เมื่อหลายวันก่อน ผมหาเวลาว่างเอารถไปเข้าปั๊มเพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก เกียร์ พวงมาลัยพาวเวอร์ เนื่องจากนึกขึ้นได้ว่า นานแล้วที่ไม่ได้เปลี่ยนซะที ครั้งสุดท้ายที่เปลี่ยนก็ไม่เคยจำว่าเมื่อไร ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า ในมือถือมันน่าจะมีแอพที่คอยช่วยเตือนเราเรื่องรถ เรื่องการดูแลรักษาว่าเมื่อไรควรเปลี่ยน เมื่อไรควรเช็ค จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้ครับ
หลังจากนั่งค้นใน Play store ซักพัก ผมก็พบแอพนี้ ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นแอพที่น่าจะตอบโจทย์ได้พอสมควร แอพนี้ชื่อง่ายๆ ว่า aCar ครับ ดาวน์โหลดมาใช้ได้ฟรี มีแอดโผล่นิดหน่อย ถ้าอยากปลดแอพและเปิดฟีเจอร์เพิ่มเติม ก็สามารถซื้อรุ่นโปรได้ในราคาเกือบสองร้อยบาท แต่ผมว่าลำพังฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีให้ใช้ฟรีๆ นี่ก็เหลือเฟือแล้วครับ
หลังจากติดตั้ง aCar เสร็จแล้ว สิ่งที่ควรทำอย่างแรกเลยก็คือ เปลี่ยนหน่วยวัดต่างๆ ให้เป็นแบบของเราซะ เพราะของเดิมมันจะใช้หน่วยของ US เป็นหลัก พวก ไมล์ แกลลอน อะไรแบบนี้ ซึ่งเราไม่ชินครับ เราใช้หน่วยพวกเมตริกเป็นหลัก ก็มาเปลี่ยนซะที่ Setting ของแอพ
เข้าไปที่ Units, Language & Formats จากนั้นก็เปลี่ยนหน่วยต่างๆ ตามนี้
- Volume เป็น Liter
- Distance เป็น Kilometer
- Fuel Efficiency เป็น km/L
- Currency เป็น Baht
เปลี่ยนหมดแล้วก็ back กลับมา
อีกจุดที่ต้องเปลี่ยนก็คือ ระยะรอบการเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ ครับ ในแอพนี้กำหนดมาได้สั้นมาก เช่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 3000 กิโลเมตร หรือ 3 เดือน เป็นต้น ขืนทำตามรอบที่แอพกำหนดมาสงสัยจนตายครับ ดังนั้นเราก็ต้องมาเปลี่ยนตามระยะมาตรฐานของเราซะ หรือ ว่าใครจะตั้งให้สั้น-ยาวแค่ไหน ก็ตามใจนะครับ การเปลี่ยนรอบบริการ ให้เข้าไปที่เมนู More options > Services
แอพจะแสดงรายการดูแลรักษามาตรฐานทั่วไปของรถ ให้เราแตะเปลี่ยนตามรายการที่ต้องการได้เลย หรือจะเพิ่มรายการใหม่ๆ ก็กด + ที่มุมขวาบนก็ได้ เบื้องต้นที่ผมเปลี่ยนก็ตามนี้ครับ
- Engine oil น้ำมันเครื่องทุกๆ 10000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน
- Oil filter กรองน้ำมันเครื่อง ทุกๆ 10000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน
- Transmission fluid น้ำมันเกียร์ ทุกๆ 20000 กิโลเมตร หรือ 12 เดือน
- Power Steering fluid น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ทุกๆ 20000 กิโลเมตร หรือ 12 เดือน
- Brake fluid น้ำมันเบรก ทุกๆ 20000 กิโลเมตร หรือ 12 เดือน
- New Tires เปลี่ยนยาง ทุกๆ 50000 กิโลเมตร หรือ 30 เดือน
ส่วนค่าอื่นๆ ก็ปรับเอาตามความเหมาะสมของรถคุณเลยครับ เสร็จแล้วก็ Back ออกมาได้เลย
ทีนี้ก็มาถึงการเพิ่มรถของเราเข้าไปในระบบกันแล้วครับ โดยกดที่เมนู Vehicle เข้าไปก็จะพบกับหน้าเพิ่มรายการรถ ก็กรอกไปเท่าที่กรอกได้ครับ เช่น ชื่อเรียก ยี่ห้อ รุ่น ป้ายทะเบียน แต่ที่ผมคิดว่าจำเป็นต้องกรอกก็คือข้อมูลราคาซื้อ เลขกิโลเริ่มต้น (Odometer คือมาตรวัดระยะวิ่งของรถ ว่าใช้มาแล้วเท่าไร ที่เห็นเป็นตัวเลขเลื่อนๆ อยู่ตรงกลางหน้าปัทม์นั่นล่ะครับ) และปีที่ซื้อ เพราะค่าเหล่านี้จะช่วยให้แอพสามารถคำนวนความคุ้มค่าได้ครับ ถ้าใครมีรถหลายคัน ก็เพิ่มได้อีกเรื่อยๆ นะครับ
ทีนี้ก็จะมาถึงวิธีการป้อนข้อมูลกัน หลักๆ ของแอพนี้มีเมนูให้เราป้อนค่าเข้าไป 4 หมวดคือ
- Fill up rec. เติมน้ำมัน เติมแก๊ซ
- Service rec. ค่าซ่อม ค่าบำรุงดูแลรักษาต่างๆ
- Expence rec. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าประกัน ค่าภาษี ค่าล้างรถ ฯลฯ
- Trip rec. ค่าใช้จ่ายพิเศษ ที่เกิดจากการใช้รถกรณีพิเศษ เช่น ต้องขับไปหาลูกค้าต่างจังหวัด เป็นต้น
ขั้นตอนการป้อนข้อมูลก็ไม่ยากอะไร สมมติว่าเราจะป้อนข้อมูลการเติมน้ำมัน ก็เข้าไปที่ Fill up rec. ก็จะเจอหน้าจอตามนี้
- Odometer เลขกิโลที่เท่าไรตอนเติม
- Price/L ราคาลิตรละเท่าไร
- Volume เติมไปกี่ลิตร
- Total cost ทั้งหมดเป็นเงินเท่าไร
- Partial fill-up? เติมแบบไม่เต็มถัง (เช่น เติม 500) ให้ติ๊กช่องนี้ ถ้าเติมแบบเต็มถังก็ไม่ต้องติก
- Missed fill-up? อันนี้เอาไว้ติ๊กเวลาลืมบันทึกครับ เอาไว้ให้แอพคำนวนไม่พลาด แต่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นครับ เพราะเราบันทึกย้อนหลังได้อยู่แล้ว ดังนั้นช่องนี้ไม่ต้องสนใจก็ได้ครับ
- Fule > Category เลือกชนิดเชื้อเพลิง มีให้เลือกทุกอย่างตั้งแต่เบนซิน ดีเซล และแก็ซ CNG , LPG
- Fueling station รายละเอียดปั๊ม แอพนี้ใช้ GPS ทำงานด้วยนะครับ ดังนั้นถ้าอยู่ที่ปั๊มก็กดปุ่มรูปหลอดไฟ มันก็จะใส่ข้อมูลที่อยู่ ณ ตอนนั้นให้เลย เจ๋งอ่ะ
กรอกหมดแล้วก็อย่าลืมกดรูปแผ่นดิสก์เพื่อเซฟนะครับ
สำหรับการกรอกข้อมูลในหมวดอื่นๆ ก็ไม่ยากครับ ลองเล่นดู เท่าที่ผมเล่น แอพนี้เก็บข้อมูลได้ละเอียดมาก ถ้าใช้ไปซักพัก มีข้อมูลต่างๆ มากกว่านี้ เราก็จะได้เห็นสถิติต่างๆ ชัดเจนขึ้น รวมถึงความคุ้มค่าของรถเราด้วยนะครับ
credit :
lavafanclub.com
แนะนำแอพ aCar ที่คนใช้รถควรมีติดเครื่องไว้
หลังจากนั่งค้นใน Play store ซักพัก ผมก็พบแอพนี้ ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นแอพที่น่าจะตอบโจทย์ได้พอสมควร แอพนี้ชื่อง่ายๆ ว่า aCar ครับ ดาวน์โหลดมาใช้ได้ฟรี มีแอดโผล่นิดหน่อย ถ้าอยากปลดแอพและเปิดฟีเจอร์เพิ่มเติม ก็สามารถซื้อรุ่นโปรได้ในราคาเกือบสองร้อยบาท แต่ผมว่าลำพังฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีให้ใช้ฟรีๆ นี่ก็เหลือเฟือแล้วครับ
หลังจากติดตั้ง aCar เสร็จแล้ว สิ่งที่ควรทำอย่างแรกเลยก็คือ เปลี่ยนหน่วยวัดต่างๆ ให้เป็นแบบของเราซะ เพราะของเดิมมันจะใช้หน่วยของ US เป็นหลัก พวก ไมล์ แกลลอน อะไรแบบนี้ ซึ่งเราไม่ชินครับ เราใช้หน่วยพวกเมตริกเป็นหลัก ก็มาเปลี่ยนซะที่ Setting ของแอพ
เข้าไปที่ Units, Language & Formats จากนั้นก็เปลี่ยนหน่วยต่างๆ ตามนี้
- Volume เป็น Liter
- Distance เป็น Kilometer
- Fuel Efficiency เป็น km/L
- Currency เป็น Baht
เปลี่ยนหมดแล้วก็ back กลับมา
อีกจุดที่ต้องเปลี่ยนก็คือ ระยะรอบการเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ ครับ ในแอพนี้กำหนดมาได้สั้นมาก เช่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 3000 กิโลเมตร หรือ 3 เดือน เป็นต้น ขืนทำตามรอบที่แอพกำหนดมาสงสัยจนตายครับ ดังนั้นเราก็ต้องมาเปลี่ยนตามระยะมาตรฐานของเราซะ หรือ ว่าใครจะตั้งให้สั้น-ยาวแค่ไหน ก็ตามใจนะครับ การเปลี่ยนรอบบริการ ให้เข้าไปที่เมนู More options > Services
แอพจะแสดงรายการดูแลรักษามาตรฐานทั่วไปของรถ ให้เราแตะเปลี่ยนตามรายการที่ต้องการได้เลย หรือจะเพิ่มรายการใหม่ๆ ก็กด + ที่มุมขวาบนก็ได้ เบื้องต้นที่ผมเปลี่ยนก็ตามนี้ครับ
- Engine oil น้ำมันเครื่องทุกๆ 10000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน
- Oil filter กรองน้ำมันเครื่อง ทุกๆ 10000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน
- Transmission fluid น้ำมันเกียร์ ทุกๆ 20000 กิโลเมตร หรือ 12 เดือน
- Power Steering fluid น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ทุกๆ 20000 กิโลเมตร หรือ 12 เดือน
- Brake fluid น้ำมันเบรก ทุกๆ 20000 กิโลเมตร หรือ 12 เดือน
- New Tires เปลี่ยนยาง ทุกๆ 50000 กิโลเมตร หรือ 30 เดือน
ส่วนค่าอื่นๆ ก็ปรับเอาตามความเหมาะสมของรถคุณเลยครับ เสร็จแล้วก็ Back ออกมาได้เลย
ทีนี้ก็มาถึงการเพิ่มรถของเราเข้าไปในระบบกันแล้วครับ โดยกดที่เมนู Vehicle เข้าไปก็จะพบกับหน้าเพิ่มรายการรถ ก็กรอกไปเท่าที่กรอกได้ครับ เช่น ชื่อเรียก ยี่ห้อ รุ่น ป้ายทะเบียน แต่ที่ผมคิดว่าจำเป็นต้องกรอกก็คือข้อมูลราคาซื้อ เลขกิโลเริ่มต้น (Odometer คือมาตรวัดระยะวิ่งของรถ ว่าใช้มาแล้วเท่าไร ที่เห็นเป็นตัวเลขเลื่อนๆ อยู่ตรงกลางหน้าปัทม์นั่นล่ะครับ) และปีที่ซื้อ เพราะค่าเหล่านี้จะช่วยให้แอพสามารถคำนวนความคุ้มค่าได้ครับ ถ้าใครมีรถหลายคัน ก็เพิ่มได้อีกเรื่อยๆ นะครับ
ทีนี้ก็จะมาถึงวิธีการป้อนข้อมูลกัน หลักๆ ของแอพนี้มีเมนูให้เราป้อนค่าเข้าไป 4 หมวดคือ
- Fill up rec. เติมน้ำมัน เติมแก๊ซ
- Service rec. ค่าซ่อม ค่าบำรุงดูแลรักษาต่างๆ
- Expence rec. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าประกัน ค่าภาษี ค่าล้างรถ ฯลฯ
- Trip rec. ค่าใช้จ่ายพิเศษ ที่เกิดจากการใช้รถกรณีพิเศษ เช่น ต้องขับไปหาลูกค้าต่างจังหวัด เป็นต้น
ขั้นตอนการป้อนข้อมูลก็ไม่ยากอะไร สมมติว่าเราจะป้อนข้อมูลการเติมน้ำมัน ก็เข้าไปที่ Fill up rec. ก็จะเจอหน้าจอตามนี้
- Odometer เลขกิโลที่เท่าไรตอนเติม
- Price/L ราคาลิตรละเท่าไร
- Volume เติมไปกี่ลิตร
- Total cost ทั้งหมดเป็นเงินเท่าไร
- Partial fill-up? เติมแบบไม่เต็มถัง (เช่น เติม 500) ให้ติ๊กช่องนี้ ถ้าเติมแบบเต็มถังก็ไม่ต้องติก
- Missed fill-up? อันนี้เอาไว้ติ๊กเวลาลืมบันทึกครับ เอาไว้ให้แอพคำนวนไม่พลาด แต่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นครับ เพราะเราบันทึกย้อนหลังได้อยู่แล้ว ดังนั้นช่องนี้ไม่ต้องสนใจก็ได้ครับ
- Fule > Category เลือกชนิดเชื้อเพลิง มีให้เลือกทุกอย่างตั้งแต่เบนซิน ดีเซล และแก็ซ CNG , LPG
- Fueling station รายละเอียดปั๊ม แอพนี้ใช้ GPS ทำงานด้วยนะครับ ดังนั้นถ้าอยู่ที่ปั๊มก็กดปุ่มรูปหลอดไฟ มันก็จะใส่ข้อมูลที่อยู่ ณ ตอนนั้นให้เลย เจ๋งอ่ะ
กรอกหมดแล้วก็อย่าลืมกดรูปแผ่นดิสก์เพื่อเซฟนะครับ
สำหรับการกรอกข้อมูลในหมวดอื่นๆ ก็ไม่ยากครับ ลองเล่นดู เท่าที่ผมเล่น แอพนี้เก็บข้อมูลได้ละเอียดมาก ถ้าใช้ไปซักพัก มีข้อมูลต่างๆ มากกว่านี้ เราก็จะได้เห็นสถิติต่างๆ ชัดเจนขึ้น รวมถึงความคุ้มค่าของรถเราด้วยนะครับ
credit :lavafanclub.com