
เป็นหนังอีกเรื่องที่ทำให้เราตกอยู่ในภวังค์ และภาพหลายๆภาพที่ปรากฎในจอยังติดอยู่ในหัวเราตั้งแต่ออกจากโรงมาจนถึงที่พิมพ์นี้กันเลยทีเดียว...
[CR] X + Y
เป็นหนังว่าด้วยเรื่องของเด็กพิเศษที่เป็นเด็กอัจฉริยะ แต่บกพร่องทางด้านการแสดงอารมณ์และการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
นาธานเด็กอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ที่ไม่ชอบแม่ เพราะเห็นว่าฉลาดไม่พอที่จะเข้าใจในตัวเขา แต่ในขณะเดียวกันแม่ของนาธาน จูลี่เองก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ความสัมพันธ์ตัวเองกับลูกดีขึ้น หลังจากที่พ่อของนาธานเสียไป
หนังพยายามบอกให้เราเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเด็กพิเศษส่วนหนึ่งที่มีความเป็นอัจฉริยะทางด้านใดด้านหนึ่ง แต่มักจะมีความบกพร่องทางด้านการเข้าสังคมและปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น จนทำให้สังคมส่วนหนึ่งมองพวกเขาเป็นตัวประหลาด
อีกทั้ง หนังพยายามพูดถึงเรื่อง “ตรรกะ” กับ “ความรู้สึก” ซึ่งดูเหมือนอยู่กันคนละขั้ว แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ในชีวิตของคนๆนึงนั้น เราเองก็ต้องดำรงชีวิตอยู่กับทั้งสองอย่างนี้
นาธานที่ชอบความมีระเบียบแบบแผนและความเป็นเหตุเป็นผล จึงทำให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งกับแม่ จูลี่ที่พยายามสร้างความสัมพันธ์และความรู้สึกที่ดีให้กับลูก แต่นาธานก็ไม่เข้าใจจนกระทั่งมีจางเม่ยเข้ามาในชีวิต
ส่วนตัวแล้วชอบหนังเรื่องนี้มาก เป็นหนังฟิลกู้ดที่สามารถเรียกน้ำตาเราได้ตั้งแต่ประโยคเปิดเรื่อง แม้จะไม่ได้ไหลพรั่งพรูแต่ก็น้ำตาคลอได้ (ส่วนตัวเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของคนที่อยากจะพูด แต่พูดไม่ได้ดี)
และการเล่าเรื่องนี้สำหรับเรามันสมูธมากจนทำให้เราไม่เวลาแว๊บไปคิดเรื่องอื่นๆได้ เราอินไปเกือบทุกซีน ทุกฉาก นักแสดง Asa Butterfield ที่เล่นเป็น นาธาน ก็เล่นได้ดี เขาสามารถเล่นจนเราเชื่อได้ว่าเขามีความพิเศษจริงๆ สำหรับ Sally Hawkins ที่เล่นเป็นจูลี่ เป็นแม่ของนาธาน ก็เล่นได้เป็นธรรมชาติดี
ฉากที่ชอบที่สุดก็เห็นเป็นตอนท้ายเรื่อง ตอนพีคสุดของหนัง นั่นเล่นเรากลั่นน้ำตาไม่ได้จริงๆ เป็นฉากที่นาธานไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง และได้เปิดใจคุยกับแม่อย่างตรงไปตรงมา และทำให้นาธานกับแม่เข้าใจมากขึ้น... (แค่พิมพ์และนึกถึงฉากนั้นน้ำตาก็คลอแล้วคร๊าบบบ...)
เป็นหนังอีกเรื่องที่ทำให้เราตกอยู่ในภวังค์ และภาพหลายๆภาพที่ปรากฎในจอยังติดอยู่ในหัวเราตั้งแต่ออกจากโรงมาจนถึงที่พิมพ์นี้กันเลยทีเดียว...