ที่ผ่านมามักจะมีแต่บทความสัมภาษณ์ของผู้เล่นจีนที่ติดทีมชาติ คราวนี้ลองมาฟังความรู้สึกผู้เล่นจีนที่ไม่สมหวังหลุดจากทีมชาติดูบ้าง
เหยาตี๋ มือเซ็ต เป็นผู้เล่นคนหนึ่งที่มีชื่อเรียกติดแคมป์ทีมชาติในยุคหลางผิงมาตลอด
ตั้งแต่ปีแรกที่หลางผิงเข้ามาคุมทีมชาติจนมาถึงปีนี้ปีที่ 3 แต่เธอก็ยังไปไม่ถึงฝั่งฝันสักที ...
รุ่งเช้า วันอาทิตย์ที่ 15 ก.พ. เหยาตี๋และหวังฉีเดินทางออกจากจางโจวไปเซี่ยเหมิน และจากเซี่ยเหมินบินต่อไปปักกิ่ง
หรือถนนสายทีมชาติในปี 2015 จะเดินมาถึงสุดทางเสียแล้ว
ระหว่างทางทั้ง 2 คนแทบไม่ได้พูดจา เหมือนเช่นปกติที่เคยคึกคักร่าเริง แต่ ณ.เวลานี้มันไม่มีกะจิตกะใจอะไรทั้งสิ้น
ได้แต่ฟังเพลง สายตาเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง .....
ก่อนหน้านั้น 1 วัน หลังจากที่เสร็จสิ้นการฝึกซ้อมภาคเช้า โค้ชหลางกับโค้ชไล่ก็เรียกเหยาตี๋และหวังฉี
“ตอนนั้นฉันก็รู้ตัวแล้วว่าคือเรื่องอะไร เพราะก่อนนั้นก็รู้ล่วงหน้าแล้วว่าหวังฉีต้องไปชุด U23
กับการที่ฉันต้องออกจากแคมป์ไปด้วย ก็รู้สึกตกใจมาก ไม่ได้คิดเตรียมมาก่อนเลย ตอนนั้นก็พยายามควบคุมจิตใจตัวเอง
ซึ่งต่างกับปีที่แล้วตอนที่ต้องออกจากแคมป์ที่ตอนนั้นจิตตกมาก”
ย้อนภาพไปเมื่อปีที่แล้ว เรื่องเกิดขึ้นภายหลังจากการแข่งขันรายการมองโทร์ซที่สวิสจบไปไม่นาน
ตอนนั้นติงเสียมือเซ็ตอีกคนต้องออกจากแคมป์ไปก่อน แต่ไม่นานก็ถึงคิวเหยาตี๋ ตอนที่ได้ยินว่าตัวเองต้องไป
เหยาตี๋ร้องไห้หนักมาก พอถามเธอว่าทำไมถึงเสียใจมากขนาดนั้น เธอตอบเอาดื้อๆว่า ก็เพราะไม่อยากจากไป
“เสี่ยวฮุ่ย(รั่วฉี) จูถิง เสี่ยวหยวน(ซินเย่ว) ต้าหลิว(เย่นหาน) เสี่ยวขุย ยังมีปาเจี่ย (ช่านตานน่า) พวกเขาตื่นแต่เช้าเพื่อมาส่งฉันกับหวังฉี
ตอนที่ถ่ายรูปร่วมกันฉันพยายามฝืนยิ้ม เป็นยิ้มหลอกๆ จากนั้นเสี่ยวฮุ่ยก็เข้ามากอดฉันแล้วก็พูดว่าดูเธอสิจะร้องไห้อยู่แล้ว
จริงๆแล้วฉันก็กลัวว่าพวกเขาจะดูออก ก็เลยรีบเปลี่ยนเรื่องคุย บอกไปว่าฉันเป็นคนจิตใจเข้มแข็งนะเออ
แต่แท้จริงแล้วตอนนั้นยากที่จะทำใจได้ แต่ก็กลัวว่าจะควบคุมใจตัวเองไม่อยู่ ปล่อยโฮออกมา ”
ดูเผินๆเหยาตี๋เหมือนเป็นคนไม่คิดอะไรมาก แต่จริงๆจิตใจละเอียดอ่อนไหว
“หลังจากขึ้นรถก็โบกมือลาพวกเขา ในใจก็ให้รู้สึกอิจฉาพวกเขามาก อิจฉาเสี่ยวหยวนที่ปีนี้พัฒนาได้เร็วมาก
อิจฉาจูถิงที่โดดเด่นเหนือใคร พอเข้าทีมชาติก็กลายเป็นตัวหลักที่ขาดไม่ได้
อิจฉาเสี่ยวฮุ่ย อายุ 18 ก็ปักหลักแน่นในทีมชาติแล้ว ไม่เคยต้องห่วงกังวลว่าจะอยู่หรือจะไป
ปกติฉันก็คิดว่า การได้เป็นผู้เล่นที่มีศักยภาพเป็นที่ต้องการของทีมชาติ ถือเป็นเรื่องที่มีความสุขจริงๆ”
นับตั้งแต่ ปี 2013 เป็นต้นมา ทุกปีเหยาตี๋ขยันมุ่งมั่นที่จะให้ได้เป็นผู้เล่นที่เป็นที่ต้องการของทีมชาติ
“ 3 ปีมาแล้ว ที่แคมป์ทีมชาติรอบที่ 1 ของทุกปีจะต้องมีชื่อฉัน แต่ก็เป็นทุกปีที่อยู่ได้ไม่ตลอด”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เหยาตี๋ก็ถอนหายใจยาวๆออกมา
จากเซี่ยเหมินบินมาถึงปักกิ่ง คุณพ่อขับรถมารับเธอถึงที่สนามบิน จากนั้นก็พาเธอไปที่หอพักนักกีฬาเทียนถาน
“ตอนที่ออกจากปักกิ่งมาก็ยังคิดว่าจะได้กลับมาพร้อมๆกันกับทีม จึงเหลือของใช้ประจำวันทิ้งเอาไว้บ้าง
แต่พอคิดว่าปีนี้คงไม่มีโอกาสได้กลับมาอยู่ที่หอพักนี้อีกแล้ว งั้นก็เอากลับบ้านไปดีกว่า”
เมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งออกจากหอพักไปพร้อมๆกับเพื่อนร่วมทีมอย่างมีความสุข แต่มาวันนี้กลับต้องมาที่นี่เพียงลำพังคนเดียว
หอพักวอลเลย์หญิงที่มีแต่ความว่างเปล่า เช่นเดียวกับจิตใจของเหยาตี๋ในยามนี้
เหยาตี๋ : ไม่อยากจากไปเลยจริงๆ
ที่ผ่านมามักจะมีแต่บทความสัมภาษณ์ของผู้เล่นจีนที่ติดทีมชาติ คราวนี้ลองมาฟังความรู้สึกผู้เล่นจีนที่ไม่สมหวังหลุดจากทีมชาติดูบ้าง
เหยาตี๋ มือเซ็ต เป็นผู้เล่นคนหนึ่งที่มีชื่อเรียกติดแคมป์ทีมชาติในยุคหลางผิงมาตลอด
ตั้งแต่ปีแรกที่หลางผิงเข้ามาคุมทีมชาติจนมาถึงปีนี้ปีที่ 3 แต่เธอก็ยังไปไม่ถึงฝั่งฝันสักที ...
รุ่งเช้า วันอาทิตย์ที่ 15 ก.พ. เหยาตี๋และหวังฉีเดินทางออกจากจางโจวไปเซี่ยเหมิน และจากเซี่ยเหมินบินต่อไปปักกิ่ง
หรือถนนสายทีมชาติในปี 2015 จะเดินมาถึงสุดทางเสียแล้ว
ระหว่างทางทั้ง 2 คนแทบไม่ได้พูดจา เหมือนเช่นปกติที่เคยคึกคักร่าเริง แต่ ณ.เวลานี้มันไม่มีกะจิตกะใจอะไรทั้งสิ้น
ได้แต่ฟังเพลง สายตาเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง .....
ก่อนหน้านั้น 1 วัน หลังจากที่เสร็จสิ้นการฝึกซ้อมภาคเช้า โค้ชหลางกับโค้ชไล่ก็เรียกเหยาตี๋และหวังฉี
“ตอนนั้นฉันก็รู้ตัวแล้วว่าคือเรื่องอะไร เพราะก่อนนั้นก็รู้ล่วงหน้าแล้วว่าหวังฉีต้องไปชุด U23
กับการที่ฉันต้องออกจากแคมป์ไปด้วย ก็รู้สึกตกใจมาก ไม่ได้คิดเตรียมมาก่อนเลย ตอนนั้นก็พยายามควบคุมจิตใจตัวเอง
ซึ่งต่างกับปีที่แล้วตอนที่ต้องออกจากแคมป์ที่ตอนนั้นจิตตกมาก”
ย้อนภาพไปเมื่อปีที่แล้ว เรื่องเกิดขึ้นภายหลังจากการแข่งขันรายการมองโทร์ซที่สวิสจบไปไม่นาน
ตอนนั้นติงเสียมือเซ็ตอีกคนต้องออกจากแคมป์ไปก่อน แต่ไม่นานก็ถึงคิวเหยาตี๋ ตอนที่ได้ยินว่าตัวเองต้องไป
เหยาตี๋ร้องไห้หนักมาก พอถามเธอว่าทำไมถึงเสียใจมากขนาดนั้น เธอตอบเอาดื้อๆว่า ก็เพราะไม่อยากจากไป
“เสี่ยวฮุ่ย(รั่วฉี) จูถิง เสี่ยวหยวน(ซินเย่ว) ต้าหลิว(เย่นหาน) เสี่ยวขุย ยังมีปาเจี่ย (ช่านตานน่า) พวกเขาตื่นแต่เช้าเพื่อมาส่งฉันกับหวังฉี
ตอนที่ถ่ายรูปร่วมกันฉันพยายามฝืนยิ้ม เป็นยิ้มหลอกๆ จากนั้นเสี่ยวฮุ่ยก็เข้ามากอดฉันแล้วก็พูดว่าดูเธอสิจะร้องไห้อยู่แล้ว
จริงๆแล้วฉันก็กลัวว่าพวกเขาจะดูออก ก็เลยรีบเปลี่ยนเรื่องคุย บอกไปว่าฉันเป็นคนจิตใจเข้มแข็งนะเออ
แต่แท้จริงแล้วตอนนั้นยากที่จะทำใจได้ แต่ก็กลัวว่าจะควบคุมใจตัวเองไม่อยู่ ปล่อยโฮออกมา ”
ดูเผินๆเหยาตี๋เหมือนเป็นคนไม่คิดอะไรมาก แต่จริงๆจิตใจละเอียดอ่อนไหว
“หลังจากขึ้นรถก็โบกมือลาพวกเขา ในใจก็ให้รู้สึกอิจฉาพวกเขามาก อิจฉาเสี่ยวหยวนที่ปีนี้พัฒนาได้เร็วมาก
อิจฉาจูถิงที่โดดเด่นเหนือใคร พอเข้าทีมชาติก็กลายเป็นตัวหลักที่ขาดไม่ได้
อิจฉาเสี่ยวฮุ่ย อายุ 18 ก็ปักหลักแน่นในทีมชาติแล้ว ไม่เคยต้องห่วงกังวลว่าจะอยู่หรือจะไป
ปกติฉันก็คิดว่า การได้เป็นผู้เล่นที่มีศักยภาพเป็นที่ต้องการของทีมชาติ ถือเป็นเรื่องที่มีความสุขจริงๆ”
นับตั้งแต่ ปี 2013 เป็นต้นมา ทุกปีเหยาตี๋ขยันมุ่งมั่นที่จะให้ได้เป็นผู้เล่นที่เป็นที่ต้องการของทีมชาติ
“ 3 ปีมาแล้ว ที่แคมป์ทีมชาติรอบที่ 1 ของทุกปีจะต้องมีชื่อฉัน แต่ก็เป็นทุกปีที่อยู่ได้ไม่ตลอด”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เหยาตี๋ก็ถอนหายใจยาวๆออกมา
จากเซี่ยเหมินบินมาถึงปักกิ่ง คุณพ่อขับรถมารับเธอถึงที่สนามบิน จากนั้นก็พาเธอไปที่หอพักนักกีฬาเทียนถาน
“ตอนที่ออกจากปักกิ่งมาก็ยังคิดว่าจะได้กลับมาพร้อมๆกันกับทีม จึงเหลือของใช้ประจำวันทิ้งเอาไว้บ้าง
แต่พอคิดว่าปีนี้คงไม่มีโอกาสได้กลับมาอยู่ที่หอพักนี้อีกแล้ว งั้นก็เอากลับบ้านไปดีกว่า”
เมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งออกจากหอพักไปพร้อมๆกับเพื่อนร่วมทีมอย่างมีความสุข แต่มาวันนี้กลับต้องมาที่นี่เพียงลำพังคนเดียว
หอพักวอลเลย์หญิงที่มีแต่ความว่างเปล่า เช่นเดียวกับจิตใจของเหยาตี๋ในยามนี้