จีนระดมเครื่องบิน ปืนใหญ่ จรวด "ธงแดง-12" ประชิดชายแดนพม่า
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
24 มีนาคม 2558 06:29 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มีนาคม 2558 07:08 น.)
จีนระดมเครื่องบิน ปืนใหญ่ จรวด ธงแดง-12 ประชิดชายแดนพม่า
เครื่องบินรบ J-11 ซึ่งก็คือ Su-27SK เมดอินไชน่า โดยไม่ได้จ่ายค่าสิทธิบัตร แบบเดียวกันนี้ที่สื่อออนไลน์ของทางจีนรายงานว่าอย่างน้เอย 1 ฝูง ถูกส่งเข้าชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ นอกจากนั้นยังส่ง J-7H ไปประจำที่สนามบินเมืองหลินซัง ที่อยู่ใกล้ชายแดนรัฐชานของพม่ามากที่สุด สิ่งนี้มีขึ้นหลังจากเครื่องบินพม่าทิ้งระเบิดในเขตโกกัง ในการปราบกองกำลังฝ่ายกบฏ แต่ระเบิดเลยเข้าไปตกในดินแดนจีน สร้างความกดดันอย่างมหาศาลต่อรัฐบาลในปักกิ่ง.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- จีนได้ระดมกำลังทหารจำนวนมาก พร้อมเครื่องบินรบ และอาวุธหนักอีกหลายชนิด เข้าสู่ชายแดนภาคตะวันตกเฉียงใต้ ระหว่างมณฑลหยุนหนัน กับภาคเหนือของพม่า หลังจากการปะทะชายแดน ระหว่างกองทัพฝ่ายรัฐบาลและกองกำลังฝ่ายกบฎในเขตโกกัง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อจีนในช่วงข้ามเดือนมานี้ แต่ความเคลื่อนไหวทางทหารมีขึ้นหลังจาก ฝ่ายพม่าส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดในเขตสู้รบ เป็นเหตุให้ระเบิดหลายลูก หล่นลงในดินแดนของจีน ซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันต่อรัฐบาลในกรุงปักกิ่งอย่างหนัก
ภาพที่ Sina.Com และ นิตยสารโกลบอลไทมส์ (Golbal Times) นำออกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ ได้แสดงให้เห็นการเคลื่อนฝูงบิน J-11 เข้าเสริมกำลังในเขตเมืองหลินซัง (Lin Cang) ซึ่งมีชายแดนติดกับตอนเหนือของรัฐชานในพม่า รวมทั้งการเคลื่อนปืนใหญ่ กับอาวุธหนักอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ จรวด "หงฉี-12" หรือ HQ-12 ซึ่งเป็นจรวดต่อสู้อากาศยาน สำหรับยิงเครื่องบินรบ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว มีขึ้นหลังจากนักวิชากร และ สื่อออนไลน์ซึ่งเป็นของรัฐ ถามรัฐบาลในปักกิ่งว่า เพราะเหตุใดกองทัพประชาชนจีน จึงไม่สามารถตรวจจับเครื่องบินทิ้งระเบิดของพม่าได้ ปล่อยให้มีการล้ำแดนเข้ามาทิ้งระเบิด สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งคำถามที่ว่า ปัจจุบันกองทัพประชาชนจีนมีขีดความสามารถในการป้องกันเอกราชอธิปไตย และ น่านฟ้าได้จริงๆ หรือไม่
คำถามต่างๆ เหล่านี้ทำให้นายกรัฐมนตรี นายหลี่เค่อเฉียง ต้องออกมายืนยันในขีดความสามารถของรัฐบาลในการป้องกันประเทศ ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแจกแจง เกี่ยวกับการดำเนินการแก้ไขปัญหากับพม่า ผ่านวิถีทางการทูต เพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นอีก
สำหรับจีนนั้น เหตุการณ์ที่ชายแดนพม่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะไม่มีอะไรที่ทำให้จีนรู้สึก "เสียหน้า" เท่ากับปล่อยให้ประเทศที่เล็กกว่าอ่อนแอกว่าประเทศหนึ่ง ละเมิดอธิปไตยได้ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่มีการตอบโต้อย่างเท่าเทียม
แต่ปัญหากับพม่ามีความละเอียดอ่อน และ มีความอ่อนไหวมาก ทั้งทางการเมือง ความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจ และ ในทางยุทธศาสตร์ ซึ่งจีนต้องพึ่งพาพม่าในการออกสู่มหาสมุทรอินเดีย พึ่งพาพลังงานจากแหล่งผลิตในทะเลเบงกอลของพม่า คือก๊าซปริมาณมหาศาลที่พม่าขายให้จีน และ ส่งผ่านระบบท่อความยาวนับพันกิโลเมตร เข้าสู่มณฑลหยุนหนัน ก่อนจะกระจายแบ่งปัน นำไปใช้ในอีกหลายมณฑลทางภาคตะวันตกของประเทศ
ในทางการเมืองระหว่างประเทศ จีนเป็นผู้อุปถัมภ์รัฐบาลทหารพ่าในอดีตมาตลอด ทั้งช่วยแก้ต่างให้และใช้สิทธิยับยั้ง เพื่อปกป้องพม่าในเวทีสากล ในปัจจุบันจีนระมัดระวังอย่างมากที่จะทำอะไรรุนแรงต่อพม่า ในขณะที่ความสัมพันธ์กับความร่วมมือระหว่างพม่ากับสหรัฐ และ ความสัมพันธ์กับอินเดีย ชาติประชาธิปไตยใหญ่ที่สุดในโลก ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับจีน ได้พัฒนาในทางบวกมาเป็นระยะๆ
แต่จีนก็มี "ศึกใน" ที่จะต้องจัดการอย่างรอบคอบเช่นกัน..
.
จีนระดมเครื่องบิน ปืนใหญ่ จรวด ธงแดง-12 ประชิดชายแดนพม่า
หงฉี-12 (Hong Qi-12) ซึ่งก็คือ จรวดต่อสู้อากาศยาน S-175 "ดาวินา" (Davina) ฉบับเมดอินไชน่า ที่จีนไม่ได้จ่ายค่าสิทธิบัตรให้ใคร แบบเดียวกันนี้ที่สื่ออออนไลน์ของทางการรายงานว่า ถูกส่งเข้าชายแดนมณฑลหยุนหนัน-รัฐชานของพม่า สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลปักกิ่ง ได้รับการกดดันจากสังคมอย่างหนัก.
2
นี่คือสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างสองประเทศ หลังจากจีนได้กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค. เครื่องบินของพม่าได้ทิ้งระเบิด ลงในเขตไร่อ้อยของชาวบ้าน ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 4 คน อีก 8 คนบาดเจ็บ และ ผู้เสียชีวิตได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 5 คน ในเวลาต่อมา
จีนกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านั้นพม่ายังยิงปืนใหญ่ล้ำแดนเข้าไป ทำให้บ้านเรือนของราษฎรถูกทำลาย ซึ่งต่อมาเรื่องแบบนี้ได้กลายเป็นเหตุการณ์ปรกติ คือ เกิดขึ้นติดต่อกันอีกหลายครั้ง
ในวันที่ 14 มี.ค. เจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดีพม่า ได้ออกปฏิเสธว่าเหตุการณ์ระเบิดที่จีนกล่าวหา ไม่ได้เกิดจากฝ่ายรัฐบาล ทั้งระบุว่าอาจเป็นฝีมือของอีกฝ่ายหนึ่ง ที่กระทำการ โดยต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างจีนกับพม่า แต่เมื่อจำนนด้วยหลักฐานของฝ่ายจีนเวลาต่อมา พม่าก็ได้ออกแถลงแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์อันไม่พึงปรารถนาที่เกิดขึ้น และแสดงความเศร้าใจต่อชาวจีนผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งให้คำมั่นจะจัดการสอบสวนสืบสวนหาฝ่ายรับผิดชอบในเรื่องนี้
แต่ภายในจีนไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น การล้ำอธิปไตยของพม่า ได้ทำให้เกิดคำถามที่กดดันต่อรัฐบาลปักกิ่งติดตามมาอย่างมากมาย นอกเหนือจากปัญหาที่ มีราษฎร (พม่า) อีกราว 70,000 คน หลบหนีการสู้รบจากเขตโกกัง ข้ามเข้าสู่ดินแดนจีน ซึ่งเป็นภาระต้องให้ข้าวน้ำ ให้ที่พักอาศัย ให้การช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมพื้นฐานต่างๆ ขณะที่ฝ่ายพม่ามองว่า ในบรรดาผู้ที่หลบหนีนั้น ยังรวมทั้งฝ่ายกองโจรที่แอบแฝง ไปรับการช่วยเหลือจากจีนด้วย
กลุ่มกบฏในเขตโกกังนั้นมีความเป็นมาที่ยาวนาน ตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ที่ปักกิ่งสนับสนุน และ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตที่รัฐบาลกลางพม่าให้สิทธิ์ในการปกครองตนเองแห่งนี้ เกือบทั้งหมดมีเชื้อสายจีน และ ดินแดนแถบนี้ก็มีประวัติมายาวนาน รวมทั้งในครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนของจีน แต่สูญเสียไปในช่วงที่อังกฤษเข้าครอบครองดินแดนพม่า และ ตกมาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐชานปัจจุบัน
นักวิชาการจีนจำนวนหนึ่ง ถึงกับเรียกร้องผ่านสื่อออนไลน์ ให้รัฐบาลจีนต้องช่วยฝ่ายบกฎโกกัง บางคนเรียกร้องให้จีนโจมตีพม่าเป็นการตอบโต้การรุกล้ำอธิปไตยอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่จะไม่อาจจะเกิดขึ้นง่ายๆ ด้วยลมบนลมล่างที่กล่าวมาแล้ว เพราะฉะนั้นการเคลื่อนกำลังพล เคลื่อนอาวุธ เข้าสูชายแดนติดกับพม่า จึงเป็นสิ่งที่จีนไม่มีทางเลี่ยง แต่จะเลยเถิดไปยิ่งกว่านั้น เป็นเรื่องลำบากยากเข็นยิ่ง
.
จีนระดมเครื่องบิน ปืนใหญ่ จรวด ธงแดง-12 ประชิดชายแดนพม่า
เครื่องบินขับไล่ J-7H ที่สื่อออนไลน์ของทางการจีนกล่าวว่า จอดที่สนามบินเมืองหลินซัง ซึ่งตอนนี้กองทัพอากาศได้เข้าควบคุมใช้เป็นฐานปฏิบัติการ ใกล้ชายแดนพม่า อีกลำเป็น J-11 ที่ประจำการอยู่สนามบินอีกแห่งหนึ่งห่างออกไป เพราะต้องใช้ทางวิ่งยาวกว่าสนามบินหลินซัง.
2
วันที่ 14 มี.ค. โฆษกกองทัพอากาศจีน ได้ออกให้สัมภาษณ์ว่า เครื้องบินรบของจีนได้ขึ้นลาดตระเวณตรวจการณ์ บริเวณชายแดน ป้องกันมิให้เครื่องบินต่างชาติรุกล้ำน่านฟ้าได้อีก และ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสื่อออนไลน์ต่างๆ ก็ได้นำภาพการเคลื่อนกำลังของฝ่ายจีน ออกเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง จนถึงช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้
ตามรายงานของ Sina.Com ปัจจุบันกองทัพอากาศได้เข้าควบคุมสนามบินเล็กๆ ที่เมืองหลินซัง เพื่อใช้เป็นฐานสำหรับฝูงบินขับไล่โจมตีแบบ J-7H ส่วน J-11 (ซึ่งจีนก็อปปี้จาก Su-27SK ของรัสเซีย) อีกฝูงหนึ่ง ไปตั้งฐานที่สนามบินอีกแห่งหนึ่งห่างกันออกไป เนื่องจากต้องใช้ทางวิ่งขึ้นลงยาวกว่า J-7 นั่นเอง
สื่อออนไลน์ของจีนอีกหลายสำนัก รวมทั้งเว่ยโป (Weibo) ยังเผยแพร่ภาพ รถบรรทุกทหารหลายสิบคัน นำทหารราบเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ชายแดน กับ รถลากปืนใหญ่อีกหลายกระบอก พร้อมรถลำเลียงพลหุ้มเกราะ และ จรวด "ธงแดง-12" (Hong Qi-12) รวมทั้งภาพ "โมไบล์เรดาร์" หรือ ฐานเรดาร์เฉพาะกิจที่ติดตั้งบนรถบรรทุก จอดอยู่ในหลายจุดตามแนวชายแดน
"ธงแดง-12" หรือ Kai Shan-1 (KS-1) เป็นจรวดต่อสู้อากาศยานจากพื้นสู่อากาศ ระยะปานกลาง เป็นอาวุธอีกชนิดหนึ่งที่จีนก็อปปี้ [เรียกให้ไพเราะว่า "รีเวิร์ส เอ็นจิเนียริ่ง" (Reverse-Engineering)] จากจรวด S-175 "ดาวินา" (Davina) ของโซเวียต/รัสเซีย นำวิถีด้วยเรดาร์ เป็นจรวดรุ่นเก่าที่ผ่านการใช้งานมานาน ขณะที่จีนทำจรวดต่อสู้อากาศยานพื้นสู่อากาศ ออกมาอีกหลายรุ่น ทันสมัยกว่าและประสิทธิภาพดียิ่งกว่า
เป็นเรื่องที่ขำไม่ออก ขณะที่จีนเคลื่อนจรวด "ธงแดง-12" เข้าชายแดน พร้อมจะยิงเครื่อบินข้าศึกที่ล้ำแดนนั้น พม่าเองก็พร้อมจะใช้จรวด HQ-12 ยิงเครื่องบินข้าศึกที่ล้ำแดนเช่นกัน.. กองทัพพม่านำ "หงฉี-12 ที่ซื้อจากจีนออกอวดเป็นครั้งแรก ในพิธีสวนสนามครบรอบปี วันก่อตั้งกองทัพในเดือน มี.ค.2556 คู่กับจรวด S-175 อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็น "ของแท้" ที่พม่าซื่อตรงจากรัสเซีย.
.
สงครามจีน พม่า อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว อยากเห็นกองทัพจีนสู้รบจริงจริงซักครั้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
24 มีนาคม 2558 06:29 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มีนาคม 2558 07:08 น.)
จีนระดมเครื่องบิน ปืนใหญ่ จรวด ธงแดง-12 ประชิดชายแดนพม่า
เครื่องบินรบ J-11 ซึ่งก็คือ Su-27SK เมดอินไชน่า โดยไม่ได้จ่ายค่าสิทธิบัตร แบบเดียวกันนี้ที่สื่อออนไลน์ของทางจีนรายงานว่าอย่างน้เอย 1 ฝูง ถูกส่งเข้าชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ นอกจากนั้นยังส่ง J-7H ไปประจำที่สนามบินเมืองหลินซัง ที่อยู่ใกล้ชายแดนรัฐชานของพม่ามากที่สุด สิ่งนี้มีขึ้นหลังจากเครื่องบินพม่าทิ้งระเบิดในเขตโกกัง ในการปราบกองกำลังฝ่ายกบฏ แต่ระเบิดเลยเข้าไปตกในดินแดนจีน สร้างความกดดันอย่างมหาศาลต่อรัฐบาลในปักกิ่ง.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- จีนได้ระดมกำลังทหารจำนวนมาก พร้อมเครื่องบินรบ และอาวุธหนักอีกหลายชนิด เข้าสู่ชายแดนภาคตะวันตกเฉียงใต้ ระหว่างมณฑลหยุนหนัน กับภาคเหนือของพม่า หลังจากการปะทะชายแดน ระหว่างกองทัพฝ่ายรัฐบาลและกองกำลังฝ่ายกบฎในเขตโกกัง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อจีนในช่วงข้ามเดือนมานี้ แต่ความเคลื่อนไหวทางทหารมีขึ้นหลังจาก ฝ่ายพม่าส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดในเขตสู้รบ เป็นเหตุให้ระเบิดหลายลูก หล่นลงในดินแดนของจีน ซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันต่อรัฐบาลในกรุงปักกิ่งอย่างหนัก
ภาพที่ Sina.Com และ นิตยสารโกลบอลไทมส์ (Golbal Times) นำออกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ ได้แสดงให้เห็นการเคลื่อนฝูงบิน J-11 เข้าเสริมกำลังในเขตเมืองหลินซัง (Lin Cang) ซึ่งมีชายแดนติดกับตอนเหนือของรัฐชานในพม่า รวมทั้งการเคลื่อนปืนใหญ่ กับอาวุธหนักอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ จรวด "หงฉี-12" หรือ HQ-12 ซึ่งเป็นจรวดต่อสู้อากาศยาน สำหรับยิงเครื่องบินรบ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว มีขึ้นหลังจากนักวิชากร และ สื่อออนไลน์ซึ่งเป็นของรัฐ ถามรัฐบาลในปักกิ่งว่า เพราะเหตุใดกองทัพประชาชนจีน จึงไม่สามารถตรวจจับเครื่องบินทิ้งระเบิดของพม่าได้ ปล่อยให้มีการล้ำแดนเข้ามาทิ้งระเบิด สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งคำถามที่ว่า ปัจจุบันกองทัพประชาชนจีนมีขีดความสามารถในการป้องกันเอกราชอธิปไตย และ น่านฟ้าได้จริงๆ หรือไม่
คำถามต่างๆ เหล่านี้ทำให้นายกรัฐมนตรี นายหลี่เค่อเฉียง ต้องออกมายืนยันในขีดความสามารถของรัฐบาลในการป้องกันประเทศ ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแจกแจง เกี่ยวกับการดำเนินการแก้ไขปัญหากับพม่า ผ่านวิถีทางการทูต เพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นอีก
สำหรับจีนนั้น เหตุการณ์ที่ชายแดนพม่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะไม่มีอะไรที่ทำให้จีนรู้สึก "เสียหน้า" เท่ากับปล่อยให้ประเทศที่เล็กกว่าอ่อนแอกว่าประเทศหนึ่ง ละเมิดอธิปไตยได้ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่มีการตอบโต้อย่างเท่าเทียม
แต่ปัญหากับพม่ามีความละเอียดอ่อน และ มีความอ่อนไหวมาก ทั้งทางการเมือง ความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจ และ ในทางยุทธศาสตร์ ซึ่งจีนต้องพึ่งพาพม่าในการออกสู่มหาสมุทรอินเดีย พึ่งพาพลังงานจากแหล่งผลิตในทะเลเบงกอลของพม่า คือก๊าซปริมาณมหาศาลที่พม่าขายให้จีน และ ส่งผ่านระบบท่อความยาวนับพันกิโลเมตร เข้าสู่มณฑลหยุนหนัน ก่อนจะกระจายแบ่งปัน นำไปใช้ในอีกหลายมณฑลทางภาคตะวันตกของประเทศ
ในทางการเมืองระหว่างประเทศ จีนเป็นผู้อุปถัมภ์รัฐบาลทหารพ่าในอดีตมาตลอด ทั้งช่วยแก้ต่างให้และใช้สิทธิยับยั้ง เพื่อปกป้องพม่าในเวทีสากล ในปัจจุบันจีนระมัดระวังอย่างมากที่จะทำอะไรรุนแรงต่อพม่า ในขณะที่ความสัมพันธ์กับความร่วมมือระหว่างพม่ากับสหรัฐ และ ความสัมพันธ์กับอินเดีย ชาติประชาธิปไตยใหญ่ที่สุดในโลก ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับจีน ได้พัฒนาในทางบวกมาเป็นระยะๆ
แต่จีนก็มี "ศึกใน" ที่จะต้องจัดการอย่างรอบคอบเช่นกัน..
.
จีนระดมเครื่องบิน ปืนใหญ่ จรวด ธงแดง-12 ประชิดชายแดนพม่า
หงฉี-12 (Hong Qi-12) ซึ่งก็คือ จรวดต่อสู้อากาศยาน S-175 "ดาวินา" (Davina) ฉบับเมดอินไชน่า ที่จีนไม่ได้จ่ายค่าสิทธิบัตรให้ใคร แบบเดียวกันนี้ที่สื่ออออนไลน์ของทางการรายงานว่า ถูกส่งเข้าชายแดนมณฑลหยุนหนัน-รัฐชานของพม่า สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลปักกิ่ง ได้รับการกดดันจากสังคมอย่างหนัก.
2
นี่คือสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างสองประเทศ หลังจากจีนได้กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค. เครื่องบินของพม่าได้ทิ้งระเบิด ลงในเขตไร่อ้อยของชาวบ้าน ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 4 คน อีก 8 คนบาดเจ็บ และ ผู้เสียชีวิตได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 5 คน ในเวลาต่อมา
จีนกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านั้นพม่ายังยิงปืนใหญ่ล้ำแดนเข้าไป ทำให้บ้านเรือนของราษฎรถูกทำลาย ซึ่งต่อมาเรื่องแบบนี้ได้กลายเป็นเหตุการณ์ปรกติ คือ เกิดขึ้นติดต่อกันอีกหลายครั้ง
ในวันที่ 14 มี.ค. เจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดีพม่า ได้ออกปฏิเสธว่าเหตุการณ์ระเบิดที่จีนกล่าวหา ไม่ได้เกิดจากฝ่ายรัฐบาล ทั้งระบุว่าอาจเป็นฝีมือของอีกฝ่ายหนึ่ง ที่กระทำการ โดยต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างจีนกับพม่า แต่เมื่อจำนนด้วยหลักฐานของฝ่ายจีนเวลาต่อมา พม่าก็ได้ออกแถลงแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์อันไม่พึงปรารถนาที่เกิดขึ้น และแสดงความเศร้าใจต่อชาวจีนผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งให้คำมั่นจะจัดการสอบสวนสืบสวนหาฝ่ายรับผิดชอบในเรื่องนี้
แต่ภายในจีนไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น การล้ำอธิปไตยของพม่า ได้ทำให้เกิดคำถามที่กดดันต่อรัฐบาลปักกิ่งติดตามมาอย่างมากมาย นอกเหนือจากปัญหาที่ มีราษฎร (พม่า) อีกราว 70,000 คน หลบหนีการสู้รบจากเขตโกกัง ข้ามเข้าสู่ดินแดนจีน ซึ่งเป็นภาระต้องให้ข้าวน้ำ ให้ที่พักอาศัย ให้การช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมพื้นฐานต่างๆ ขณะที่ฝ่ายพม่ามองว่า ในบรรดาผู้ที่หลบหนีนั้น ยังรวมทั้งฝ่ายกองโจรที่แอบแฝง ไปรับการช่วยเหลือจากจีนด้วย
กลุ่มกบฏในเขตโกกังนั้นมีความเป็นมาที่ยาวนาน ตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ที่ปักกิ่งสนับสนุน และ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตที่รัฐบาลกลางพม่าให้สิทธิ์ในการปกครองตนเองแห่งนี้ เกือบทั้งหมดมีเชื้อสายจีน และ ดินแดนแถบนี้ก็มีประวัติมายาวนาน รวมทั้งในครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนของจีน แต่สูญเสียไปในช่วงที่อังกฤษเข้าครอบครองดินแดนพม่า และ ตกมาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐชานปัจจุบัน
นักวิชาการจีนจำนวนหนึ่ง ถึงกับเรียกร้องผ่านสื่อออนไลน์ ให้รัฐบาลจีนต้องช่วยฝ่ายบกฎโกกัง บางคนเรียกร้องให้จีนโจมตีพม่าเป็นการตอบโต้การรุกล้ำอธิปไตยอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่จะไม่อาจจะเกิดขึ้นง่ายๆ ด้วยลมบนลมล่างที่กล่าวมาแล้ว เพราะฉะนั้นการเคลื่อนกำลังพล เคลื่อนอาวุธ เข้าสูชายแดนติดกับพม่า จึงเป็นสิ่งที่จีนไม่มีทางเลี่ยง แต่จะเลยเถิดไปยิ่งกว่านั้น เป็นเรื่องลำบากยากเข็นยิ่ง
.
จีนระดมเครื่องบิน ปืนใหญ่ จรวด ธงแดง-12 ประชิดชายแดนพม่า
เครื่องบินขับไล่ J-7H ที่สื่อออนไลน์ของทางการจีนกล่าวว่า จอดที่สนามบินเมืองหลินซัง ซึ่งตอนนี้กองทัพอากาศได้เข้าควบคุมใช้เป็นฐานปฏิบัติการ ใกล้ชายแดนพม่า อีกลำเป็น J-11 ที่ประจำการอยู่สนามบินอีกแห่งหนึ่งห่างออกไป เพราะต้องใช้ทางวิ่งยาวกว่าสนามบินหลินซัง.
2
วันที่ 14 มี.ค. โฆษกกองทัพอากาศจีน ได้ออกให้สัมภาษณ์ว่า เครื้องบินรบของจีนได้ขึ้นลาดตระเวณตรวจการณ์ บริเวณชายแดน ป้องกันมิให้เครื่องบินต่างชาติรุกล้ำน่านฟ้าได้อีก และ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสื่อออนไลน์ต่างๆ ก็ได้นำภาพการเคลื่อนกำลังของฝ่ายจีน ออกเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง จนถึงช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้
ตามรายงานของ Sina.Com ปัจจุบันกองทัพอากาศได้เข้าควบคุมสนามบินเล็กๆ ที่เมืองหลินซัง เพื่อใช้เป็นฐานสำหรับฝูงบินขับไล่โจมตีแบบ J-7H ส่วน J-11 (ซึ่งจีนก็อปปี้จาก Su-27SK ของรัสเซีย) อีกฝูงหนึ่ง ไปตั้งฐานที่สนามบินอีกแห่งหนึ่งห่างกันออกไป เนื่องจากต้องใช้ทางวิ่งขึ้นลงยาวกว่า J-7 นั่นเอง
สื่อออนไลน์ของจีนอีกหลายสำนัก รวมทั้งเว่ยโป (Weibo) ยังเผยแพร่ภาพ รถบรรทุกทหารหลายสิบคัน นำทหารราบเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ชายแดน กับ รถลากปืนใหญ่อีกหลายกระบอก พร้อมรถลำเลียงพลหุ้มเกราะ และ จรวด "ธงแดง-12" (Hong Qi-12) รวมทั้งภาพ "โมไบล์เรดาร์" หรือ ฐานเรดาร์เฉพาะกิจที่ติดตั้งบนรถบรรทุก จอดอยู่ในหลายจุดตามแนวชายแดน
"ธงแดง-12" หรือ Kai Shan-1 (KS-1) เป็นจรวดต่อสู้อากาศยานจากพื้นสู่อากาศ ระยะปานกลาง เป็นอาวุธอีกชนิดหนึ่งที่จีนก็อปปี้ [เรียกให้ไพเราะว่า "รีเวิร์ส เอ็นจิเนียริ่ง" (Reverse-Engineering)] จากจรวด S-175 "ดาวินา" (Davina) ของโซเวียต/รัสเซีย นำวิถีด้วยเรดาร์ เป็นจรวดรุ่นเก่าที่ผ่านการใช้งานมานาน ขณะที่จีนทำจรวดต่อสู้อากาศยานพื้นสู่อากาศ ออกมาอีกหลายรุ่น ทันสมัยกว่าและประสิทธิภาพดียิ่งกว่า
เป็นเรื่องที่ขำไม่ออก ขณะที่จีนเคลื่อนจรวด "ธงแดง-12" เข้าชายแดน พร้อมจะยิงเครื่อบินข้าศึกที่ล้ำแดนนั้น พม่าเองก็พร้อมจะใช้จรวด HQ-12 ยิงเครื่องบินข้าศึกที่ล้ำแดนเช่นกัน.. กองทัพพม่านำ "หงฉี-12 ที่ซื้อจากจีนออกอวดเป็นครั้งแรก ในพิธีสวนสนามครบรอบปี วันก่อตั้งกองทัพในเดือน มี.ค.2556 คู่กับจรวด S-175 อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็น "ของแท้" ที่พม่าซื่อตรงจากรัสเซีย.
.