ทำไมพระผู้ใหญ่ ในปัจจุบันบางท่าน ชอบความหรูหรา ไม่ได้เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น
ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า พระที่มียศศักดิ์ตำแหน่งใหญ่โต ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่แต่ในกทม.
มีหน้าที่ปกครองดูแลพระทั้งประเทศ ทั้งในถิ่นทุรกันดาร และเขตหัวเมือง
ท่านเหล่านี้มีตำแหน่ง เงินประจำตำแหน่ง มีความรู้ขั้นเปรียญ นักธรรมชั้นสูง
มีพรรษาสูง แต่กลับมีคิดไม่ต่างจากปุถุชน ติดในลาภ ชอบความสะดวกสบายหรูหรา
ไม่ชอบความเรียบง่าย มีหมู่พวกแถมแบ่งชั้นวรรณะทางสงฆ์ในการคบหาสมาคม
ส่วนตัวคิดว่า เนื่องจากคนยุคใหม่ใส่ในพระพุทธศาสนาลดลง การบวชคงเป็นเพียงบวชตามประเพณี
สักช่วงเวลาสั้นๆแล้วก็สึก ไม่ได้มีใจฝักใฝ่ บวชก็ง่ายสึกก็ง่าย อุปัชฌาย์ไม่ได้มาใส่ใจดูแลพระที่บวชมาเหมือนในอดีต
ต่างคนคิดบวชตามประเพณีธรรเนียมที่สืบต่อกันเท่านั้น จากนั้นก็สึกเพื่อมาประกอบอาชีพ การงาน
ในเขตเมืองใหญ่ไม่ได้มีความผูกพันกลับไปเยี่ยมดูแลวัด ผูกพันกับวัดดังในอดีต
พระทึ่บวชเพื่อความหลุดพ้นกลับดูน้อย
พระท้อถอยหันมาติดในลาภ ซึ่งเป็นสิ่งใกล้ตัว จับต้องได้ง่าย ชัดเจนกว่า
เมื่อเทียบกับบรรลุชั้นอริยบุคคล ซึ่งดูไกลไม่อาจคาดคะเนได้ หาพระหมู่เพื่อนที่ใฝ่ทางนี้ก็น้อย
ส่วนใหญ่จึงเบนเข็มเข้าหาลาภ ติดในลาภยศสุขสบาย พวกพ้อง เป้าหมายทางการบวชเปลี่ยน
ผู้จะบวชเพื่อความหลุดพ้น เห็นแก่นแท้พุทธศาสนาเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องช่วยกันดูแล
ทำนุบำรุง แก้ไขในสิ่งที่ผิดๆที่ปฏิบัติสืบกันมาเช่น ไสยศาสตร์ที่แฝงมากับพุทธศาสนา
นับถือผี เป็นต้น น้อยลงมากๆ
การเรียนการสอน การฝึกฝนอบรมทางพุทธศาสนา เรามาผิดทางหรือเปล่า ?
การเรียนการสอนทางพุทธศาสนาปัจจุบันเป็นอย่างในสมัยพุทธกาลหรือไม่
จุดมุ่งหมายของการเรียนทางปริยัติเพื่ออะไร ต้องชัดเจน
การปฏิบัติ การปฏิบัติตนทำอย่างไร มีแนวทางข้อระเบียบหรือไม่
สิ่งเหล่านี้เราชาวพุทธต้องช่วยกันไม่ใช่ให้ใครมาดูแลแต่ฝ่ายเดียว
ทำไมพระผู้ใหญ่ ในปัจจุบันบางท่าน ชอบความหรูหรา ไม่ได้เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น ? ? ?
ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า พระที่มียศศักดิ์ตำแหน่งใหญ่โต ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่แต่ในกทม.
มีหน้าที่ปกครองดูแลพระทั้งประเทศ ทั้งในถิ่นทุรกันดาร และเขตหัวเมือง
ท่านเหล่านี้มีตำแหน่ง เงินประจำตำแหน่ง มีความรู้ขั้นเปรียญ นักธรรมชั้นสูง
มีพรรษาสูง แต่กลับมีคิดไม่ต่างจากปุถุชน ติดในลาภ ชอบความสะดวกสบายหรูหรา
ไม่ชอบความเรียบง่าย มีหมู่พวกแถมแบ่งชั้นวรรณะทางสงฆ์ในการคบหาสมาคม
ส่วนตัวคิดว่า เนื่องจากคนยุคใหม่ใส่ในพระพุทธศาสนาลดลง การบวชคงเป็นเพียงบวชตามประเพณี
สักช่วงเวลาสั้นๆแล้วก็สึก ไม่ได้มีใจฝักใฝ่ บวชก็ง่ายสึกก็ง่าย อุปัชฌาย์ไม่ได้มาใส่ใจดูแลพระที่บวชมาเหมือนในอดีต
ต่างคนคิดบวชตามประเพณีธรรเนียมที่สืบต่อกันเท่านั้น จากนั้นก็สึกเพื่อมาประกอบอาชีพ การงาน
ในเขตเมืองใหญ่ไม่ได้มีความผูกพันกลับไปเยี่ยมดูแลวัด ผูกพันกับวัดดังในอดีต
พระทึ่บวชเพื่อความหลุดพ้นกลับดูน้อย พระท้อถอยหันมาติดในลาภ ซึ่งเป็นสิ่งใกล้ตัว จับต้องได้ง่าย ชัดเจนกว่า
เมื่อเทียบกับบรรลุชั้นอริยบุคคล ซึ่งดูไกลไม่อาจคาดคะเนได้ หาพระหมู่เพื่อนที่ใฝ่ทางนี้ก็น้อย
ส่วนใหญ่จึงเบนเข็มเข้าหาลาภ ติดในลาภยศสุขสบาย พวกพ้อง เป้าหมายทางการบวชเปลี่ยน
ผู้จะบวชเพื่อความหลุดพ้น เห็นแก่นแท้พุทธศาสนาเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องช่วยกันดูแล
ทำนุบำรุง แก้ไขในสิ่งที่ผิดๆที่ปฏิบัติสืบกันมาเช่น ไสยศาสตร์ที่แฝงมากับพุทธศาสนา
นับถือผี เป็นต้น น้อยลงมากๆ
การเรียนการสอน การฝึกฝนอบรมทางพุทธศาสนา เรามาผิดทางหรือเปล่า ?
การเรียนการสอนทางพุทธศาสนาปัจจุบันเป็นอย่างในสมัยพุทธกาลหรือไม่
จุดมุ่งหมายของการเรียนทางปริยัติเพื่ออะไร ต้องชัดเจน
การปฏิบัติ การปฏิบัติตนทำอย่างไร มีแนวทางข้อระเบียบหรือไม่
สิ่งเหล่านี้เราชาวพุทธต้องช่วยกันไม่ใช่ให้ใครมาดูแลแต่ฝ่ายเดียว