เรียน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ตามที่ ผมได้ไว้วางใจและใช้บริการเป็นลูกค้าที่ดีของทางธนาคารมาโดยตลอด แต่วันนี้ ผมเพิ่งรู้ความจริงหลักฉากที่ถูกหลอกลวงมาโดยตลอดกว่า 1 ปี เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ผมได้รับมอบอำนาจภรรยาให้ไปติดต่อธนาคารเพื่อขอใบลดหย่อนภาษีค่าดอกเบี้ย ให้กับภรรยาของผม(ซึ่งเธอไปธุระต่างจังหวัด ทำให้ไม่สามารถมายื่นด้วยตนเอง) จึงได้เจอตอโดยบังเอิญ (น้ำลดตอผุด / ความลับไม่มีในโลก) โดยผมพบความผิดปกติที่เป็นข้อสงสัย ว่า ทำไมดอกเบี้ยที่ทางธนาคารแจ้งหักลดหย่อนภาษี ให้ลูกค้าไปยื่นกับทางสรรพากร ไม่ตรงกับดอกเบี้ยที่ภรรยาของผมจ่ายจริง คือ ดอกเบี้ยที่สามารถหักลดหย่อนกับทางสรรพากร ธนาคารแจ้งยอดมาเพียง 12,005.80 บาท และยังมีในส่วนดอกเบี้ยที่ไม่แจ้งอีก จำนวน 31,991.17 บาท ซึ่งผมก็สงสัยเป็นอันมาก จึงขอให้เจ้าหน้าที่ธนาคารช่วยชี้แจงยอดดังกล่าว จึงได้ทราบว่า ยอดเงินดังกล่าวเป็นค่าปรับ ที่ลูกค้าปิดบัญชี ผมก็สงสัยว่า ทำไมทางธนาคารต้องปรับด้วย ในเมื่อตอนก่อนที่ผมจะกู้ ผมได้ศึกษาเงื่อนไขเป็นอย่างดี อีกทั้งยังปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางของทางธนาคาร ที่มาออกบู๊ธในงาน money expo อย่างละเอียดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่าเงื่อนไขของทางธนาคารกรุงไทยอนุญาตให้ผู้กู้ สามารถปิดบัญชีก่อน 3 ปี ได้โดยไม่มีค่าปรับ (โดยยกเว้นเงื่อนไข ในกรณีที่ลูกค้า รีไฟแนนซ์ หลักทรัพย์ของตนเอง ไปกู้กับสถาบันการเงินอื่น) ซึ่งกรณีของภรรยาผมก็ไม่ผิดเงื่อนไขแต่ประการใด โดยผมและภรรยา ได้ปรึกษาหารือกับทางเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย สาขาสิโรรส จ.ยะลา ในวันก่อนที่จะปิดบัญชีถึงยอดเงินที่จะต้องนำมาชำระเพื่อปิดบัญชี และได้สอบถามถึงวงเงินค่าปรับว่าต้องถูกปรับหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่สินเชื่อของทางธนาคาร ได้ยืนยันว่าไม่ถูกปรับ โดยในตอนแรก ผมตั้งใจว่าจะนำเงินสดมาชำระเพื่อปิดบัญชีดังกล่าวเลย เพื่อจะได้สะดวกรวดเร็วและไม่เสียเวลา (เพราะผมได้ทำการขายบ้านดังกล่าวให้กับผู้ซื้อรายใหม่แล้ว และผู้ซื้อรายใหม่ก็ได้ทำการยื่นกู้กับ ธอส.และเตรียมการจดจำนองต่อไป) แต่เจ้าหน้าที่สินเชื่อของทางธนาคารกรุงไทยบอกว่าไม่จำเป็นต้องเช่นนั้น เพราะจะทำให้ลำบากยุ่งยากเกินไป และบอกให้ผมแจ้งกับทาง ธอส. ให้สั่งจ่ายเช็คเพื่อปิดยอดเงินที่ค้างกับทางธนาคารกรุงไทยได้เลย ซึ่งผมก็เห็นว่าเป็นวิธีการที่ดีและปลอดภัยด้วย โดยผมก็ไม่ต้องขนเงินสดมาชำระให้เสี่ยงอันตราย ผมก็ตกลงตามนั้น จึงได้แจ้งกับ ธอส. ให้สั่งจ่ายเป็นเช็คในส่วนที่ต้องจ่าย ให้ไปจ่ายธนาคารกรุงไทยแทน ตามยอดที่เจ้าหน้าที่สินเชื่อของทางธนาคารกรุงไทยแจ้งไว้ โดยปิดบัญชีเมื่อวันที่ 17/02/2557 เป็นที่เรียบร้อย
ต่อมา วันที่ 25/03/2558 ผมจึงได้รู้ความจริง เมื่อผมได้มาติดต่อธนาคารเพื่อขอใบลดหย่อนภาษีค่าดอกเบี้ย ให้กับภรรยาของผม ตามที่แจ้งไว้ในตอนต้น หลังจากนั้น ผมจึงได้โทรหาเจ้าหน้าที่ Call center 1558 ของธนาคาร ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้เลขหมาย 02-1111111 แล้ว โดยได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ชื่อคุณจุฬารัตน์ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งในตอนแรกว่า ธนาคารจะทำเรื่องโอนเงิน จำนวน 31,991.17 บาท คืนให้กับลูกค้าในภายหลัง แต่นี่ผ่านมา 1 ปีเศษแล้ว ยังไม่ได้รับคืน เธอจึงได้ติดต่อประสานงานถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้ ไปยังสาขาสิโรรส จ.ยะลา โดยทางสาขาตอบกลับมาว่า ภรรยาของผมได้ทำการปิดบัญชีเงินกู้ โดยการรีไฟแนนซ์ ซึ่งผมก็ได้ปฏิเสธว่า เราไม่ได้ทำการ รีไฟแนนซ์ แต่อย่างใด เพราะเราไม่ได้ ทำการไถ่ถอนทรัพย์จาก ธ.กรุงไทย แล้วไปจดจำนองกับธนาคารอื่น แต่เราปิดบัญชีเพื่อขายให้กับผู้ซื้อรายใหม่ ซึ่งเป็นบุคคลอื่นต่างหาก (ไม่ใช่ตัวของภรรยาผมซึ่งถือเป็นผู้กู้รายเดิม) ซึ่งไม่ตรงกับเงื่อนไขของการรีไฟแนนซ์แต่อย่างใด (รีไฟแนนซ์ ตามที่ค้นหาจาก google ได้ความว่า คือ การที่ลูกค้ารายเดิมของธนาคารไถ่ถอนทรัพย์เพื่อไปจดจำนองใหม่) โดยก่อนปิดบัญชี ภรรยาของผมก็ได้ทำเซ็นต์เอกสารและทำหลักฐานระบุเหตุผลในการไถ่ถอนปิดบัญชี ตามแบบของธนาคารให้เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย นำไปยื่นขออนุมัติปิดบัญชีต่อผู้จัดการสาขา เพื่อแจ้งให้ ผจก.ทราบถึงเหตุผลและวัตถุประสงค์ในการปิดบัญชีของลูกค้า ก่อน 3 ปี และเจ้าหน้าที่สินเชื่อของทางธนาคาร ยังแจ้งกับเราอีกว่า การทำเช่นนี้จะได้ไม่ต้องถูกเสียค่าปรับ เพราะไม่ได้เป็นการรีไฟแนนซ์ ไปเข้าสถาบันการเงินอื่น (ตามกฎของธนาคารแต่อย่างใด) แต่ถึงกระนั้น ทางเจ้าหน้าที่ Callcenter ที่ช่วยประสานงานให้ ก็แจ้งว่า ทางธนาคารสาขาฯ ไม่ยอมที่จะทำเรื่องคืนเงินให้ ก็ยังคงแจ้งว่า เพราะถือว่าเป็นการรีไฟแนนซ์ โดยยึดเหตุผลแต่เพียงว่า การจ่ายเงินปิดบัญชีในครั้งนั้น เป็นการสั่งจ่ายผ่านทางเช็คของ ธอส. ถึงแม้ผมพยายามอธิบายเหตุผลว่า ได้ปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของกรุงไทย และทำตามคำแนะนำที่ให้ไว้ในตอนต้น ว่าไม่ต้องไปถอนเงินสด ให้ใช้เช็คของ ธอส.มาปิดยอดแทนก็ตาม แต่เขาก็ไม่ฟังและยังยืนยัน โดยตีความว่า การจ่ายด้วยเช็คเป็นการรีไฟแนนซ์
ในการนี้ ผมจึงขออนุเคราะห์จากทางธนาคารกรุงไทย ให้ช่วยคืนเงินให้ภรรยาผมด้วย ถึงแม้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มาก แต่ก็มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ และเป็นทุนการศึกษาของลูกๆ ของเราครับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คงได้รับคำตอบที่ดีจากทางธนาคาร และคงได้ใช้บริการเป็นลูกค้าที่ดีในโอกาสต่อไปนะครับ
ขอแสดงความนับถือ
ธีรศักดิ์ โทร 0888283706
หมายเหตุ หากทางธนาคาร มีความประสงค์ที่จะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ ได้ตลอดเวลาครับ
ธนาคารกรุงไทย ทำผิดเงื่อนไข ไม่เป็นไปตามสัญญา
ตามที่ ผมได้ไว้วางใจและใช้บริการเป็นลูกค้าที่ดีของทางธนาคารมาโดยตลอด แต่วันนี้ ผมเพิ่งรู้ความจริงหลักฉากที่ถูกหลอกลวงมาโดยตลอดกว่า 1 ปี เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ผมได้รับมอบอำนาจภรรยาให้ไปติดต่อธนาคารเพื่อขอใบลดหย่อนภาษีค่าดอกเบี้ย ให้กับภรรยาของผม(ซึ่งเธอไปธุระต่างจังหวัด ทำให้ไม่สามารถมายื่นด้วยตนเอง) จึงได้เจอตอโดยบังเอิญ (น้ำลดตอผุด / ความลับไม่มีในโลก) โดยผมพบความผิดปกติที่เป็นข้อสงสัย ว่า ทำไมดอกเบี้ยที่ทางธนาคารแจ้งหักลดหย่อนภาษี ให้ลูกค้าไปยื่นกับทางสรรพากร ไม่ตรงกับดอกเบี้ยที่ภรรยาของผมจ่ายจริง คือ ดอกเบี้ยที่สามารถหักลดหย่อนกับทางสรรพากร ธนาคารแจ้งยอดมาเพียง 12,005.80 บาท และยังมีในส่วนดอกเบี้ยที่ไม่แจ้งอีก จำนวน 31,991.17 บาท ซึ่งผมก็สงสัยเป็นอันมาก จึงขอให้เจ้าหน้าที่ธนาคารช่วยชี้แจงยอดดังกล่าว จึงได้ทราบว่า ยอดเงินดังกล่าวเป็นค่าปรับ ที่ลูกค้าปิดบัญชี ผมก็สงสัยว่า ทำไมทางธนาคารต้องปรับด้วย ในเมื่อตอนก่อนที่ผมจะกู้ ผมได้ศึกษาเงื่อนไขเป็นอย่างดี อีกทั้งยังปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางของทางธนาคาร ที่มาออกบู๊ธในงาน money expo อย่างละเอียดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่าเงื่อนไขของทางธนาคารกรุงไทยอนุญาตให้ผู้กู้ สามารถปิดบัญชีก่อน 3 ปี ได้โดยไม่มีค่าปรับ (โดยยกเว้นเงื่อนไข ในกรณีที่ลูกค้า รีไฟแนนซ์ หลักทรัพย์ของตนเอง ไปกู้กับสถาบันการเงินอื่น) ซึ่งกรณีของภรรยาผมก็ไม่ผิดเงื่อนไขแต่ประการใด โดยผมและภรรยา ได้ปรึกษาหารือกับทางเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย สาขาสิโรรส จ.ยะลา ในวันก่อนที่จะปิดบัญชีถึงยอดเงินที่จะต้องนำมาชำระเพื่อปิดบัญชี และได้สอบถามถึงวงเงินค่าปรับว่าต้องถูกปรับหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่สินเชื่อของทางธนาคาร ได้ยืนยันว่าไม่ถูกปรับ โดยในตอนแรก ผมตั้งใจว่าจะนำเงินสดมาชำระเพื่อปิดบัญชีดังกล่าวเลย เพื่อจะได้สะดวกรวดเร็วและไม่เสียเวลา (เพราะผมได้ทำการขายบ้านดังกล่าวให้กับผู้ซื้อรายใหม่แล้ว และผู้ซื้อรายใหม่ก็ได้ทำการยื่นกู้กับ ธอส.และเตรียมการจดจำนองต่อไป) แต่เจ้าหน้าที่สินเชื่อของทางธนาคารกรุงไทยบอกว่าไม่จำเป็นต้องเช่นนั้น เพราะจะทำให้ลำบากยุ่งยากเกินไป และบอกให้ผมแจ้งกับทาง ธอส. ให้สั่งจ่ายเช็คเพื่อปิดยอดเงินที่ค้างกับทางธนาคารกรุงไทยได้เลย ซึ่งผมก็เห็นว่าเป็นวิธีการที่ดีและปลอดภัยด้วย โดยผมก็ไม่ต้องขนเงินสดมาชำระให้เสี่ยงอันตราย ผมก็ตกลงตามนั้น จึงได้แจ้งกับ ธอส. ให้สั่งจ่ายเป็นเช็คในส่วนที่ต้องจ่าย ให้ไปจ่ายธนาคารกรุงไทยแทน ตามยอดที่เจ้าหน้าที่สินเชื่อของทางธนาคารกรุงไทยแจ้งไว้ โดยปิดบัญชีเมื่อวันที่ 17/02/2557 เป็นที่เรียบร้อย
ต่อมา วันที่ 25/03/2558 ผมจึงได้รู้ความจริง เมื่อผมได้มาติดต่อธนาคารเพื่อขอใบลดหย่อนภาษีค่าดอกเบี้ย ให้กับภรรยาของผม ตามที่แจ้งไว้ในตอนต้น หลังจากนั้น ผมจึงได้โทรหาเจ้าหน้าที่ Call center 1558 ของธนาคาร ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้เลขหมาย 02-1111111 แล้ว โดยได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ชื่อคุณจุฬารัตน์ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งในตอนแรกว่า ธนาคารจะทำเรื่องโอนเงิน จำนวน 31,991.17 บาท คืนให้กับลูกค้าในภายหลัง แต่นี่ผ่านมา 1 ปีเศษแล้ว ยังไม่ได้รับคืน เธอจึงได้ติดต่อประสานงานถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้ ไปยังสาขาสิโรรส จ.ยะลา โดยทางสาขาตอบกลับมาว่า ภรรยาของผมได้ทำการปิดบัญชีเงินกู้ โดยการรีไฟแนนซ์ ซึ่งผมก็ได้ปฏิเสธว่า เราไม่ได้ทำการ รีไฟแนนซ์ แต่อย่างใด เพราะเราไม่ได้ ทำการไถ่ถอนทรัพย์จาก ธ.กรุงไทย แล้วไปจดจำนองกับธนาคารอื่น แต่เราปิดบัญชีเพื่อขายให้กับผู้ซื้อรายใหม่ ซึ่งเป็นบุคคลอื่นต่างหาก (ไม่ใช่ตัวของภรรยาผมซึ่งถือเป็นผู้กู้รายเดิม) ซึ่งไม่ตรงกับเงื่อนไขของการรีไฟแนนซ์แต่อย่างใด (รีไฟแนนซ์ ตามที่ค้นหาจาก google ได้ความว่า คือ การที่ลูกค้ารายเดิมของธนาคารไถ่ถอนทรัพย์เพื่อไปจดจำนองใหม่) โดยก่อนปิดบัญชี ภรรยาของผมก็ได้ทำเซ็นต์เอกสารและทำหลักฐานระบุเหตุผลในการไถ่ถอนปิดบัญชี ตามแบบของธนาคารให้เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย นำไปยื่นขออนุมัติปิดบัญชีต่อผู้จัดการสาขา เพื่อแจ้งให้ ผจก.ทราบถึงเหตุผลและวัตถุประสงค์ในการปิดบัญชีของลูกค้า ก่อน 3 ปี และเจ้าหน้าที่สินเชื่อของทางธนาคาร ยังแจ้งกับเราอีกว่า การทำเช่นนี้จะได้ไม่ต้องถูกเสียค่าปรับ เพราะไม่ได้เป็นการรีไฟแนนซ์ ไปเข้าสถาบันการเงินอื่น (ตามกฎของธนาคารแต่อย่างใด) แต่ถึงกระนั้น ทางเจ้าหน้าที่ Callcenter ที่ช่วยประสานงานให้ ก็แจ้งว่า ทางธนาคารสาขาฯ ไม่ยอมที่จะทำเรื่องคืนเงินให้ ก็ยังคงแจ้งว่า เพราะถือว่าเป็นการรีไฟแนนซ์ โดยยึดเหตุผลแต่เพียงว่า การจ่ายเงินปิดบัญชีในครั้งนั้น เป็นการสั่งจ่ายผ่านทางเช็คของ ธอส. ถึงแม้ผมพยายามอธิบายเหตุผลว่า ได้ปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของกรุงไทย และทำตามคำแนะนำที่ให้ไว้ในตอนต้น ว่าไม่ต้องไปถอนเงินสด ให้ใช้เช็คของ ธอส.มาปิดยอดแทนก็ตาม แต่เขาก็ไม่ฟังและยังยืนยัน โดยตีความว่า การจ่ายด้วยเช็คเป็นการรีไฟแนนซ์
ในการนี้ ผมจึงขออนุเคราะห์จากทางธนาคารกรุงไทย ให้ช่วยคืนเงินให้ภรรยาผมด้วย ถึงแม้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มาก แต่ก็มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ และเป็นทุนการศึกษาของลูกๆ ของเราครับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คงได้รับคำตอบที่ดีจากทางธนาคาร และคงได้ใช้บริการเป็นลูกค้าที่ดีในโอกาสต่อไปนะครับ
ขอแสดงความนับถือ
ธีรศักดิ์ โทร 0888283706
หมายเหตุ หากทางธนาคาร มีความประสงค์ที่จะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ ได้ตลอดเวลาครับ