อจินไตย ทำไม อย่างไร.....ตองเก้า

พวกคุณเคยได้ยินมั้ย "ไม่ต้องมาถามมันเป็นอจินไตย"   พอเราเอาเหตุผลจากอจินไตยว่า  ทำไมเป็นอจินไตยแล้วถึงถามไม่ได้
ก็จะได้คำตอบว่า......พระพุทธองค์ทรงบอกไม่ให้คิดเรื่องอจินไตย
ถ้าพระพุทธองค์ทรงบอกจริงแล้ว   ผมว่าน่าจะเข้าตำรา  "ฟังไม่ได้ศัพย์จำมากระเดียด"แน่ๆ
มิหน่ำซ้ำยังเอาไปเป็นข้ออ้าง  เพื่อที่จะเลี่ยงคำถามที่ตัวเองก็ไม่รู้

ในพระสูตรมีการกล่าวถึงธรรมสี่อย่าง  ที่ไม่ควรกล่าวถึงคือ
                    ๑. พุทธวิสัย
                    ๒. ฌานวิสัย
                    ๓. กัมมวิบาก
                    ๔. โลกจินดา

เห็นมีคนเอาไปแปลว่า ๑. พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้า
                              ๒. ฌานวิสัย วิสัยของผู้ได้ฌาน
                              ๓. กัมมวิบาก ผลจากกรรม
                              ๔. โลกจินดา ความคิดเรื่องโลก
แปลแบบนี้มันใช่ซะที่ไหนกันครับ    อจินไตยไม่ได้หมายถึงตัวบุคคลหรือโลก
แต่ความเป็นอจินไตยหมายถึง........ลักษณะของธรรมอย่างหนึ่ง


ซึ่งลักษณะของธรรมที่เรียกว่าอจินไตย  เป็นไปในลักษณะของการสืบต่อกันเป็นวัฏจักร(วงกลม)
คือไม่สามารถรู้ได้ว่า  อะไรเป็นจุดเริ่มต้น  อะไรเป็นจุดจบ
ฟังแล้วอาจจะงงๆ   จะยกตัวอย่างให้ดูนะครับ เช่น  ปัญหาแบบเด็กที่เขาใช่ถามกันเล่นๆว่า  "ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน"
บ้างก็ว่าไก่   บ้างก็ว่าไข่   คือมันไม่มีบทสรุป  แบบนี้ก็คือ  ความเป็นอจินไตย  

ตัวอย่างข้างต้นอาจดูไร้เดียงสาไปหน่อย   ถ้าจะเอาแบบผู้ใหญ่ก็ต้องดูลักษณะของการเกิดฝน
ลักษณะของการมีอยู่ของฝน   มันเป็นไปโดยลักษณะของอจินไตย  คือ เราจะไม่สามารถทราบได้เลยว่า
ในกระบวนการของการเกิดฝน  เหตุปัจจัยของกระบวนการนั้นอะไรเกิดก่อนกัน   น้ำในบ่อ  ไอน้ำ  หรือฝน
ทั้งหมดล้วนเป็นเหตุปัจจัยต่อกันเป็นวัฏจักร

โดยสรุป  อจินไตยจึงไม่ใช่สิ่งที่ห้ามคิด   แต่ความหมายของอจินไตยนั้นหมายถึง
ธรรมที่เป็นไปโดยลักษณะของความเป็นวัฏฏจักร  คืออาศัยกันเกิดวนเวียนกันเป็นวงกลม
จนไม่สามารถหาต้นสายปลายเหตุของมันได้


แล้วสี่อย่างที่กล่าวข้างต้นคือ พุทธวิสัย...ฌานวิสัย...กัมวิบากและโลกจินดา
มันมาเกี่ยวข้องกับอจินไตยอย่างไร  ใครตอบได้ก็ช่วยกันทำมาหากินหน่อยครับ
แต่ถ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร  ไว้จะเข้ามาขยายความให้ฟัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่