จากข่าวผลโอเน็ต นร.ชั้น ม.6 ย่ำอยู่กับที่ เด็กไทยสมองแฟบ



จากข่าวที่กำลังพูดถึงกันอยู่ตอนนี้ "ผลโอเน็ต นร.ชั้น ม.6 ย่ำอยู่กับที่ เด็กไทยสมองแฟบ"

จะโทษที่ตัวเด็กนักเรียนอย่างเดียวก็คงไม่ได้หรอก มันต้องโทษที่ระบบการศึกษาด้วย ระบบการศึกษาบ้าบอคอแตกอะไร เรียนวันละ 7-8 วิชาคิดว่าเด็กไทยมีสมองเป็นคอมพิวเตอร์รึไง อย่าคิดว่าเรียนมากจะได้มากนะ (ถ้าเด็กไม่เข้าใจ ยังไงก็ไม่เข้าใจ) คือแบบว่าวิชาที่เรียนผ่านไปแล้วเด็กมันก็ลืมหมดเพราะแต่ละวันต้องเรียนหลายวิชา สุดท้ายที่ยังจำได้คือวิชาสุดท้ายของวัน ที่เรียนมาก่อนหน้านี้ลืมไปหมดหรือเหลือแค่ลางๆ

ในความคิดของผมนะ (ไม่เห็นด้วยอย่าด่าผมนะ)

ระดับอนุบาล
ก็ให้เรียนแบบฝึกท่อง ก-ฮ , A-Z ,หัดเขียนตามเส้นประ, วาดรูประปายสี อะไรประมาณนี้

ระดับประถมศึกษา
ก็ให้เรียนหัดอ่านหัดเขียนเรียนเลขบวกลบคูณหาร เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน (เอาแบบให้มันรู้เรื่องเหมือนสอนภาษาไทยไปเลย ถ้าได้ภาษาในช่วงนี้มันก็จะได้ไปตลอด)

ระดับมัธยมศึกษา
ก็ให้เพิ่มฟิสิก เคมี ชีวะ เข้ามา (แค่พื้นฐาน) แล้วก็ให้ฝึกการแสดงออก กล้าพูดกล้าคุยกับฝรั่ง วิชาไหนที่ไม่จำเป็นก็ควรตัดๆ ออกไป

ระดับมาหาลัย
ในระดับนี้ให้ถือว่าเป็นระดับสุดท้ายไปเลย คือ เป็นระดับที่ต้องตัดสินใจว่าเส้นทางที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าคืออะไร เช่น หมอ พยาบาล นักคอมพิวเตอร์ บัญชี ไฟฟ้า เครื่องกล ก็ให้เรียนเฉพาะด้านไปเลย นักศึกษาที่เรียนคอมก็ให้เน้นแต่คอมไปเลยไม่ต้องเอาวิชาอื่นมายุ่ง (คิดดูสิถ้าเราอยู่กับสิ่งเดิมๆ และเป็นสิ่งที่เราชอบงานชิ้นนั้นจะออกมาดีขนาดไหน) ไม่ใช่เอาวิชาอื่นมามั่วไปหมด บางครั้งวิชาอื่นเรียนหนักกว่าวิชาหลักด้วยซ้ำ แล้วถ้ากลัวว่าเรียนกับสิ่งเดิมๆ แล้วนักศึกษาจะเบื่อ ก็ให้เอาวิชานันทนาการเข้ามา เพื่อให้นักศึกษาได้ผ่อนคลายสมองบ้าง ถ้าทำแบบนี้ได้ผมคิดว่า โปรแกรมเมอร์ หมอ นักการตลาด อื่นๆ หลายๆ สาขาของไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก (ไม่ต้องมาหลงตัวเองอยู่อย่างนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ใช้คำนี้มาเป็นร้อยปีแล้ว ทำสะจะได้เป็นประเทศที่กำลังพัฒนาจริงๆ สักที)

** ไม่เห็นด้วยอย่าด่าผมนะ ผมขวัญอ่อน**
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่