มากกว่าสนุก THE KNICK ย้อนรอยประวัติศาสตร์การเเพทย์ยุคใหม่ (SPOIL!)




The Knick เป็นซีรีย์สุดประทับใจของเราเลย
ส่วนตัวชอบดูซีรีย์เเนวตามติดชีวิตเเพทย์อยู่เเล้ว
..
..

เเละความเป็นพีเรียดย้อนยุคนี่เราว่ามันขลังเเละมีมนต์เสน่ห์ที่สุด
ต้องชื่นชม Steven Soderbergh (ผกก), นักเเสดง, เเละทีมงานจริงๆ
..
..

..
..

The Knick เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคศตวรรษที่ 19
ภาพวินเทจสวยงามตามสมัย มีเนื้อหาย้อนรอยการบุกเบิกวงการเเพทย์
การดิ้นรนของเหล่าทีมทีมศัลยแพทย์ใน Knickerbocker Hospital หรือเรียกสั้นๆ ว่า The Knick
..
..

..
..

..
..

..
..

เข้มข้นทั้งในเรื่องการเเพทย์ เทคนิค เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ในสมัยโบราณ
..
..

เลียนเเบบมาอย่างปราณีตบรรจง ชนิดที่ว่าเป๊ะมาก เนี้ยบเวอร์ เฮ้อ ชื่นใจ ไร้ที่ติ!
..
..

ซึ่งในยุคนั้นมีการประดิษฐ์คิดค้นเครื่อง X-Ray ได้สำเร็จ
เเละนำออกใช้ตาม รพ.เเล้ว นับเป็นการปฏิวัติวงการศัลยกรรมเลยทีเดียว
..
..

The Knick สะท้อนหลายเเง่มุมทั้งมุมมืดเเละสว่างของชีวิตศัลยแพทย์รุ่นบุกเบิกในช่วงศตวรรษที่ 19
ดราม่าในชั้นเชิงการต่อสู้ในด้านศักยภาพ การคิดค้นวิจัยของเหล่าศัลยเเพทย์ ทั้งในยุโรปเเละอเมริกา
เพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับเเละสะท้อนหลากหลายเเง่มุมของชีวิตเเพทย์ผิวสีในยุคนั้น
..
..

ซึงในช่วงนั้นการเหยียดสีผิวจากคนขาวรุนเเรงมาก
อารมณ์ประมาณสงครามกลางเมืองยังไงยังงั้น
..

(ตรงนี้คับเเค้นใจเเทนหมออัลจี้ที่สุด น้ำตาไหลรินหลายรอบมากๆ)
..
..

จอห์น แท็คเคอรี่ (John Thackery)
หัวหน้าทีมศัลยแพทย์ ผู้ไม่เคยยอมเเพ้ใคร อีโก้สูง หยิ่งเเละทรนง
เขาทุ่มเทเอาจริงเอาจังอย่างหนัก ในการคิดค้นวิจัยเทคนิควิธีการต่างๆ
เพื่อปฎิวัติเเละเปลี่ยนโฉมวงการเเพทย์ในยุคสมัยนั้น
..
..

..
..

1 ในเคสสุดเทพของหมอเเทค
..
..

..
..

จะว่าไปหมอเเทคอุทิศกายถวายชีวิตเพื่อวงการเเพทย์ เพื่อ รพ.เดอะนิค เลยก็ว่าได้
..
..

..
..

..
..

เขามีมุมมืดที่น่าสงสารคือ เสพติดโคเคนอย่างหนักเเละพยายามจะเลิกให้ได้
(ช่วงบำบัดไปตามต่อใน Season2)
..
..

อัลเจอร์นอน เอ็ดวาร์ด (Algernon Edwards)
ศัลเเพทย์ผิวดำอันดับ 1 ในรุ่น  เก่งฉกาจหาตัวจับยาก เขาจบจากฮาร์วาร์ด  
ได้รับการฝึกสอนอย่างดีตามสไตล์แพทย์แผนยุโรป
..
..

ตลอดเวลาใน รพ.เดอะนิค เขาพยายามพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก
ก็เพื่อให้ได้การยอมรับในศักยภาพของเเพทย์ผิวสีทัดเทียมกับเเพทย์ผิวขาวคนอื่นๆ
..
..

เขาถูกกลั่นเเกล้งริดรอนสิทธิ์ โดนล้อเลียนเหยียดหยาม หมิ่นศักดิ์ศรีต่างๆ นาๆ อย่างไร้เหตุผล
จากเพื่อนผู้ร่วมอาชีพ อันเนื่องมาจากการเหยียดผิวเพียงข้อเดียว ในช่วงเเรกๆ บีบคั้นเเละกดดันอย่างยิ่ง
จนต่อมาเขาประดิษฐ์เครื่องมือเเพทย์ เเละคิดค้นเทคนิควิธีการรักษาต่างๆ รวมถึงการวิจัยจนเป็นผลสำเร็จ
ต่อมาเขาได้รับการยอมรับในที่สุด
..
..

ณ จุดนี้ ทึ่งเเละขนลุกในศักยภาพ ความฉลาดมีไหวพริบของเเพทย์ผิวสีผู้นี้มากจริงๆ ขอคารวะจากใจ
(ต้องไปดูเอาเอง คือดูนี่ไม่รักพระเอกเลย เชียร์เเต่พระรอง..เชียร์หมออัลจี้ทั้งซีซั่นอ่ะ 5555)
..
..

Clive Owen แสดงบทเด่นเป็นศัลยแพทย์ชื่อ John Thackery
เขามีตัวตนจริงอยู่ในยุคนั้นเพียงเเต่นำประวัติมาบางส่วน
..
..

ศัลยแพทย์ผู้นั้น คือ William Stewart Halsted (1852-1922)
ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเเพทย์ "The Big Four" ที่ Johns Hopkins Hospital  











PS,

เราเเอบสงสัยติดใจนิดนึง คือ สมัยนั้นศัลยเเพทย์จะฮาร์ดคอร์มากๆ เลย
จะผ่า หั่น ควัก ล้วง กันมือเปล่า สังเกตคือ จะไม่มีการใส่ถุงมือเลย
เเต่ยุคนั้น เท่าที่ดูในซีรีย์ คือ ยังคิดค้น วิจัย เรื่องกรุปเลือดอยู่
ถ่ายโอนเลือดกันยังไม่สำเร็จเลย เพราะในที่สุดเด็กน้อยก็ตายไป
เเล้วหมอเเทคของเราก็เฟลมากกก


(ของจริง)
..
..


(ในเรื่อง)
..
..
เเสดงว่าเค้าก็คงยังไม่พบว่ามีโรคที่ติดต่อทางเลือดได้ ใช่ไหม?
เเต่โรคเอดส์ จำได้ว่าเคยดูใน เกรย์ อนาโตมี่
มันเพิ่งระบาดช่วงราวๆ ปี 1983 รึเปล่าไม่เเน่ใจ ถ้าเราจำไม่ผิด
งั้นก็เเสดงว่าในสมัยโบราณมันไม่มีโรคติดต่อทางเลือดเลยหรอ ??
หรือว่ามี เเต่อาจจะยังหาไม่พบ วิทยาการยังไม่ก้าวหน้าพอ ?

คือ ถ้ามีโรคติดต่อทางเลือดเเต่ยังไม่ค้นพบ
นี่น่าเห็นใจเเพทย์ในยุคนั้นมากๆ อ่ะ
เเบบมือเปล่ากันตลอดเวลา  







[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่