ขอเกริ่นนิดนึงนะครับ ผมสมัครพันทิปมานานละ แต่ไม่เคยตั้งกระทู้อะไรเลย แต่คราวนี้อดทนไม่ไหวจริงๆ เลยมาขอความคิดเห็นกับทุกท่านในพันทิปนี้ครับ
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเวลาประมาณ2ทุ่มของเมื่อคืนวันอาทิตย์ (แต่ผมต้องยืนยันตัวตนกับพันทิป กว่าจะได้เอามาลงก็วันนี้หละครับ) ผมได้ขับรถไปรับพ่อกับแม่ที่ซื้อของอยู่ที่ตลาดนัดแถวบ้าน รถผมอยู่เลนด้านซ้ายสุด ชลอไปเรื่อยๆพร้อมจอดรับพ่อกับแม่ และที่รถเก๋งโตโยต้า โคโรร่า ขับด้วยความเร็วและเกิดการเฉี่ยวที่รถด้านขวาของผม และไม่มีการชลอเบรคหรืออะไรใดใดทั้งสิ้น รถคู่กรณีขับหนีไปอย่างหน้าตาเฉย ผมจึงตบเกียร์ออกไล่ตามด้วยความโมโห จนกระทั่งรถผมได้จอดเทียบรถคู่กรณีและได้เปิดกระจกตระโกนบอกให้จอด รถคู่กรณีก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดรถและเสมือนโชคเข้าข้างผม เพราะทางข้างหน้าเป็นมีรถกำลังยูเทรินพอดี จึงทำให้รถทุกคันรวมถึงรถของคู่กรณีผมจำเป็นต้องชลอเพื่อจอดไปโดยปริยาย ผมจึงตัดสินใจ ขับปาดไปที่เลนของคู่กรณี เพื่อหวังให้เค้าจอดและไปขับหนีไปที่ไหนอีก (ถึงแม้ผมจะปาดหน้าแต่ผมก็เผื่อระยะให้เค้าเบรคเพื่อจอดนะครับ) แต่ทว่ารถของคู่กรณีกลับขับมาชนท้ายรถผมอีก1รอบทางด้านซ้าย (คราวนี้มีแผลที่แก้มก้นทั้ง2ข้างเลย) ผมรีบลงจากรถด้วยความโมโหแบบสุดๆ เดินมาที่รถของคู่กรณี เพื่อที่จะเรียกให้เค้าลงจากรถมาพูดคุยกัน คู่กรณีผมเปิดกระจกมาหน้าตาเค้าบ่งบอกเค้าเมามาก!
ผม : ขับรถชนกูแล้วหนีเหรอ
คู่กรณี: ผมไม่ได้ชนพี่นะครับ
ผม : ก็เห็นอยู่อะว่าขับชนกูแล้วก็ขับเลยมาเนี่ย ยังไง
คู่กรณี: อ้อ ผมขับมาหาที่จอดรถครับ
เถียงกันอยู่ครู่ใหญ่ ผมก็รู้ละว่าเค้าเมามากจนจำอะไรไม่ได้เลย แต่สุดท้ายเค้ายอมรับผิดชอบ เดี๋ยวเค้าให้ประกันมาเคลมให้ แต่ทว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะด้วยลีลาของคนเมา จึงยึกยักไม่ยอมโทรเรียกบริษัทประกันสักที ผมจึงตัดสินใจให้พ่อผมมาเฝ้ารถแทน แล้วผมไปที่สถานีตำรวจบางขุนเทียนเพื่อแจ้งความกับร้อยเวร แต่คุณท่านตำรวจร้อยโทใส่แว่นประจำสน.บางขุนเทียนกลับวอเรียกให้อาสามาดูเพื่อเอาคนเจ็บไปโรงพยาบาล แล้วบอกให้ผมโทรเรียกประกันของผมเองเพื่อให้บริษัทประกันเค้าเคลียร์กันเอง ผมก็เชื่อตามคำแนะนำของคุณท่านตำรวจท่านนั้นแนะนำกลับมาที่รถโทรเรียกบริษัทประกัน แต่บ.ประกันของผมกับคู่กรณีดันเป็นบริษัทเดียวกัน(…..ซีพี) แต่ก็ต้องโทรเรียกเหมือนกันเพราะเจ้าทุกข์ เป็นคนละฝ่ายกัน.....
ระหว่างรอประกันมาทำเรื่องเคลมนั้น มีตำรวจสายตรวจท่านนึงขี่มอเตอร์ไซค์มาดู แต่ผมเชื่อว่าน่าจะไม่ได้มาเพราะผมไปแจ้งไว้กับที่โรงพัก เพราะคุณตำรวจท่านนั้นมาแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอตำรวจท่านนั้นจอดมอเตอร์ไซค์พร้อมกับสอบถามว่าตกลงกันได้ไหม? คู่กรณีผมรีบตอบทันทีเลยว่าตกลงกันได้เรียบร้อยครับ ผมก็ไม่ได้อะไร เพราะเห็นว่าเค้าเมามาก แต่ก็ยอมรับว่าผิด ตำรวจท่านนั้นจึงขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป
จนกระทั่งพนักงานเคลมประกันของรถคู่กรณีมาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นรถของคู่กรณีใช้ประกันชั้น2+ ทั้งผมและคู่กรณีก็เล่าให้พนักงานเคลมประกันฟัง พนักงานเคลมประกันรีบทำหน้าที่ออกใบเคลมให้ ระหว่างนั้นพนักงานประกันของผมก็มาถึง ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตน ฝ่ายคู่กรณีทำเรื่องเสร็จก่อนพนักงานเคลมประกันของคู่กรณีจึงบอกให้คู่กรณีผมไปได้ เพราะทำเรื่องเสร็จหมดแล้ว ผมและพ่อก็ถามพนักงานประกันว่าปล่อยให้ไปแบบนี้เลยเหรอ พนง.ประกันตอบแบบสั้นๆ”ครับ” คู่กรณีที่เมาๆของผม จึงรีบขับรถไป คราวนี้ความซวยมาบังเกิดที่ผมละ เมื่อพนักงานประกันของคู่กรณีผมโทรไปสอบถามที่บริษัท แล้วแจ้งว่าในการชนครั้งที่2 (ที่ผมปาดหน้าเพื่อให้เค้าจอด) ครั้งนั้นบริษัทจะไม่รับผิดชอบเคลมให้ จะเคลมให้ก็ต่อเมื่อให้ตำรวจร้อยเวรระบุว่าคู่กรณีผมเมาจริงและมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนด พนง.เคลมประกันของคนเมา จึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งเพื่อให้ไปพบกันที่สน.บางขุนเทียน........
ตัดภาพมาที่สน.บางขุนเทียนนะครับถึงจุดพีคก็ตรงนี้หละครับ พอมาถึง ผมก็รีบเดินเข้าไปหาคุณตำรวจร้อยโทใส่แว่นที่ผมเข้าไปบอกเค้าเมื่อเกิดการชนตั้งแต่ตอน2ทุ่มกว่าๆ ตำรวจเค้าถามว่าแล้วคู่กรณีหละ แล้วตกลงจะเอายังไง พนง.เคลมประกันจึงบอกว่าให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ครับ (ตอนนั้นเวลา4ทุ่มแล้วนะครับ) เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์คุณร้อยโทใส่แว่นท่านนั้นจึงพาคู่กรณีผมไปที่ห้องตรวจวัดแอลกอฮอล์ มีผมและพ่อ คู่กรณี พนง.ประกันทั้ง2ฝ่าย ทั้งหมด5คน พอผมเดินตามเข้าไปถึงยังไม่ทันอะไรเลยครับ ผมเห็บคู่กรณีผมควักเงินออกมาปึกนึง แล้วคุณท่านตำรวจร้อยโทใส่แว่นก็พูดว่า “มีอยู่เครื่องเดียวในห้องสารวัตร ตอนนี้ห้องสารวัตรล๊อกอยู่ เปิดไม่ได้ ต้องรอคนเอากุญแจมาเปิด คิดว่าจะมาตอน4ทุ่มเนี่ยแหละ ให้ทุกคนออกไปรอข้างนอกก่อนละกัน เดี๋ยวผมจะเรียกอีกที ส่วนคู่กรณีที่เมาของผมคุณท่านตำรวจร้อยโทใส่แว่นบอกให้นั่งรอในห้องนั้น” ผมก็รอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึง5ทุ่ม กุญแจห้องสารวัตรจึงเดินทางมาถึงสน. จึงทำการเป่าเพื่อตรวจวัด ผลออกมาว่าคู่กรรีผมมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่56% ผมก็ไม่รู้นะว่าผิดกฎหมายรึเปล่า แต่คุณตำรวยร้อยโทใส่แว่นประจำสน.บางขุนเทียนกลับปล่อยตัวออกมาแบบปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น........ สรุปตอนจบพนง.ประกันแจ้งแค่เลขเคลมให้ผม แล้วบอกให้ผมโทรไปติดต่อบริษัทเอง ส่วนคู่กรณีผมขับรถกลับบ้านแบบปกติ ไอตัวผมเองนี่ก็กลับบ้านแบบเอ๋อๆเลยครับ สรุปคือรถชนตั้งแต่ตอน2ทุ่มชนแล้วหนีด้วย พอผมไล่ตามไปปาดหน้าเพื่อให้จอดมาคุยก็โดนชนท้ายอีก คู่กรณีก็ยังเมาอีกด้วย ไปถึงสน.ตอน4ทุ่ม แต่กว่าจะได้เป่าตรวจแอลกอฮอล์ก็ตอน5ทุ่ม ผลเป่าออกมา56% ก็ยังไม่ผิดอีก เดินออกมาขับรถกลับบ้านหน้าตาเฉย แบบนี้คือถูกต้อง ชนแล้วหนีได้ จะเป่าตรวจแอลกอฮอล์ก็ให้ควักตังออกมา เครื่องตรวจที่โรงพักมีอันเดียวต้องรอกุญแจมาเปิดห้องเอาเครื่องตรวจเป็นชั่วโมง แบบนี้คือถูกต้องใช่มั๊ยครับ? หรือถ้าผมเข้าใจอะไรผิด รบกวนทุกท่านชี้แจงและสอนผมด้วยนะครับ
เมาแล้วขับ>ขับแล้วชน>ชนแล้วหนี>โดนตรวจแอลกอฮอล์>ปริมาณเกินแต่ตำรวจปล่อย
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเวลาประมาณ2ทุ่มของเมื่อคืนวันอาทิตย์ (แต่ผมต้องยืนยันตัวตนกับพันทิป กว่าจะได้เอามาลงก็วันนี้หละครับ) ผมได้ขับรถไปรับพ่อกับแม่ที่ซื้อของอยู่ที่ตลาดนัดแถวบ้าน รถผมอยู่เลนด้านซ้ายสุด ชลอไปเรื่อยๆพร้อมจอดรับพ่อกับแม่ และที่รถเก๋งโตโยต้า โคโรร่า ขับด้วยความเร็วและเกิดการเฉี่ยวที่รถด้านขวาของผม และไม่มีการชลอเบรคหรืออะไรใดใดทั้งสิ้น รถคู่กรณีขับหนีไปอย่างหน้าตาเฉย ผมจึงตบเกียร์ออกไล่ตามด้วยความโมโห จนกระทั่งรถผมได้จอดเทียบรถคู่กรณีและได้เปิดกระจกตระโกนบอกให้จอด รถคู่กรณีก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดรถและเสมือนโชคเข้าข้างผม เพราะทางข้างหน้าเป็นมีรถกำลังยูเทรินพอดี จึงทำให้รถทุกคันรวมถึงรถของคู่กรณีผมจำเป็นต้องชลอเพื่อจอดไปโดยปริยาย ผมจึงตัดสินใจ ขับปาดไปที่เลนของคู่กรณี เพื่อหวังให้เค้าจอดและไปขับหนีไปที่ไหนอีก (ถึงแม้ผมจะปาดหน้าแต่ผมก็เผื่อระยะให้เค้าเบรคเพื่อจอดนะครับ) แต่ทว่ารถของคู่กรณีกลับขับมาชนท้ายรถผมอีก1รอบทางด้านซ้าย (คราวนี้มีแผลที่แก้มก้นทั้ง2ข้างเลย) ผมรีบลงจากรถด้วยความโมโหแบบสุดๆ เดินมาที่รถของคู่กรณี เพื่อที่จะเรียกให้เค้าลงจากรถมาพูดคุยกัน คู่กรณีผมเปิดกระจกมาหน้าตาเค้าบ่งบอกเค้าเมามาก!
ผม : ขับรถชนกูแล้วหนีเหรอ
คู่กรณี: ผมไม่ได้ชนพี่นะครับ
ผม : ก็เห็นอยู่อะว่าขับชนกูแล้วก็ขับเลยมาเนี่ย ยังไง
คู่กรณี: อ้อ ผมขับมาหาที่จอดรถครับ
เถียงกันอยู่ครู่ใหญ่ ผมก็รู้ละว่าเค้าเมามากจนจำอะไรไม่ได้เลย แต่สุดท้ายเค้ายอมรับผิดชอบ เดี๋ยวเค้าให้ประกันมาเคลมให้ แต่ทว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะด้วยลีลาของคนเมา จึงยึกยักไม่ยอมโทรเรียกบริษัทประกันสักที ผมจึงตัดสินใจให้พ่อผมมาเฝ้ารถแทน แล้วผมไปที่สถานีตำรวจบางขุนเทียนเพื่อแจ้งความกับร้อยเวร แต่คุณท่านตำรวจร้อยโทใส่แว่นประจำสน.บางขุนเทียนกลับวอเรียกให้อาสามาดูเพื่อเอาคนเจ็บไปโรงพยาบาล แล้วบอกให้ผมโทรเรียกประกันของผมเองเพื่อให้บริษัทประกันเค้าเคลียร์กันเอง ผมก็เชื่อตามคำแนะนำของคุณท่านตำรวจท่านนั้นแนะนำกลับมาที่รถโทรเรียกบริษัทประกัน แต่บ.ประกันของผมกับคู่กรณีดันเป็นบริษัทเดียวกัน(…..ซีพี) แต่ก็ต้องโทรเรียกเหมือนกันเพราะเจ้าทุกข์ เป็นคนละฝ่ายกัน.....
ระหว่างรอประกันมาทำเรื่องเคลมนั้น มีตำรวจสายตรวจท่านนึงขี่มอเตอร์ไซค์มาดู แต่ผมเชื่อว่าน่าจะไม่ได้มาเพราะผมไปแจ้งไว้กับที่โรงพัก เพราะคุณตำรวจท่านนั้นมาแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอตำรวจท่านนั้นจอดมอเตอร์ไซค์พร้อมกับสอบถามว่าตกลงกันได้ไหม? คู่กรณีผมรีบตอบทันทีเลยว่าตกลงกันได้เรียบร้อยครับ ผมก็ไม่ได้อะไร เพราะเห็นว่าเค้าเมามาก แต่ก็ยอมรับว่าผิด ตำรวจท่านนั้นจึงขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป
จนกระทั่งพนักงานเคลมประกันของรถคู่กรณีมาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นรถของคู่กรณีใช้ประกันชั้น2+ ทั้งผมและคู่กรณีก็เล่าให้พนักงานเคลมประกันฟัง พนักงานเคลมประกันรีบทำหน้าที่ออกใบเคลมให้ ระหว่างนั้นพนักงานประกันของผมก็มาถึง ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตน ฝ่ายคู่กรณีทำเรื่องเสร็จก่อนพนักงานเคลมประกันของคู่กรณีจึงบอกให้คู่กรณีผมไปได้ เพราะทำเรื่องเสร็จหมดแล้ว ผมและพ่อก็ถามพนักงานประกันว่าปล่อยให้ไปแบบนี้เลยเหรอ พนง.ประกันตอบแบบสั้นๆ”ครับ” คู่กรณีที่เมาๆของผม จึงรีบขับรถไป คราวนี้ความซวยมาบังเกิดที่ผมละ เมื่อพนักงานประกันของคู่กรณีผมโทรไปสอบถามที่บริษัท แล้วแจ้งว่าในการชนครั้งที่2 (ที่ผมปาดหน้าเพื่อให้เค้าจอด) ครั้งนั้นบริษัทจะไม่รับผิดชอบเคลมให้ จะเคลมให้ก็ต่อเมื่อให้ตำรวจร้อยเวรระบุว่าคู่กรณีผมเมาจริงและมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนด พนง.เคลมประกันของคนเมา จึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งเพื่อให้ไปพบกันที่สน.บางขุนเทียน........
ตัดภาพมาที่สน.บางขุนเทียนนะครับถึงจุดพีคก็ตรงนี้หละครับ พอมาถึง ผมก็รีบเดินเข้าไปหาคุณตำรวจร้อยโทใส่แว่นที่ผมเข้าไปบอกเค้าเมื่อเกิดการชนตั้งแต่ตอน2ทุ่มกว่าๆ ตำรวจเค้าถามว่าแล้วคู่กรณีหละ แล้วตกลงจะเอายังไง พนง.เคลมประกันจึงบอกว่าให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ครับ (ตอนนั้นเวลา4ทุ่มแล้วนะครับ) เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์คุณร้อยโทใส่แว่นท่านนั้นจึงพาคู่กรณีผมไปที่ห้องตรวจวัดแอลกอฮอล์ มีผมและพ่อ คู่กรณี พนง.ประกันทั้ง2ฝ่าย ทั้งหมด5คน พอผมเดินตามเข้าไปถึงยังไม่ทันอะไรเลยครับ ผมเห็บคู่กรณีผมควักเงินออกมาปึกนึง แล้วคุณท่านตำรวจร้อยโทใส่แว่นก็พูดว่า “มีอยู่เครื่องเดียวในห้องสารวัตร ตอนนี้ห้องสารวัตรล๊อกอยู่ เปิดไม่ได้ ต้องรอคนเอากุญแจมาเปิด คิดว่าจะมาตอน4ทุ่มเนี่ยแหละ ให้ทุกคนออกไปรอข้างนอกก่อนละกัน เดี๋ยวผมจะเรียกอีกที ส่วนคู่กรณีที่เมาของผมคุณท่านตำรวจร้อยโทใส่แว่นบอกให้นั่งรอในห้องนั้น” ผมก็รอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึง5ทุ่ม กุญแจห้องสารวัตรจึงเดินทางมาถึงสน. จึงทำการเป่าเพื่อตรวจวัด ผลออกมาว่าคู่กรรีผมมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่56% ผมก็ไม่รู้นะว่าผิดกฎหมายรึเปล่า แต่คุณตำรวยร้อยโทใส่แว่นประจำสน.บางขุนเทียนกลับปล่อยตัวออกมาแบบปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น........ สรุปตอนจบพนง.ประกันแจ้งแค่เลขเคลมให้ผม แล้วบอกให้ผมโทรไปติดต่อบริษัทเอง ส่วนคู่กรณีผมขับรถกลับบ้านแบบปกติ ไอตัวผมเองนี่ก็กลับบ้านแบบเอ๋อๆเลยครับ สรุปคือรถชนตั้งแต่ตอน2ทุ่มชนแล้วหนีด้วย พอผมไล่ตามไปปาดหน้าเพื่อให้จอดมาคุยก็โดนชนท้ายอีก คู่กรณีก็ยังเมาอีกด้วย ไปถึงสน.ตอน4ทุ่ม แต่กว่าจะได้เป่าตรวจแอลกอฮอล์ก็ตอน5ทุ่ม ผลเป่าออกมา56% ก็ยังไม่ผิดอีก เดินออกมาขับรถกลับบ้านหน้าตาเฉย แบบนี้คือถูกต้อง ชนแล้วหนีได้ จะเป่าตรวจแอลกอฮอล์ก็ให้ควักตังออกมา เครื่องตรวจที่โรงพักมีอันเดียวต้องรอกุญแจมาเปิดห้องเอาเครื่องตรวจเป็นชั่วโมง แบบนี้คือถูกต้องใช่มั๊ยครับ? หรือถ้าผมเข้าใจอะไรผิด รบกวนทุกท่านชี้แจงและสอนผมด้วยนะครับ