ที่ไปที่มาของกระทู้นี้ คืออยากจะฉลองวันรับปริญญากับคนพิเศษ ซักที
แต่ก็ไม่มีโอกาสไปซักที เพราะต่างคนต่างติดงาน ติดธุระกันวุ่นวาย ได้แต่แพลนไว้ว่าจะหาวันที่สะดวกๆ ไป
...และเเล้วโอกาศนั้นก็มาถึง...
ผมกับแฟนเลยตกลงกันว่าอ่าไปทะเลกันไหม๊ เท่านั้นละ เรื่องก็เกิด.......
แต่ที่ไหนละ........ติ๊กต๊อกๆ.......ปิ้งป๊อง !!!!
ชะอำ !!!
ในที่นี้ ผมของแทนตัวของแฟนผมว่า " เจ๊ " แล้วกันนะ
เพราะว่าทริปนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีแรงสนับสนุนทาง งบประมาณจาก เจ๊ คนนี้....
ปล.เจ๊บอก เจ๊ไม่อนุญาติให้เอารูปเจ๊ลงนะ เจ๊เขิล ...
เพราะก่อนเขียนรีวิวนี้ ผมได้บอกเจ๊ไปแล้วว่า จะเก็บภาพไปลงรีวิวนะคร้าบ.....
เราก็เริ่มแพลนกันเลยว่าจะไปที่ไหนบ้าง เที่ยวไหนบ้าง ไปตรงไหนบ้าง เพราะอยากใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด
พอดีตอนที่เราวางแผนจะไปกันนี้ มันตรงกับช่วงเทศกาลชิมปูชักซะด้วย .....แหล่มเลยงานนี้
เพราะว่างานเทศกาลนี้ มีอาหารทะเลขาย ว๊าวๆๆๆ ปูเอย กุ้งเอย หอยเอย น่ากัน สวดๆๆ
การเดินทางครั้งนี้ เราตกลงกันไปว่า เราจะขี่มอไซค์ไป ....
โอ๊ะ !!! ฟังไม่ผิดหรอกครับ " ขี่มอเตอร์ไซค์ไป "
เราจะเดินทางด้วยรถบ้านๆ Honda Click 125i 2014 ตัวท๊อป ล้อแม๊ก เครื่องเดิมๆ แต่งสวยงาม เล็กๆน้อยๆ
ระยะทาง ในการเดินทาง 210 กิโลเมตร กทม ไป หาดชะอำๆๆๆๆๆๆๆ
เรามีแพลนว่าจะเดินทางจาก กทม ตีห้า ล้อหมุนน๊ะจ๊ะ
เอาล่ะ เรามาเดินทางกันเลย.......
ผมตื่นตีสาม เพื่อเตรียมตัวเดินทางพร้อมเจ๊ แต่อุปสรรค์ ก็เกิดขึ้นซะเเล้ว ฟ้าแลบมาเชียว
ตี 3.15 ฝนเจ้ากรรมที่อัดอั้นมานาน เทกระหน่ำลงมา ผมได้แต่ภาวนาว่าขอให้หยุดตกเถิด
อารมณ์แบบว่า ให้พี่เดินสะดวกๆ เถอะไอ่น้องเอ๊ย
และแล้วเวลาก็มาถึง ... เอาว่ะ ไม่รอตีห้าตรงละ ออกก่อน 15 นาทีไปเลย (ใจร้อนอยากเที่ยว)
อ่อลืมบอกไปบ้านผมอยู่รามอินทรา ผมเลยใช้เส้นทาง
กม8 - เลียบด่วนรามอินทรา - พระรามเก้า - ดินแดง - อนุสาวรีย์ - ราชเทวี - ผ่านสะพานซังฮี้ - ผ่านแยกบางพลัด - ผ่านตั้งฮั่วเส็ง - มุ่งหน้าไป ถ.บรมราชชนี - ผ่านพุทธมณฑล - กระทุ่มแบน - มหาชัย - ถ.พระรามสอง - ถ.เพชรเกษม - มุ่งหน้าเข้าหาดชะอำ
เพราะที่ใช้เส้นทางนี้ ไม่ไปทางลัดเพราะ เจ๊เขาอยากผ่าน ซานโตรินี่ อยากแวะไปดูแกะก่อนเข้าชะอำ
ผมเลยจัดให้ ซึ่งถ้าเราไปทางลัดมันก็ลัดไปกว่า 44 กม.
ซึ่งผมรู้ดีว่าไปทางนี้ไว แต่ด้วยงบประมาณมาจากเจ๊ ผมเลยขัดใจเจ๊ ไม่ได้
อ่านี้คือไมค์รถก่อนออกเดินทางนะครับ
จัดแจงมัดสัมภาระไว้กับที่วางเท้าเรียบร้อย ท่ามกลาง อากาศแฉะๆ ของฝนที่เพิ่งตก ผมนี่ไม่ชอบเอาซะเลย
ฝนตกนี่ทำให้ ขับขี่ลำบาก ถนนก็เละเทะ รถก็จะเละไปด้วย
พอวิ่งมาได้ 1 ชั่วโมง ใกล้จะเช้าละ ประมาณตีห้าครึ่งเห็นจะได้ ผมก็มาถึง ถ.บรมราชชนี เลียบคู่ขนานลอยฟ้า
พอขี่มาได้แปบเดียว ฝนทะกระหน่ำลงมาเลยครับ ผมนี่...เลี้ยวหาปั๊มอย่างไว หลบๆก่อนๆ
พอฝนหยุดผมก็เดินทางต่อ ด้วยการเติมน้ำมันไปเลยเต็มถัง GAS So Hall 95 เต็มถัง โดนไป 109 บาท โอ้วเลขสวย
และจัดแจงเอาถุงหมวกกันน๊อก มาห่อกระเป๋าเจ๊ เอาไว้เพราะกระเป๋าผมมันกันน้ำ และไม่ค่อยมีของอะไรที่เสียหายเพราะน้ำ
มีแต่เสื้อผ้า กับสายชาตจ์มือถือ เท่านั้น
เสร็จแล้ว ผมก็ขับไปต่อ ไปผ่านพุทธมณฑล ใช้ถนน เศรษฐกิจ มุ่งหนาไปแยกกระทุ่มแบน ๆๆๆ
ผมใช้ความเร็ว 90 KM/HR ไม่กล้าเร็วกว่านี้ครับ ถนนลื่น อันตราย เพราะฝนเพิ่งตกหมาดๆ
อีกอย่างเรามีเจ๊ไปด้วย ยิ่งต้องระวังคูณสามสี่เท่าตัวเลย เราคนเดียวเป็นอะไรมันจบตรงนั้น
แต่คนที่ไปกับเราด้วยเป็นอะไรขึ้นมา มันไม่จบง่ายๆครับ
พอไปถึงแยกกระทุ่มแบน ฝนที่ตกลงมาทำเอาถนนน้ำท่วม ผมเลยต้องขับฝ่าลุยน้ำท่วมไป น้ำบานเลยครับ
พอขับไปได้ไม่เท่าไหร่ หลังจากผ่านมหาชัยไปแล้ว ก็กำลังจะข้ามแม่น้ำท่าจีนครับ
พอขี่ไปได้สักระยะ ผมก็สังเกตุว่าทำไม ชิลหมวกกันน๊อกมันมัวๆผิดปกติ ตอนเรกไม่ได้เอ๊ะใจอะไร นึกว่าแค่ฝนตกทำให้อากาศชื้นเกิดฝ้า
ธรรมดาๆ แต่ที่ไหนได้ พอผมเอามือไปลูปๆ ขณะขับรถ เห้ยนี่มันโคลนนี่หว่า
ผมสังเกตุว่าโคลนที่มาติดที่ชิลหมวกพวดนี้มาได้ยังไง เลยจับใจความได้ว่า เวลาเราวิ่งตามรถใหญ่ มันมีไอน้ำออกมาทางล้อ ไอน้ำนั่นละมีโคลนฝนมาด้วย ยิ่งถ้าเราขี่จี้ตูดรถใหญ่นานๆนี่ เละเทะไม่เป็นท่า ผมเลยจัดการแวะปั๊มแถวๆ ท่าฉลอมเพื่อล้างโคลนออกไปก่อนครับ ทัศนวิสัยมันมัวหมอง เดียวพาลชีวิตจะมัวหมองไปด้วย
พอทำธุระล้างหมวกเสร็จแล้ว ผมก็ออกรถไปต่อเลยครับ บิดไปยาวๆ ยืนพื้น 90 KM/HR
ขี่ไปสักพักจะเจอนาเกลืออยู่ข้างทาง เลยแวะถ่ายรูปเอาซะหน่อย
พอขี่ไปสักพักก็จะผ่านแม่กลองครับ ผมขับ เจ๊เป็นคนถ่ายรูป
นี่กำลังขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง
อันนี้วิวแม่น้ำแม่กลองครับ
พอเลยสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองแล้วผมก็ยิงยาวไปเพชรบุรี ในใจคิดว่าเดียวไปแวะพักตรงปั๊ม ปากทางลัดที่จะไปชะอำดีกว่า พักรถด้วย พักคนด้วย ดูท่าเจ๊จะหลับไปหลายรอบละ ระหว่างที่ผมขับมา เพราะหมวกกันน๊อกเจ๊กระแทกหัวผมดึงปึ๊กๆ ตลอดทาง ผมเลยบอกว่า อย่าลับนะมันอันตราย ให้ตายเถอะรถวิ่งด้วยความเร็ว 90KM/HR วิ่งไหล่ทาง ถ.พระรามสอง ผมขับไปเครียดไป ในหัวคิดถึงเรื่องอุบัติเหตุ
ผมระวังตัวไปตลอดทาง มองกระจกถี่ๆ เเทบจะมองทุกๆ 5 วินาทีเลย แต่เจ๊ผมดันมาหลับซะงั้น ผมเลยไม่ได้การละ จอดพักๆ
ปั๊ม ปตท. ปากทางที่จะลัดไปชะอำ ชื่อปั๊มอะไรผมไม่รู้ ผมดูแผนที่มาผมเลยมาแวะนี่ละ พักเหนื่อยๆ
ซึ่งตอนจอดรถที่ปั๊มนี้ ผมได้กลิ่มเหม็นไหม้พลาสติก เจ๊ผมก็ทักขึ้นมาว่า ได้กลิ่นเหม็นไหม้อะไรไหม ?
ผมตอบอ่าวได้กลิ่นเหรอ เจ๊บอกมันอยู่แถวๆนี้ละ
เจ๊ก้มๆเงยๆแถวรถ ก็บอกว่ากลิ่นมันมาจากรถเราอ่ะ ผมนี่รีบก้มดูเลยครับ
มันมีควันออกมาจากสายไฟทางห้องเครื่อง ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าสายไฟเส้นนี้มันคือวงจรอะไร
ควันมันลอยออกมาแบบธูปเลย เจ๊บ่นบอกว่านี่ไง เล่นบิดมา 90/KM ตลอดยาวๆไม่ผ่อนเลย...ตั้งแต่เลยมหาชัยมา กว่าจะมาพักก็ไกล
เจ๊บ่นต่อว่า " รถเล็กก็ยังงี้ละ !!! "
ผมได้ยินที่เจ๊บ่นนี้ ผมสะดุ้งเลย
ผมคิดในใจ โหวลูกรักของพ่อ นี่เพิ่งมาได้แค่ครึ่งทาง จะเดี้ยงเเล้วเหรอ แล้วจะไปถึงจุดหมายยังไง !!!
ปล. เท่าที่ผมสันนิฐานที่รถเกิดอาการแบบนี้ รถคงโดนน้ำเข้าตรงแยกกระทุ่มแน่ๆ เพราะมันท่วมสูงมาก บวกกับที่ฝนตกอากาศชื้น อาจมีน้ำเข้าไปในระบบ ทำให้เกิดอาการ ช๊อตของสายไฟตรงลวดทองแดงกับปลอกสายยางหุ้มสายไฟเลยทำให้เกิดกลิ่นไหม้ หรืออาจจะมีอะไรสักอย่างทนความร้อนของเครื่องไม่ไหว ทำให้พลาสติกละลายไป
ดังนั้นผมกับเจ๊ลงมติว่าเราพักรถ ครึ่งชั่วโมงละกัน เพราะตอนนั้นผมก็ปวดก้นนะ แถมสภาพถนนที่แฉะๆ ทำให้ผมหงุดหงิดไม่น้อย รถยังจะมาเป็นแบบนี้อีก เห้ออออ....ไปทริปครั้งนี้ทำไมมัน วุ่นวายจังแฮะ
ออกมาตั้งแต่ตีห้า นี่จะแปดโมงแล้วยังไปไม่ถึงไหนเลย
นี่คือสภาพรถครับ ตอนจอดพัก
พอผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผมก็เดินทางต่อมุ่งหน้าผ่านแยกวังมะนาว และขี่ผ่านแยกวังมะนาวสักพักก็เจอป้าย
ผมเริ่มมีแรงฮึดละ ขับต่อไปอีกสักครึ่งชั่วโมง ก็มาแวะปั๊มอีกรอบ พอดีว่าทั้งมือ ทั้งรองเท้าของผม เปียกฝน ทำให้เท้ามันอับชื้น และมันก็เริ่มเหี่ยวๆ ผมเลยจอดพักเลยละกันถือว่าพักคนไปด้วย พักรถไปด้วย ล้างหน้าล้างตา เข้าห้องน้ำ
มองดูรถทีไร เหนื่อยใจจัง ทั้งๆที่ก่อนมาก็ล้างสะอาดเงางาม เจอฝนทีเดียว เละเป็นอะไรไปเลย
พอพักหายเหนื่อยผมก็ออกเดินทางต่อ เห็นป้ายชี้ว่า อ.ชะอำ ก็โล่งออก ใกล้ละ ใกล้ถึงซะที
ขี่รถมาได้สักพัก หันไปทางซ้ายมาเจอที่เที่ยวแห่งนี้เลยแวะถ่ายรูปซะหน่อย
พอหันที่ทางขวา.............บร๊ะๆๆๆ นั่นๆๆๆๆๆ เรื่องจริงใช่ไหม๊ ซานโตรินี่ ......เย้ๆๆ
แต่เจ้บอกว่า หมดอารมละ เราเปียกปอนกันมาตั้งแต่ พุทธมณฑล เจ๊บอกเราไปที่พักก่อนเหอะ เจ๊จะไม่ไหวละ เจ๊ปวดก้น ผมก็ปวดๆหลัง ผมเลยโอเครป่ะ เรามุ่งหน้าไปที่พักกัน จากที่ผมดูแผนที่มา ซานโตรินี่ ห่างจากหาดชะอำไม่มาก ผมเลยรีบออกรถไปต่อ......
.....แต่ช้าก่อน อากาศตอนนี้ร้อนอบอ้าว ผมก็เลยมาหยุดแวะกินน้ำกินท่าก่อนไปถึงชะอำที่ปั๊มมลุง เท่งงงงงงงงงงงงงงง
ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วล่ะเพลียใจ เราขับรถมาจาก กทม ใช้เวลา 5 ชั่วโมงเลยหรอนี่ย เวนกำ ..... เพราะเราต้องจำกัดความเร็วไว้ที่ 80 KM/HR เพื่อที่ไม่ให้รถเกิดอาการไหม หรือไฟช๊อตอีก เลยเร็วได้เท่านี้ ใจจริงอยากบิด 100+ แต่ทำไม่ได้ สงสาร รถ สงสารคนซ้อนด้วย
ขี่มาอีกหน่อยก็เจอแยกไปหาด เจอสี่แยกอะไรไม่รู้ แต่ผมจำได้ว่าให้ขี่ไปทางถนน นราธิป อะไรนี่ยละ เเล้วมุ่งหน้าไปห้องพักที่ได้ทำการจองเอาไว้ล่วงหน้า
และแล้วก็มาถึงซะที ที่พักของเรา เพชรช้างไทย (ซอยท่ารถทัวร์ , ท่ารถตู้ อะไรนี่ยละ)
เดียวขอ พักรีวิวแค่นี้ก่อนนะครับ ผมกลับมายังไม่ได้พักเลย เดียวพรุ่งนี้จะมา เขียนรีวิวต่อให้จบ......สัญญา
[CR] สองล้อพาเพลิน แบกกล้อง เที่ยวเล กินปู ดูหาดทราย
ที่ไปที่มาของกระทู้นี้ คืออยากจะฉลองวันรับปริญญากับคนพิเศษ ซักที
แต่ก็ไม่มีโอกาสไปซักที เพราะต่างคนต่างติดงาน ติดธุระกันวุ่นวาย ได้แต่แพลนไว้ว่าจะหาวันที่สะดวกๆ ไป
...และเเล้วโอกาศนั้นก็มาถึง...
ผมกับแฟนเลยตกลงกันว่าอ่าไปทะเลกันไหม๊ เท่านั้นละ เรื่องก็เกิด.......
แต่ที่ไหนละ........ติ๊กต๊อกๆ.......ปิ้งป๊อง !!!!
ชะอำ !!!
ในที่นี้ ผมของแทนตัวของแฟนผมว่า " เจ๊ " แล้วกันนะ
เพราะว่าทริปนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีแรงสนับสนุนทาง งบประมาณจาก เจ๊ คนนี้....
ปล.เจ๊บอก เจ๊ไม่อนุญาติให้เอารูปเจ๊ลงนะ เจ๊เขิล ...
เพราะก่อนเขียนรีวิวนี้ ผมได้บอกเจ๊ไปแล้วว่า จะเก็บภาพไปลงรีวิวนะคร้าบ.....
เราก็เริ่มแพลนกันเลยว่าจะไปที่ไหนบ้าง เที่ยวไหนบ้าง ไปตรงไหนบ้าง เพราะอยากใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด
พอดีตอนที่เราวางแผนจะไปกันนี้ มันตรงกับช่วงเทศกาลชิมปูชักซะด้วย .....แหล่มเลยงานนี้
เพราะว่างานเทศกาลนี้ มีอาหารทะเลขาย ว๊าวๆๆๆ ปูเอย กุ้งเอย หอยเอย น่ากัน สวดๆๆ
การเดินทางครั้งนี้ เราตกลงกันไปว่า เราจะขี่มอไซค์ไป ....
โอ๊ะ !!! ฟังไม่ผิดหรอกครับ " ขี่มอเตอร์ไซค์ไป "
เราจะเดินทางด้วยรถบ้านๆ Honda Click 125i 2014 ตัวท๊อป ล้อแม๊ก เครื่องเดิมๆ แต่งสวยงาม เล็กๆน้อยๆ
ระยะทาง ในการเดินทาง 210 กิโลเมตร กทม ไป หาดชะอำๆๆๆๆๆๆๆ
เรามีแพลนว่าจะเดินทางจาก กทม ตีห้า ล้อหมุนน๊ะจ๊ะ
เอาล่ะ เรามาเดินทางกันเลย.......
ผมตื่นตีสาม เพื่อเตรียมตัวเดินทางพร้อมเจ๊ แต่อุปสรรค์ ก็เกิดขึ้นซะเเล้ว ฟ้าแลบมาเชียว
ตี 3.15 ฝนเจ้ากรรมที่อัดอั้นมานาน เทกระหน่ำลงมา ผมได้แต่ภาวนาว่าขอให้หยุดตกเถิด
อารมณ์แบบว่า ให้พี่เดินสะดวกๆ เถอะไอ่น้องเอ๊ย
และแล้วเวลาก็มาถึง ... เอาว่ะ ไม่รอตีห้าตรงละ ออกก่อน 15 นาทีไปเลย (ใจร้อนอยากเที่ยว)
อ่อลืมบอกไปบ้านผมอยู่รามอินทรา ผมเลยใช้เส้นทาง
กม8 - เลียบด่วนรามอินทรา - พระรามเก้า - ดินแดง - อนุสาวรีย์ - ราชเทวี - ผ่านสะพานซังฮี้ - ผ่านแยกบางพลัด - ผ่านตั้งฮั่วเส็ง - มุ่งหน้าไป ถ.บรมราชชนี - ผ่านพุทธมณฑล - กระทุ่มแบน - มหาชัย - ถ.พระรามสอง - ถ.เพชรเกษม - มุ่งหน้าเข้าหาดชะอำ
เพราะที่ใช้เส้นทางนี้ ไม่ไปทางลัดเพราะ เจ๊เขาอยากผ่าน ซานโตรินี่ อยากแวะไปดูแกะก่อนเข้าชะอำ
ผมเลยจัดให้ ซึ่งถ้าเราไปทางลัดมันก็ลัดไปกว่า 44 กม.
ซึ่งผมรู้ดีว่าไปทางนี้ไว แต่ด้วยงบประมาณมาจากเจ๊ ผมเลยขัดใจเจ๊ ไม่ได้
อ่านี้คือไมค์รถก่อนออกเดินทางนะครับ
จัดแจงมัดสัมภาระไว้กับที่วางเท้าเรียบร้อย ท่ามกลาง อากาศแฉะๆ ของฝนที่เพิ่งตก ผมนี่ไม่ชอบเอาซะเลย
ฝนตกนี่ทำให้ ขับขี่ลำบาก ถนนก็เละเทะ รถก็จะเละไปด้วย
พอวิ่งมาได้ 1 ชั่วโมง ใกล้จะเช้าละ ประมาณตีห้าครึ่งเห็นจะได้ ผมก็มาถึง ถ.บรมราชชนี เลียบคู่ขนานลอยฟ้า
พอขี่มาได้แปบเดียว ฝนทะกระหน่ำลงมาเลยครับ ผมนี่...เลี้ยวหาปั๊มอย่างไว หลบๆก่อนๆ
พอฝนหยุดผมก็เดินทางต่อ ด้วยการเติมน้ำมันไปเลยเต็มถัง GAS So Hall 95 เต็มถัง โดนไป 109 บาท โอ้วเลขสวย
และจัดแจงเอาถุงหมวกกันน๊อก มาห่อกระเป๋าเจ๊ เอาไว้เพราะกระเป๋าผมมันกันน้ำ และไม่ค่อยมีของอะไรที่เสียหายเพราะน้ำ
มีแต่เสื้อผ้า กับสายชาตจ์มือถือ เท่านั้น
เสร็จแล้ว ผมก็ขับไปต่อ ไปผ่านพุทธมณฑล ใช้ถนน เศรษฐกิจ มุ่งหนาไปแยกกระทุ่มแบน ๆๆๆ
ผมใช้ความเร็ว 90 KM/HR ไม่กล้าเร็วกว่านี้ครับ ถนนลื่น อันตราย เพราะฝนเพิ่งตกหมาดๆ
อีกอย่างเรามีเจ๊ไปด้วย ยิ่งต้องระวังคูณสามสี่เท่าตัวเลย เราคนเดียวเป็นอะไรมันจบตรงนั้น
แต่คนที่ไปกับเราด้วยเป็นอะไรขึ้นมา มันไม่จบง่ายๆครับ
พอไปถึงแยกกระทุ่มแบน ฝนที่ตกลงมาทำเอาถนนน้ำท่วม ผมเลยต้องขับฝ่าลุยน้ำท่วมไป น้ำบานเลยครับ
พอขับไปได้ไม่เท่าไหร่ หลังจากผ่านมหาชัยไปแล้ว ก็กำลังจะข้ามแม่น้ำท่าจีนครับ
พอขี่ไปได้สักระยะ ผมก็สังเกตุว่าทำไม ชิลหมวกกันน๊อกมันมัวๆผิดปกติ ตอนเรกไม่ได้เอ๊ะใจอะไร นึกว่าแค่ฝนตกทำให้อากาศชื้นเกิดฝ้า
ธรรมดาๆ แต่ที่ไหนได้ พอผมเอามือไปลูปๆ ขณะขับรถ เห้ยนี่มันโคลนนี่หว่า
ผมสังเกตุว่าโคลนที่มาติดที่ชิลหมวกพวดนี้มาได้ยังไง เลยจับใจความได้ว่า เวลาเราวิ่งตามรถใหญ่ มันมีไอน้ำออกมาทางล้อ ไอน้ำนั่นละมีโคลนฝนมาด้วย ยิ่งถ้าเราขี่จี้ตูดรถใหญ่นานๆนี่ เละเทะไม่เป็นท่า ผมเลยจัดการแวะปั๊มแถวๆ ท่าฉลอมเพื่อล้างโคลนออกไปก่อนครับ ทัศนวิสัยมันมัวหมอง เดียวพาลชีวิตจะมัวหมองไปด้วย
พอทำธุระล้างหมวกเสร็จแล้ว ผมก็ออกรถไปต่อเลยครับ บิดไปยาวๆ ยืนพื้น 90 KM/HR
ขี่ไปสักพักจะเจอนาเกลืออยู่ข้างทาง เลยแวะถ่ายรูปเอาซะหน่อย
พอขี่ไปสักพักก็จะผ่านแม่กลองครับ ผมขับ เจ๊เป็นคนถ่ายรูป
นี่กำลังขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง
อันนี้วิวแม่น้ำแม่กลองครับ
พอเลยสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองแล้วผมก็ยิงยาวไปเพชรบุรี ในใจคิดว่าเดียวไปแวะพักตรงปั๊ม ปากทางลัดที่จะไปชะอำดีกว่า พักรถด้วย พักคนด้วย ดูท่าเจ๊จะหลับไปหลายรอบละ ระหว่างที่ผมขับมา เพราะหมวกกันน๊อกเจ๊กระแทกหัวผมดึงปึ๊กๆ ตลอดทาง ผมเลยบอกว่า อย่าลับนะมันอันตราย ให้ตายเถอะรถวิ่งด้วยความเร็ว 90KM/HR วิ่งไหล่ทาง ถ.พระรามสอง ผมขับไปเครียดไป ในหัวคิดถึงเรื่องอุบัติเหตุ
ผมระวังตัวไปตลอดทาง มองกระจกถี่ๆ เเทบจะมองทุกๆ 5 วินาทีเลย แต่เจ๊ผมดันมาหลับซะงั้น ผมเลยไม่ได้การละ จอดพักๆ
ปั๊ม ปตท. ปากทางที่จะลัดไปชะอำ ชื่อปั๊มอะไรผมไม่รู้ ผมดูแผนที่มาผมเลยมาแวะนี่ละ พักเหนื่อยๆ
ซึ่งตอนจอดรถที่ปั๊มนี้ ผมได้กลิ่มเหม็นไหม้พลาสติก เจ๊ผมก็ทักขึ้นมาว่า ได้กลิ่นเหม็นไหม้อะไรไหม ?
ผมตอบอ่าวได้กลิ่นเหรอ เจ๊บอกมันอยู่แถวๆนี้ละ
เจ๊ก้มๆเงยๆแถวรถ ก็บอกว่ากลิ่นมันมาจากรถเราอ่ะ ผมนี่รีบก้มดูเลยครับ
มันมีควันออกมาจากสายไฟทางห้องเครื่อง ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าสายไฟเส้นนี้มันคือวงจรอะไร
ควันมันลอยออกมาแบบธูปเลย เจ๊บ่นบอกว่านี่ไง เล่นบิดมา 90/KM ตลอดยาวๆไม่ผ่อนเลย...ตั้งแต่เลยมหาชัยมา กว่าจะมาพักก็ไกล
เจ๊บ่นต่อว่า " รถเล็กก็ยังงี้ละ !!! "
ผมได้ยินที่เจ๊บ่นนี้ ผมสะดุ้งเลย
ผมคิดในใจ โหวลูกรักของพ่อ นี่เพิ่งมาได้แค่ครึ่งทาง จะเดี้ยงเเล้วเหรอ แล้วจะไปถึงจุดหมายยังไง !!!
ปล. เท่าที่ผมสันนิฐานที่รถเกิดอาการแบบนี้ รถคงโดนน้ำเข้าตรงแยกกระทุ่มแน่ๆ เพราะมันท่วมสูงมาก บวกกับที่ฝนตกอากาศชื้น อาจมีน้ำเข้าไปในระบบ ทำให้เกิดอาการ ช๊อตของสายไฟตรงลวดทองแดงกับปลอกสายยางหุ้มสายไฟเลยทำให้เกิดกลิ่นไหม้ หรืออาจจะมีอะไรสักอย่างทนความร้อนของเครื่องไม่ไหว ทำให้พลาสติกละลายไป
ดังนั้นผมกับเจ๊ลงมติว่าเราพักรถ ครึ่งชั่วโมงละกัน เพราะตอนนั้นผมก็ปวดก้นนะ แถมสภาพถนนที่แฉะๆ ทำให้ผมหงุดหงิดไม่น้อย รถยังจะมาเป็นแบบนี้อีก เห้ออออ....ไปทริปครั้งนี้ทำไมมัน วุ่นวายจังแฮะ
ออกมาตั้งแต่ตีห้า นี่จะแปดโมงแล้วยังไปไม่ถึงไหนเลย
นี่คือสภาพรถครับ ตอนจอดพัก
พอผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผมก็เดินทางต่อมุ่งหน้าผ่านแยกวังมะนาว และขี่ผ่านแยกวังมะนาวสักพักก็เจอป้าย
ผมเริ่มมีแรงฮึดละ ขับต่อไปอีกสักครึ่งชั่วโมง ก็มาแวะปั๊มอีกรอบ พอดีว่าทั้งมือ ทั้งรองเท้าของผม เปียกฝน ทำให้เท้ามันอับชื้น และมันก็เริ่มเหี่ยวๆ ผมเลยจอดพักเลยละกันถือว่าพักคนไปด้วย พักรถไปด้วย ล้างหน้าล้างตา เข้าห้องน้ำ
มองดูรถทีไร เหนื่อยใจจัง ทั้งๆที่ก่อนมาก็ล้างสะอาดเงางาม เจอฝนทีเดียว เละเป็นอะไรไปเลย
พอพักหายเหนื่อยผมก็ออกเดินทางต่อ เห็นป้ายชี้ว่า อ.ชะอำ ก็โล่งออก ใกล้ละ ใกล้ถึงซะที
ขี่รถมาได้สักพัก หันไปทางซ้ายมาเจอที่เที่ยวแห่งนี้เลยแวะถ่ายรูปซะหน่อย
พอหันที่ทางขวา.............บร๊ะๆๆๆ นั่นๆๆๆๆๆ เรื่องจริงใช่ไหม๊ ซานโตรินี่ ......เย้ๆๆ
แต่เจ้บอกว่า หมดอารมละ เราเปียกปอนกันมาตั้งแต่ พุทธมณฑล เจ๊บอกเราไปที่พักก่อนเหอะ เจ๊จะไม่ไหวละ เจ๊ปวดก้น ผมก็ปวดๆหลัง ผมเลยโอเครป่ะ เรามุ่งหน้าไปที่พักกัน จากที่ผมดูแผนที่มา ซานโตรินี่ ห่างจากหาดชะอำไม่มาก ผมเลยรีบออกรถไปต่อ......
.....แต่ช้าก่อน อากาศตอนนี้ร้อนอบอ้าว ผมก็เลยมาหยุดแวะกินน้ำกินท่าก่อนไปถึงชะอำที่ปั๊มมลุง เท่งงงงงงงงงงงงงงง
ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วล่ะเพลียใจ เราขับรถมาจาก กทม ใช้เวลา 5 ชั่วโมงเลยหรอนี่ย เวนกำ ..... เพราะเราต้องจำกัดความเร็วไว้ที่ 80 KM/HR เพื่อที่ไม่ให้รถเกิดอาการไหม หรือไฟช๊อตอีก เลยเร็วได้เท่านี้ ใจจริงอยากบิด 100+ แต่ทำไม่ได้ สงสาร รถ สงสารคนซ้อนด้วย
ขี่มาอีกหน่อยก็เจอแยกไปหาด เจอสี่แยกอะไรไม่รู้ แต่ผมจำได้ว่าให้ขี่ไปทางถนน นราธิป อะไรนี่ยละ เเล้วมุ่งหน้าไปห้องพักที่ได้ทำการจองเอาไว้ล่วงหน้า
และแล้วก็มาถึงซะที ที่พักของเรา เพชรช้างไทย (ซอยท่ารถทัวร์ , ท่ารถตู้ อะไรนี่ยละ)
เดียวขอ พักรีวิวแค่นี้ก่อนนะครับ ผมกลับมายังไม่ได้พักเลย เดียวพรุ่งนี้จะมา เขียนรีวิวต่อให้จบ......สัญญา