คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
อธิบายได้ดังนี้ครับ
1. กรณีทำปากจู๋ ลมที่เราเป่าออกจากปากของเราเมื่อเราทำปากจู๋ นั้น
จะมีความเร็วลมประมาณ 40 กม./ชม. ซึ่งความเร็วลมขนาดนี้
จะทำให้โมเลกุลอากาศสามารถเร่งอัตราการระบายความร้อนจากผิวหนังเราได้มาก
ทำให้ผิวหนังของเราถูกระบายความร้อนอย่างรวดเร็วจากแรงลมที่ความเร็วแบบปากจู๋นี้ครับ
ดังนั้น การเป่าลมแบบปากจู๋จึงทำให้เรารู้สึกเย็นครับ ส่วนอุณหภูมิของลมที่ออกจากปากจู๋นั้น
ก็ประมาณใกล้เคียง 37 องศา เท่าร่างกาย แต่อัตราการระบายความร้อนจากผิวหนัง
มันมากกว่าความร้อนของอุณหภูมิลมอันนั้น และเอาชนะไปได้ครับ เราจึงรู้สึกเย็น
2. กรณีทำปากห่อ ลมที่ออกมาก็จะมีอุณหภูมิ 37 องศา เท่ากรณีแรก
แต่ .... ลมที่ออกมาจากปากแบบห่อ ๆ นั้นจะมีความเร็วต่ำมาก ๆ
ดังนั้น จึงไม่มีส่วนช่วยในการ "ระบายความร้อน" จากผิวหนังเลย
ตรงกันข้าม มันจะยิ่งถ่ายเทความอุ่นจากอุณหภูมิ 37 องศาเข้าสู่ผิวหนังเสียอีก
เราจึงรู้สึกอุ่นครับ
1. กรณีทำปากจู๋ ลมที่เราเป่าออกจากปากของเราเมื่อเราทำปากจู๋ นั้น
จะมีความเร็วลมประมาณ 40 กม./ชม. ซึ่งความเร็วลมขนาดนี้
จะทำให้โมเลกุลอากาศสามารถเร่งอัตราการระบายความร้อนจากผิวหนังเราได้มาก
ทำให้ผิวหนังของเราถูกระบายความร้อนอย่างรวดเร็วจากแรงลมที่ความเร็วแบบปากจู๋นี้ครับ
ดังนั้น การเป่าลมแบบปากจู๋จึงทำให้เรารู้สึกเย็นครับ ส่วนอุณหภูมิของลมที่ออกจากปากจู๋นั้น
ก็ประมาณใกล้เคียง 37 องศา เท่าร่างกาย แต่อัตราการระบายความร้อนจากผิวหนัง
มันมากกว่าความร้อนของอุณหภูมิลมอันนั้น และเอาชนะไปได้ครับ เราจึงรู้สึกเย็น
2. กรณีทำปากห่อ ลมที่ออกมาก็จะมีอุณหภูมิ 37 องศา เท่ากรณีแรก
แต่ .... ลมที่ออกมาจากปากแบบห่อ ๆ นั้นจะมีความเร็วต่ำมาก ๆ
ดังนั้น จึงไม่มีส่วนช่วยในการ "ระบายความร้อน" จากผิวหนังเลย
ตรงกันข้าม มันจะยิ่งถ่ายเทความอุ่นจากอุณหภูมิ 37 องศาเข้าสู่ผิวหนังเสียอีก
เราจึงรู้สึกอุ่นครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 30
ผมว่าหลักการมันน่าจะเหมือน Heat Exchanger ทั่วๆไปนะ
ปากจู๋ หมายถึง Pressure (ความดัน) สูง--> ลมออกมามีความเร็วสูง --> ลม Flow Rate มาก --> มีเวลาให้ Heat Exchange จากร่างกาย (Hot Side) ไปที่ลม (Cold Side) ได้น้อย --> ลมก็เลยไม่ร้อนมาก (เย็น)
ปากกว้าง หมายถึง Pressure ที่ต่ำกว่า --> ลมออกมามีความเร็วต่ำ --> ลม Flow Rate น้อย --> มีเวลาให้ Heat Exchange จากร่างกาย (Hot Side) ไปที่ลม (Cold Side) ได้นานกว่า --> ลมก็ร้อนกว่า
ลองทำปากจู๋แต่เป่าลมออกมาเบาๆดู จะเห็นว่าลมมันก็ร้อนขึ้นเหมือนกัน ยิ่งเป่าแรง ลมยิ่งเย็น เพราะ Contact Time มันน้อยมาก ความร้อนจากร่างกายเลยถ่ายมาที่ลมได้น้อยมาก
หลักการเหมือนเครื่องทำน้ำอุ่นอะครับ ลองเปิดเครื่องที่ระดับความร้อนเท่ากัน แต่ทำเป็น 2 เคส เคสแรกเปิดน้ำแรงๆ จะพบว่าน้ำไม่ร้อนเท่าไร เคสที่สองลองหรี่น้ำลงให้ไหลช้า จะพบว่าไข่แทบสุก ทั้งสองเคสจริงๆทุกอย่างเหมือนกัน แต่เคสที่น้ำไหลช้ามันมีโอกาสรับความร้อนจากเครื่องทำน้ำอุ่นได้นานกว่า น้ำมันก็ร้อนกว่า ประมาณนั้นครับ
สรุปคือ Heat Exchanger นั่นเอง ...
ปากจู๋ หมายถึง Pressure (ความดัน) สูง--> ลมออกมามีความเร็วสูง --> ลม Flow Rate มาก --> มีเวลาให้ Heat Exchange จากร่างกาย (Hot Side) ไปที่ลม (Cold Side) ได้น้อย --> ลมก็เลยไม่ร้อนมาก (เย็น)
ปากกว้าง หมายถึง Pressure ที่ต่ำกว่า --> ลมออกมามีความเร็วต่ำ --> ลม Flow Rate น้อย --> มีเวลาให้ Heat Exchange จากร่างกาย (Hot Side) ไปที่ลม (Cold Side) ได้นานกว่า --> ลมก็ร้อนกว่า
ลองทำปากจู๋แต่เป่าลมออกมาเบาๆดู จะเห็นว่าลมมันก็ร้อนขึ้นเหมือนกัน ยิ่งเป่าแรง ลมยิ่งเย็น เพราะ Contact Time มันน้อยมาก ความร้อนจากร่างกายเลยถ่ายมาที่ลมได้น้อยมาก
หลักการเหมือนเครื่องทำน้ำอุ่นอะครับ ลองเปิดเครื่องที่ระดับความร้อนเท่ากัน แต่ทำเป็น 2 เคส เคสแรกเปิดน้ำแรงๆ จะพบว่าน้ำไม่ร้อนเท่าไร เคสที่สองลองหรี่น้ำลงให้ไหลช้า จะพบว่าไข่แทบสุก ทั้งสองเคสจริงๆทุกอย่างเหมือนกัน แต่เคสที่น้ำไหลช้ามันมีโอกาสรับความร้อนจากเครื่องทำน้ำอุ่นได้นานกว่า น้ำมันก็ร้อนกว่า ประมาณนั้นครับ
สรุปคือ Heat Exchanger นั่นเอง ...
แสดงความคิดเห็น
ทำไมเวลาเป่าลมออกจากปากแบบปากจู๋ถึงเย็นแต่ฮ่าาาาถึงอุ่นละคะ
แต่เวลาเราหนาวๆเราถึงต้องฮ่าาา(5555ไม่รู้ใช้คำว่าไรดี)แล้วอากาศมันออดมาอุ่นละคะ
ขอบคุณค่ะะ