ประสบการณ์ครูสอนพิเศษ 1 วัน 8 ชั่วโมงชั้น ป.2 น้องๆ 18 คน กับข้อคิดเล็กๆน้อยที่ได้รับมาในวันนี้

วันนี้ได้ประสบการณ์ใหม่คือการสอนพิเศษเด็ก ป.2 พร้อมๆกัน 18 คน ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น
เหนื่อยมากครับ แต่ได้ข้อคิดอะไรหลายๆอย่าง เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังครับ

ขอออกตัวก่อนว่าตัวผมเองสอนพิเศษมาเรื่อยๆ สอนก็เวลาหลังเลิกเรียนหรือหลังเลิกงานถือซะว่าพักผ่อน
ไปนั่งยิ้มนั่งหัวเราะกับเด็กๆ และไปหัดเลี้ยงลูกคนอื่นไปด้วย
เคยสอนเด็กเล็กสุดก็เด็ก อ.2 วิชา logic เข้า รร. สาธิต เด็กโตสุดก็ระดับ ม ปลาย
สอนมาเรื่อยๆตั้งแต่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยรวมๆแล้วก็ประมาณ 11 ปี

วิชาที่สอนวันนี้หลักๆก็คือวิชา บวก ลบ เลข ก็จะแตกออกเป็น บทพื้นฐาน , บทช่างตวง , บทเศษส่วน , บทธนบัตร
วันนี้การสอนจะแบ่งเนื้อหาออกมาเป็น 6 บท 8 ชั่วโมง สอนบทละชั่วโมงกว่าๆ
ในช่วงแรกจะสอนวิธีการคิดจากโจทย์จากง่ายไปยาก และช่วงหลังปล่อยให้เด็กๆหัดทำแบบฝึกหัดกันเองครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
และที่ tag ห้อง การสอนลูก นั้น
ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณพ่อคุณแม่ก่อนถ้าสิ่งที่จะพูดอาจจะดูไม่ถูกใจนัก
ที่ผมเคยสอนมาหลายๆครอบครัวแตกต่างกันไป บางคนอยู่กับพ่อแม่ บางครอบครัวเป็น single mom หรือ single dad
หลายๆครอบครัวเลี้ยงลูกได้ดีมากครับ น่าประทับใจมาก

และเข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนอยากให้ลูกได้ดีทุกคน และอยากจะให้ลูกตัวเองได้ดีกว่าตัวเองด้วย
แต่บางครอบครัวที่มีปัญหา อาจจะคุณพ่อคุณแม่ทำงานมาหนัก คุณแม่เลี้ยงคนเดียวเหนื่อยมาก และอยากให้ลูกเข้าใจ
อยากจะให้ลูกเรียนให้ดี เรียนให้เก่ง ให้คุณพ่อคุณแม่หายเหนื่อยบ้าง

ผมไม่สามารถก้าวล่วงได้ว่าพ่อแม่ควรคาดหวังแค่ไหน และควรจะทำยังไง
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้คุณพ่อคุณแม่ทำมากๆก็คือ ชมลูกตัวเองให้มากๆ
ลูกพ่อเก่งมาก ลูกแม่เก่งมาก ไม่เป็นไรลูก แค่นี้ก็เก่งแล้ว ลองทำใหม่นะ
และการชมผมไม่มองว่าเป็นการเลี้ยงลูกให้อ่อนแอ กลับทำให้เด็กๆรู้สึกอุ่นใจและมีความมั่นใจด้วยซ้ำ

เด็กใหม่ๆที่ผมสอน สิ่งแรกคือทำยังไงให้เรามีจุดที่จะชมเค้าได้
พอเราได้ชมเค้า เค้าจะรู้สึกดี และอยากจะเรียนกับเรา อยากจะได้อะไรหลายๆอย่างไปจากเรา

เด็กหลายคนเกรดดีขึ้น และดีขึ้นเรื่อยๆถ้าคุณพ่อคุณแม่ชมเขาบ่อยๆ อาจจะไม่ดีถึงขนาดหัวแถวของห้อง
แต่ผมก็เชื่อว่า เขามีความสุขทั้งกับการเรียนและการอยู่กับคุณพ่อคุณแม่มากกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ

สุดท้ายนี้ ผมต้องขอโทษอีกครั้งถ้าผมตอบแบบไม่ถูกใจนัก แต่ก็หวังว่าพอจะนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้างนะครับ
ขอบคุณครับ
ความคิดเห็นที่ 8
จากที่ผมเล่ามาทั้งหมด ผมไม่ได้บอกเลยว่าเด็กกลุ่มไหน เก่งที่สุด ฉลาดที่สุด

สิ่งที่เด็กๆสอนผมในวันนี้ก็คือ เด็กแต่ละกลุ่มแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน
เด็กกลุ่ม A เรียนรู้เร็ว ชอบความท้ายทายใหม่ๆ ชอบแสดงออก ซึ่งในอนาคตอาจจะมีกิจการเป็นของตัวเอง
เด็กกลุ่ม B เรียนรู้เร็ว ไม่ชอบความท้าทายมาก ชอบอยู่กันแบบอุ่นใจ ซึ่งในอนาคตอาจจะเป็นพนักงานบริษัทในระดับสูง
เด็กกลุ่ม C เรียนรู้ได้ปานกลาง ไม่ชอบความท้าทาย ให้ทำอะไรก็ทำได้ แต่สามารถเข้าได้กับทุกกลุ่ม ซึ่งอนาคตอาจจะได้เป็นพนักงานที่ทำงานได้กับคนหมู่มาก ไม่เรื่องมาก มีความเข้าใจคนอื่น
เด็กกลุ่ม D เป็นเหมือนอาวุธลับ เก่งในทางลับ เน้นผลลัพธ์มากกว่าวิธีการ ไม่มีความเครียดใดๆ และไม่มีอะไรจะเสีย

สาเหตุที่ผม tag ปัญหาชีวิต กับ ทรัพยากรมนุษย์ นอกจากจะมาเล่าความประทับใจเล็กๆน้อยแล้ว
อาจมีบางคนอาจจะอยู่ในอารมณ์คล้ายๆผม

คือ  รู้สึกไม่ถนัดงานที่ทำ ซึ่งวันนี้เด็กได้สอนผมว่าทุกคนมีความชอบ ความถนัด มุมมองที่ต่างกัน
และในจุดหมายที่เหมือนกัน ทุกคนมีวิธี มีบทบาทที่จะให้ไปถึงจุดหมายได้เหมือนกัน

เพียงแต่ในเวลานี้ ในสิ่งที่เราเป็น ในสิ่งที่เราอยากเป็น เราถนัดสิ่งนั้นหรือมีพื้นฐานเพื่อสิ่งนั้นจริงๆหรือเปล่า
และได้มุมมองใหม่ๆในการมองตัวเราเอง มองตัวคนอื่นได้มากขึ้น

วันนี้ผมยอมรับจริงๆว่า สิ่งที่เรามองไปข้างหน้า มันเป้นสิ่งที่เราถนัดหรือเปล่า และ เป็นสิ่งที่เป็นความสุขของเราหรือเปล่า
เราจะไปแบบนั้นจริงๆหรอ เรายังมีอะไรที่ยังอยากทำหรือเปล่า

อาจจะไม่ตรงกันนักแต่หวังว่าจะสามารถนำไปปรับใช้ได้นะครับ
ความคิดเห็นที่ 22
เราก็เคยเป็นครูสอนพิเศษนะคะ...เจอเด็กหลายประเภท(ส่วนใหญ่จะน่ารัก ช่างพูดช่างถาม)
เราสอนเด็กประถมเป็นหลัก แต่มีช่วงนึงเราต้องสอนเด็กปฐมวัยแทนครูอีกคน
เป็นวันที่ทำให้เราท้อกับการเป็นครูมากที่สุด
น้องคนหนึ่ง...เป็นเด็กหน้าตาน่ารัก  แต่ไม่ค่อยพูด และดื้อเงียบค่ะ
ในขณะที่เราให้คนอื่นคัดไทย น้องคนนี้ไม่ยอมคัด เราจึงถามว่า
"น้องบ.เป็นอะไรคะ บอกครูเป้ได้มั๊ย ทำไมน้องบ.ไม่คัดเหมือนเพื่อนๆล่ะ"
......เงียบ......

เราจึงจับมือน้องบ. จะช่วยคัด ทราบมั๊ยคะ น้องบ.ทำยังไง...
น้องบ. กำมือต่อต้านเราค่ะ ไม่ยอมคัด และใช้มืออีกข้างดึงดินสอออกจากมือไปขว้าง

ตอนนั้นเราตกใจมากค่ะ ไม่คิดว่าเด็กวัยนี้จะเป็นได้ถึงขนาดนี้...ร้องไห้เลยวันนั้น
แต่เด็กคนอื่นๆก็ช่วยมาปลอบใจนะคะ มาลูบหลัง มาโอ๋ เรารู้สึกดีขึ้นเยอะ

หลังจากเราตั้งสติได้ เราก็เข้าไปคุยกับน้องบ.ว่า ทำไมน้องบ.ทำแบบนั้น คุณพ่อคุณแม่น้องบ.จะเสียใจนะคะ เพราะท่านรักน้องบ.มาก ถึงได้ส่งน้องบ.มาให้ครูเป้สอน ... น้องบ.กรี๊ดใส่เราค่ะ ทีนี้เราเลยใช้ไม้แข็งค่ะ ทำเฉย ทำไม่สนใจ เล่นแต่กับเด็กคนอื่น
เด็กๆคนอื่นก็มีส่วนกดดันน้องบ.นะคะ เพราะเราไปประชุมวางแผนกับเด็กคนอื่นๆว่า เราจะสนุกกันให้เต็มที่ มีเกมให้เล่นตลอด ทำให้น้องบ.รู้สึกเหมือนไม่มีใครรัก
ซึ่งเด็กทุกคนก็ร่วมมือกับเราค่ะ ไม่มีใครพูด ไม่มีใครเล่นกับน้องบ.

สรุปน้องบ. ร้องไห้ และเราก็ไม่โอ๋ด้วย ไม่สนใจ เรามองว่าเป็นการดีด้วยซ้ำ เขาจะได้รู้ว่าการที่เขาทำแบบนี้ จะทำให้ไม่มีใครรักเขา
ที่ไหนได้ เย็นวันนั้นเราโดนเจ้าของโรงเรียนเรียกไปตำหนิค่ะ
สาเหตุ...ผู้ปกครองไม่พอใจที่เราทำลูกเขาร้องไห้ เราก็อธิบายไปแล้วนะคะ ดูเหมือนเจ้าของโรงเรียนจะเข้าใจ แต่...เรื่องของธุรกิจค่ะ สิ่งที่เราทำ จะทำให้ลูกค้าไม่พอใจ เจ้าของโรงเรียนต้องการให้เราแก้ปัญหาโดยการตามใจน้องบ. หาตุ๊กตามาให้เล่น อยากทำอะไรก็ปล่อยเขา

แต่ยอมรับตรงๆว่า...ใจเราทำไม่ได้ค่ะ รับเงินเขามาเพื่อให้ลูกเขามานั่งเล่นตุ๊กตาในขณะที่เด็กคนอื่นเขาเรียนไปถึงไหนต่อไหนเนี่ยนะ!

หลายครั้งต่อมา เราก็ทำแบบเดิมนี่แหละ แต่จะคอยพูดลอยๆบ่อยๆ ว่า ถ้าอยากเรียนเก่งๆให้พ่อแม่รัก อยากให้เพื่อนเล่นด้วย ก็ต้องทำตัวเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน เด็กดื้อจะไม่มีคนรัก

คราวนี้น้องบ.พยายามปรับตัว แต่ก็นั่นแหละ ยังไม่ยอมคัดไทยเหมือนเดิม (แต่ถ้าเป็นศิลปะนี่น้องบ.จะกระดี้กระด้ามาก) เรารู้ว่าน้องบ.ชอบศิลปะ เราก็เลยใช้วิธีให้น้องบ.คัดเพียงครึ่งเดียวจากเด็กคนอื่น แล้วให้น้องบ.ไปคัดต่อที่บ้าน ผู้ปกครองจะได้รับทราบด้วยว่าน้องบ.เป็นยังไง

และเราก็โดนเจ้าของโรงเรียนด่าอีกรอบ...เพราะผู้ปกครองของน้องบ.เขาไปเปิดสมุดคัดของเด็กอีกคน แล้วรู้ว่าน้องบ.คัดไทยน้อยกว่าเพื่อนๆ เขาก็เลยหาว่าเราไม่สนใจ ไม่ใส่ใจลูกเขา และย้ายน้องบ.ไปเรียนอีกที่หนึ่ง

ไปได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์ ก้ย้ายน้องบ. กลับมาที่เดิม...ด้วยเหตุผลที่เรานึกไม่ถึง แต่ก็เป็นเหตุผลที่เราดีใจมากๆ

น้องบ.ไม่ยอมไปเรียนอีกที่ น้องบ.บอกจะเรียนกับคุณครูเป้ (โอ้ย! อิชั้นแทบจะกระโดดตัวลอย)
หลังจากเราได้คุยกับผู้ปกครองน้องบ. แจ้งให้ทราบถึงพฤติกรรมและความชอบของน้องบ. ผู้ปกครองก็เข้าใจเรานะคะ และขอบคุณเราด้วย
เพราะที่ใหม่ที่น้องบ.ย้ายไปน่ะ พอน้องบ.ไม่ยอมเรียน เขากลัวเสียเวลาเด็กคนอื่น ก็ให้น้องบ.นั่งเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ จนหมดเวลาสอนนั่นแหละ สมุดการบ้านว่างเปล่า เพราะไม่ได้ใส่ใจน้อง บ.เลย สุดท้ายผู้ปกครองก็เลยต้องย้ายน้องบ.กลับมา

ฝากไว้สำหรับ ผู้ปกครองคนไหนคิดจะส่งลูกเล็กๆเข้าโรงเรียนสอนพิเศษก็ต้องเลือกกันหน่อยนะคะ เพราะที่เราเจอมากับประสบการณ์ โรงเรียนส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้แหละค่ะ และฝากถึงตัวผู้ปกครองด้วยค่ะ ว่าควรรับทราบพฤติกรรมของลูกตัวเอง เวลาเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่จะไปโทษคุณครู ควรดูนิสัยและความชอบของลูกตัวเองด้วย ในเมื่อเราสอนเขายังไม่ได้ จะไปหวังให้ใครเขามาสอนให้ดีกว่าตัวเองสอนก็คงเป็นไปได้ยากค่ะ


และขอบคุณ จขกท. มากค่ะ ที่ช่วยแชร์ประสบการณ์การสอนพิเศษ ขอบคุณที่ัยังมีครูจรรยาบรรณดีๆหลงเหลืออยู่ เด็กๆที่คุณจขกท.สอน จะต้องเป็นเด็กที่ดีในอนาคตแน่นอนเลยค่ะ อมยิ้ม03
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่