ผมขอแชร์-ความเห็นส่วนตัวนะครับ
เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรแลกเปลี่ยนกันได้ครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยล่วงหน้าครับ
ส่วนตัวผมมีอยู่ 100,000 หุ้น ต้นทุนหลังหักปันผล/ปันผลพิเศษแล้ว 6.40 บาท
** ประเด็นแรก คุณ PITT ขายหุ้นส่วนตัวออก ??
ความเห็นของผมคือ ไม่น่าขายออก และ คงไม่คิดจะขายออกในเร็ววันนี้ เพราะ
1.มีหุ้นจำนวนมากเกือบๆ 1900 ล้านหุ้น หรือ 1/4 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ขายยังไงก็ต้องรายงาน กลต.อีก (ไม่นับรวมที่อาจจะมีถือในนามชื่อคนอื่น)
2.ราคาต้นทุนของ คุณPITT ต่ำกว่าบาท ขายที่ราคาไหนก็กำไร ถ้าคิดจะขายจริง
ดังนั้น การจ่ายปันผลออกมาดีเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ยังไง คุณPITT ก็ได้ 1.65 * 1900 ล้านหุ้น = ประมาณ 3 พันกว่าล้านบาท เข้ากระเป๋าสบายๆ
** ประเด็นต่อมาคือ การออก W-3 ที่ราคาใช้สิทธิ์ 4.30 บาท อายุ 5 ปี
ซึ่งผมมีข้อสงสัย
1.ในเมื่อต้องการ เงินในการลงทุน ทำไมไม่เก็บเงินที่ได้จากการตั้ง JASIF ไว้ แต่เอามาจ่ายปันผลพิเศษแทน แต่ออกเป็น W-3 แทน มีอายุถึง 5 ปี
ตามความเข้าใจของผม คือ เลือกจ่ายปันผลคุณ PITT รับเต็มๆ จากข้างบน (ซึ่งตอนจ่ายปันผล ไม่มีการแจ้งว่าจะออก W-3)
2.ทำไมราคาใช้สิทธ์จึงต่ำกว่าราคาตลาดมาก
ตามความเข้าใจของผม การออก W-3 จริงๆแล้วเป็นการเพิ่มทุนอย่างนึง ถ้าราคาใช้สิทธิ์สูงกว่าราคราตลาด อาจจะ ไม่มีการใช้สิทธิ์ทันที ทำให้ บ.JAS ไม่ได้เงินเข้ามาลงทุนเป็นก้อน / หากไม่ใช้สิทธิ์ทันทีภายในปีแรก เงินที่เข้า บ.JAS จะได้ไม่เต็มเม็ดเเต็มหน่วย
ผมคิดว่า ราคาใช้สิทธิ์ต่ำกว่าราคาตลาดเพื่อ จูงใจ(บังคับ)ให้ รายย่อยรีบๆ ใช้สิทธิ์ เพื่อเอาเงินเข้า บ.JAS ไปลงทุนต่อ
** ประเด็นต่อมา คุณPITT จะใช้สิทธิ์มั๊ย ??
คุณPITT ได้ W-3 ทั้งหมด 1900 ล้านหุ้น/2.04 = 930 ล้านหน่วย โดยประมาณ
และ ถ้าคุณPITT ใช้สิทธิ์ 4.30 บาท * 930 ล้าน = ใช้เงินส่วนตัวโดยประมาณ 4000 ล้านบาท โดยประมาณ
ถ้าผมเป็น คุณPITT ไม่ใช้สิทธิ์ แน่นอนครับ ไม่ควักเงินส่วนตัวมาลงทุนแน่นอน (เป็นผมเอา W-3 มาขายเอาเงิน เข้ากระเป๋าอีกรอบดีกว่า)
ให้รายย่อยเอาเงินมาลงทุนแทนดีกว่า ถ้าไม่พอ (ซึ่งไม่พอแน่นอน) ก็ให้ บ.JAS กู้เพิ่ม
สรุป คุณPITT ได้ 2 เด้ง เงินปันผลรับเต็มๆ เงินลงทุนรายย่อยออกให้
ส่วนประเด็นเรื่องการประมูล 4G ผมเองยังไม่ทราบว่าจะออกมายังไง
บ.ที่จะร่วมทุนด้วย เกาหลี/ญี่ปุ่น ซึ่งประมูลได้มาแล้วจะให้บริการในรูปแบบใด
จะทำมือถือแข่งกับเจ้าเดิม ซึ่งการแข่งขันสูงมาก ไม่รู้ว่าอีกกีปีจะเริ่มคืนทุน ยังคงเป็นคำถามต่อไป
JAS คุณ PITT คิดไร
เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรแลกเปลี่ยนกันได้ครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยล่วงหน้าครับ
ส่วนตัวผมมีอยู่ 100,000 หุ้น ต้นทุนหลังหักปันผล/ปันผลพิเศษแล้ว 6.40 บาท
** ประเด็นแรก คุณ PITT ขายหุ้นส่วนตัวออก ??
ความเห็นของผมคือ ไม่น่าขายออก และ คงไม่คิดจะขายออกในเร็ววันนี้ เพราะ
1.มีหุ้นจำนวนมากเกือบๆ 1900 ล้านหุ้น หรือ 1/4 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ขายยังไงก็ต้องรายงาน กลต.อีก (ไม่นับรวมที่อาจจะมีถือในนามชื่อคนอื่น)
2.ราคาต้นทุนของ คุณPITT ต่ำกว่าบาท ขายที่ราคาไหนก็กำไร ถ้าคิดจะขายจริง
ดังนั้น การจ่ายปันผลออกมาดีเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ยังไง คุณPITT ก็ได้ 1.65 * 1900 ล้านหุ้น = ประมาณ 3 พันกว่าล้านบาท เข้ากระเป๋าสบายๆ
** ประเด็นต่อมาคือ การออก W-3 ที่ราคาใช้สิทธิ์ 4.30 บาท อายุ 5 ปี
ซึ่งผมมีข้อสงสัย
1.ในเมื่อต้องการ เงินในการลงทุน ทำไมไม่เก็บเงินที่ได้จากการตั้ง JASIF ไว้ แต่เอามาจ่ายปันผลพิเศษแทน แต่ออกเป็น W-3 แทน มีอายุถึง 5 ปี
ตามความเข้าใจของผม คือ เลือกจ่ายปันผลคุณ PITT รับเต็มๆ จากข้างบน (ซึ่งตอนจ่ายปันผล ไม่มีการแจ้งว่าจะออก W-3)
2.ทำไมราคาใช้สิทธ์จึงต่ำกว่าราคาตลาดมาก
ตามความเข้าใจของผม การออก W-3 จริงๆแล้วเป็นการเพิ่มทุนอย่างนึง ถ้าราคาใช้สิทธิ์สูงกว่าราคราตลาด อาจจะ ไม่มีการใช้สิทธิ์ทันที ทำให้ บ.JAS ไม่ได้เงินเข้ามาลงทุนเป็นก้อน / หากไม่ใช้สิทธิ์ทันทีภายในปีแรก เงินที่เข้า บ.JAS จะได้ไม่เต็มเม็ดเเต็มหน่วย
ผมคิดว่า ราคาใช้สิทธิ์ต่ำกว่าราคาตลาดเพื่อ จูงใจ(บังคับ)ให้ รายย่อยรีบๆ ใช้สิทธิ์ เพื่อเอาเงินเข้า บ.JAS ไปลงทุนต่อ
** ประเด็นต่อมา คุณPITT จะใช้สิทธิ์มั๊ย ??
คุณPITT ได้ W-3 ทั้งหมด 1900 ล้านหุ้น/2.04 = 930 ล้านหน่วย โดยประมาณ
และ ถ้าคุณPITT ใช้สิทธิ์ 4.30 บาท * 930 ล้าน = ใช้เงินส่วนตัวโดยประมาณ 4000 ล้านบาท โดยประมาณ
ถ้าผมเป็น คุณPITT ไม่ใช้สิทธิ์ แน่นอนครับ ไม่ควักเงินส่วนตัวมาลงทุนแน่นอน (เป็นผมเอา W-3 มาขายเอาเงิน เข้ากระเป๋าอีกรอบดีกว่า)
ให้รายย่อยเอาเงินมาลงทุนแทนดีกว่า ถ้าไม่พอ (ซึ่งไม่พอแน่นอน) ก็ให้ บ.JAS กู้เพิ่ม
สรุป คุณPITT ได้ 2 เด้ง เงินปันผลรับเต็มๆ เงินลงทุนรายย่อยออกให้
ส่วนประเด็นเรื่องการประมูล 4G ผมเองยังไม่ทราบว่าจะออกมายังไง
บ.ที่จะร่วมทุนด้วย เกาหลี/ญี่ปุ่น ซึ่งประมูลได้มาแล้วจะให้บริการในรูปแบบใด
จะทำมือถือแข่งกับเจ้าเดิม ซึ่งการแข่งขันสูงมาก ไม่รู้ว่าอีกกีปีจะเริ่มคืนทุน ยังคงเป็นคำถามต่อไป