จากการคลี่คลายคดีปาระเบิดอาร์จีดี-5 ใส่ลานจอดรถศาลอาญา รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้มากถึง 16 คน
ถ้าวิเคราะห์ให้ดี จะเห็นยุทธศาสตร์ของคนกลุ่มนี้อยู่ “สองแนวทาง” ด้วยกัน
กล่าวคือ กลุ่มที่ต้องการขยายแนวคิดจัดตั้งองค์กรประชาธิปไตย กับแนวทางการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย ปั่นป่วนให้เกิดขึ้น ภายใต้การปกครองของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้งที่มีกฎอัยการศึก ในการรักษาสถานการณ์บ้านเมือง
เรื่องนี้ถือว่า มีความเชื่อมโยงกันอย่างเห็นได้ชัด นับแต่ต้นจนถึงวันนี้เลยทีเดียว
บัดนี้ เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหา 16 คน จากจำนวนทั้งหมด 19 คน ยังเหลืออีก 3 คนคือ มนูญ ชัยชนะ หรือ เอนก ซานฟราน ,วีระศักดิ์ โตวังจร หรือ ใหญ่ พัทยา และ ธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร (ลูกจ้างร้านก๋วยเตี๋ยวของเอนก)
จริงๆ แล้ว ตัวละครสำคัญของเรื่องนี้คือ เอนก หรือ มนูญ ชัยชนะ หรือ แอนโทนี่ ซานฟราน หรือ “อาต๋อย” เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ผู้ประกาศท้ารบกับระบอบอำมาตยาธิปไตยมานานแล้ว
ในปี 2555 เอนกจัดตั้งองค์กรเอ็นจีโอ ด้านสิทธิมนุษยชน “ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน” (Thai Alliance for Human Rights) โดยเขานั่งตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และมี ดร.เพียงดิน รักไทย (เสน่ห์ ถิ่นแสน) เป็นประธาน
ตัวละครที่เป็น “คนเดินเรื่อง” คือ สุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ “น้อย” หรือ “เดียร์” เพราะเป็นผู้ประสานงานในประเทศไทย และมีเอนก ซานฟราน เป็นกลุ่มทุนสำคัญในต่างประเทศ
“เดียร์” สารภาพว่า หากทำงานป่วนเมืองสำเร็จ เอนกรับปากว่าจะเลี้ยงดูบุตรชาย 2 คนของเธอ และจะพาครอบครัวไปทำงานเก็บองุ่นที่ออสเตรเลีย
แต่มูลเหตุหลักที่ตัดสินใจร่วมมือกันก่อเหตุป่วน เพราะตัวเธอกับเอนก มีอุดมการณ์การเมืองสอดคล้องกัน ต่อต้านเผด็จการทหาร รวมถึงสถาบันเบื้องสูง
สุภาพร มิตรอารักษ์ เริ่มต้นบนเส้นทางการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ด้วยการเป็นแกนนำท้องถิ่น ร่วมกับอดีตผู้สมัคร ส.ว.มุกดาหาร คนหนึ่ง และได้เข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ในยุทธการโค่นอำมาตย์ ปี 2552-2553 จึงทำให้เธอรู้จักผู้คนร่วมอุดมการณ์มากมาย
หลังรัฐประหาร 2557 “เดียร์” พยายามหาทางออกนอกประเทศ เหมือนคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง แต่เธอไม่อยากไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน จึงหาทางไปอยู่ในยุโรปหรือสหรัฐฯ
เดิมที เอนกติดต่อกับ “วิทยุชุมชนเสื้อแดง” 2-3 กลุ่มในพื้นที่ปทุมธานี และสมุทรปราการ ซึ่งเป็นแดงอิสระ ด้วยการเป็นสปอนเซอร์ช่วยค่าน้ำค่าไฟ
ว่ากันว่า ตัว “เดียร์” เองก็สัมพันธ์อยู่กับแกนนำแดงวิทยุชุมชนย่านปทุมธานี
หากยังจำกันได้ หลังรัฐประหาร ได้เกิด "องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย" ของ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ซึ่งองค์กรนี้ มีแนวทางการต่อสู้ต่างจากภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนของเอนก ความสัมพันธ์จึงอยู่ในลักษณะ “ทางใครทางมัน”
พลันที่เกิดเหตุระเบิดที่หน้าศาลอาญา แกนนำขององค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ก็ปิดปากเงียบ
ยกเว้น สุรชัย แซ่ด่าน ประธานกลุ่มแดงสยาม ในฐานะสมาชิกองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ได้ให้สัมภาษณ์เว็บข่าว Thaivoicemedia ว่า ขบวนการป่วนเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรเสรีไทยฯ
“กลุ่มนี้มีกันอยู่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับองค์การเสรีไทย หรือกลุ่มแดงสยาม การเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ มีความขัดแย้งและต่อต้านองค์กรเสรีไทย และกลุ่มแดงสยามด้วยซ้ำ”
ประธานกลุ่มแดงสยาม ที่อาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ยังได้จัดทำคลิปรายการปฏิวัติประเทศไทย เรื่อง “ละครน้ำเน่า คนเสื้อแดงป่วนเมือง” เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา
“สุรชัย” ระบุชื่อแกนนำ “กลุ่มวิทยุชุมชนเสื้อแดง” 2 คน ว่าเป็น “สายข่าว” ของหน่วยงานความมั่นคง ที่แทรกซึมเข้ามา “ล่อซื้อ” แดงฮาร์ดคอร์ให้ไปปฏิบัติการปาบึ้ม
"พูดได้ง่าย ๆ ว่าไปรายงานตัวแล้ว แล้วก็ทหารปล่อยออกมาให้แทรกซึมไปหาข่าว ก็ผมต้องออกมาพูดวันนี้ก็เพื่อเปิดโปง ก่อนหน้านี้ไม่อยากจะพูดถึงพวกนี้ มันจะด่าผม...
“กระทั่งแม่ยกที่อยู่ยุโรป แม่ยกอ่อนหัด ถ้ายังคิดจะส่งเงินให้มันก็เอาสิ ผมก็ไม่ว่าแล้ว ผมเตือนไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่ากลุ่มพวกนี้ไว้ใจไม่ได้แล้ว มันเป็นสายลับก็ยังส่งเงินให้มันอยู่นั่นแหละ ครั้งนี้ก็ส่งเงินให้มันอีก เข้าใจไหม ก็เข้าใจว่าจะให้มันไปป่วน” สุรชัย กล่าว
ข้อมูลของสุรชัย จะมีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากแค่ไหน? ก็ต้องสอบถามจากแกนนำ นปช.ทั้งหลายว่า ได้ทราบเรื่องเหล่านี้บ้างหรือไม่? แต่ในวันนี้ แกนนำ นปช.เลี่ยงที่จะพูดถึงประเด็นนี้ เพราะอ่อนไหวต่อศรัทธาของมวลชนคนเสื้อแดง
แหล่งข่าวในกลุ่มแดงอิสระ เปิดเผยว่า เรื่องแดงฮาร์ดคอร์ถูกเรียกเข้าค่ายทหาร และถูกซื้อให้เป็น “สายข่าว” นั้น เป็นเรื่องจริง หลายกลุ่มจึงระมัดระวังในการเคลื่อนไหว แต่ก็มีแดงฮาร์ดคอร์บางกลุ่มที่เชื่อแนวทางรุนแรง ยังฝังใจที่จะก่อเหตุระเบิดป่วนเมือง
ในทางเปิดเผย บรรดาแกนนำ นปช. มักจะยืนยันว่า ขบวนการคนเสื้อแดงไม่มี “กลุ่มฮาร์ดคอร์” แต่ข้อเท็จจริงในเวลานี้ แกนนำแดงได้สั่งให้ทุกคน “ตัดตอน” การติดต่อกับอดีตการ์ด นปช.ทุกเครือข่าย เพราะไม่มั่นใจเรื่อง “แดงสายข่าว”
ปลายปีที่แล้ว สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการที่ลี้ภัยอยู่ในยุโรป ได้เขียนถึงประเด็น “กิจกรรมใต้ดิน” ของคนเสื้อแดงอย่างตรงไปตรงมาว่า “การไม่กำจัดกิจกรรมของชายชุดดำ ในหมู่เสื้อแดงโดยสิ้นเชิง” กลายเป็นจุดอ่อนและความผิดพลาดอย่างมหันต์
“ที่สำคัญที่สุด คือการไม่ยกเลิก-ทำให้หมดไป กิจกรรมแบบใต้ดิน ซึ่งพุ่งพรวดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนของวิกฤติ กปปส. และนำความเสียหาย บาดเจ็บล้มตายมาสู่ผู้บริสุทธิ์ และทั้งยังน่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทหารตัดสินใจลงมือยึดอำนาจ”
อย่างไรก็ตาม “กิจกรรมแบบใต้ดิน” นั้น เกิดจากความคิดแดงไร้เดียงสาของฮาร์ดคอร์บางกลุ่มที่เชื่อแนวทาง “กดขวัญศัตรูด้วยการทหาร” ที่ถูกปลูกฝังกันมานาน ระหว่างการต่อต้านระบอบอำมาตยาธิปไตย จึงมีคนบางกลุ่มพยายามรวมตัวกันก่อการอีกครั้ง
การจับกุมกลุ่ม “เอนก-เดียร์” ได้ผู้ต้องหามากถึง 16 คน ในทางการข่าวก็ยังเป็นฮาร์ดคอร์ “กลุ่มเดียว” ในอีกนับสิบกลุ่มที่กระจายตัวอยู่ในลักษณะ “แดงใต้ดิน” จึงเชื่อว่าในอนาคต แนวโน้มสถานการณ์จะมีความรุนแรงก็ยังดำรงอยู่
...
จุดเปลี่ยน“แหวน” พยานคดี 6 ศพ
ชื่อของ “แหวน” ณัฏฐธิดา มีวังปลา กลายเป็นประเด็นข่าวใหญ่ เมื่อเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดของขบวนการระเบิดป่วนเมือง ในครั้งแรกเมื่อเดือน ก.พ.2558
เหตุเกิดในท้องที่ สน.โชคชัย พบว่า เอนก ซานฟราน ได้ติดต่อทางไลน์และโซเชียลมีเดียกับเดียร์-สุภาพร ให้ติดต่อว่าจ้างหาคนวางระเบิด 5 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยพบการโอนเงิน 5 หมื่นบาท ผ่าน วสุ เอี่ยมละออ และมีการติดต่อ แหวน-ณัฏฐธิดา ให้หาคนทำงาน
จากนั้น ณัฏฐธิดาติดต่อสุรพล เอี่ยมสุวรรณ ซึ่งอ้างว่าตัวเองมีความรู้ด้านการประกอบระเบิดจากต่างประเทศ ให้รับงานวางระเบิดทั้ง 5 จุด แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใด สุรพลยกเลิกภารกิจ จึงมีการวางแผนใหม่อีกครั้ง
นอกจากนี้ ณัฏฐธิดา ยังถูกดำเนินคดี ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ที่มีหลักฐานข้อความที่มีโพสต์ไว้ในแอพพลิเคชั่นไลน์
ก่อนที่จะ “แหวน” จะตกเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย และหมิ่นสถาบันฯ วิญญัติ ชาติมนตรี ทนาย นปช.ได้โพสต์เฟซบุ๊คว่า มีทหารในเครื่องแบบ 2 นายและนอกเครื่องแบบ 3 นาย มาควบคุมแหวน ในวันที่ 11 มี.ค.2558 ที่บ้านพัก ต.แพรกษา จ.สมุทรปราการ โดยการคุมตัวไปไม่มีหมายจับและหมายค้น อ้างใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก
เหตุที่ ทนาย นปช.ให้ความสำคัญกับเรื่องของ “แหวนหายตัวไป” เพราะเธอคือพยาบาลอาสาสมัคร ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญในคดี 6 ศพ วัดปทุมวนาราม เมื่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
แหวนคือใคร? เธอเป็นชาวหนองบัวลำภู และได้มาอยู่กับสามีที่อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และหลังเหตุการณ์น้ำท่วม ณัฏฐธิดาได้เลิกรากับสามี โดยแหวนมียายอยู่ที่สมุทรปราการ แต่ตอนหลังเธอไปพักอยู่บ้านเพื่อนแถวเมืองทองธานี
สอบถามจากแกนนำแดงอิสระ ยืนยันว่า แหวนเป็นคนเสื้อแดง และเข้าร่วมเป็นพยาบาลอาสาในช่วงการชุมนุมใหญ่ ปี 2553
“เท่าที่ถามเพื่อนๆ งานนี้แหวนพลาด รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไปหลงเชื่อพวกเดียวกัน” แกนนำแดงอิสระ กล่าว
- See more at:
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/640364#sthash.jA5HmKO4.dpuf
แฉลับ 'ดับใต้ดิน' ฮาร์ดคอร์ติดกับดัก ยุทธการ 'แดงซ้อนแดง'
จากการคลี่คลายคดีปาระเบิดอาร์จีดี-5 ใส่ลานจอดรถศาลอาญา รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้มากถึง 16 คน
ถ้าวิเคราะห์ให้ดี จะเห็นยุทธศาสตร์ของคนกลุ่มนี้อยู่ “สองแนวทาง” ด้วยกัน
กล่าวคือ กลุ่มที่ต้องการขยายแนวคิดจัดตั้งองค์กรประชาธิปไตย กับแนวทางการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย ปั่นป่วนให้เกิดขึ้น ภายใต้การปกครองของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้งที่มีกฎอัยการศึก ในการรักษาสถานการณ์บ้านเมือง
เรื่องนี้ถือว่า มีความเชื่อมโยงกันอย่างเห็นได้ชัด นับแต่ต้นจนถึงวันนี้เลยทีเดียว
บัดนี้ เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหา 16 คน จากจำนวนทั้งหมด 19 คน ยังเหลืออีก 3 คนคือ มนูญ ชัยชนะ หรือ เอนก ซานฟราน ,วีระศักดิ์ โตวังจร หรือ ใหญ่ พัทยา และ ธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร (ลูกจ้างร้านก๋วยเตี๋ยวของเอนก)
จริงๆ แล้ว ตัวละครสำคัญของเรื่องนี้คือ เอนก หรือ มนูญ ชัยชนะ หรือ แอนโทนี่ ซานฟราน หรือ “อาต๋อย” เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ผู้ประกาศท้ารบกับระบอบอำมาตยาธิปไตยมานานแล้ว
ในปี 2555 เอนกจัดตั้งองค์กรเอ็นจีโอ ด้านสิทธิมนุษยชน “ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน” (Thai Alliance for Human Rights) โดยเขานั่งตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และมี ดร.เพียงดิน รักไทย (เสน่ห์ ถิ่นแสน) เป็นประธาน
ตัวละครที่เป็น “คนเดินเรื่อง” คือ สุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ “น้อย” หรือ “เดียร์” เพราะเป็นผู้ประสานงานในประเทศไทย และมีเอนก ซานฟราน เป็นกลุ่มทุนสำคัญในต่างประเทศ
“เดียร์” สารภาพว่า หากทำงานป่วนเมืองสำเร็จ เอนกรับปากว่าจะเลี้ยงดูบุตรชาย 2 คนของเธอ และจะพาครอบครัวไปทำงานเก็บองุ่นที่ออสเตรเลีย
แต่มูลเหตุหลักที่ตัดสินใจร่วมมือกันก่อเหตุป่วน เพราะตัวเธอกับเอนก มีอุดมการณ์การเมืองสอดคล้องกัน ต่อต้านเผด็จการทหาร รวมถึงสถาบันเบื้องสูง
สุภาพร มิตรอารักษ์ เริ่มต้นบนเส้นทางการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ด้วยการเป็นแกนนำท้องถิ่น ร่วมกับอดีตผู้สมัคร ส.ว.มุกดาหาร คนหนึ่ง และได้เข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ในยุทธการโค่นอำมาตย์ ปี 2552-2553 จึงทำให้เธอรู้จักผู้คนร่วมอุดมการณ์มากมาย
หลังรัฐประหาร 2557 “เดียร์” พยายามหาทางออกนอกประเทศ เหมือนคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง แต่เธอไม่อยากไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน จึงหาทางไปอยู่ในยุโรปหรือสหรัฐฯ
เดิมที เอนกติดต่อกับ “วิทยุชุมชนเสื้อแดง” 2-3 กลุ่มในพื้นที่ปทุมธานี และสมุทรปราการ ซึ่งเป็นแดงอิสระ ด้วยการเป็นสปอนเซอร์ช่วยค่าน้ำค่าไฟ
ว่ากันว่า ตัว “เดียร์” เองก็สัมพันธ์อยู่กับแกนนำแดงวิทยุชุมชนย่านปทุมธานี
หากยังจำกันได้ หลังรัฐประหาร ได้เกิด "องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย" ของ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ซึ่งองค์กรนี้ มีแนวทางการต่อสู้ต่างจากภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนของเอนก ความสัมพันธ์จึงอยู่ในลักษณะ “ทางใครทางมัน”
พลันที่เกิดเหตุระเบิดที่หน้าศาลอาญา แกนนำขององค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ก็ปิดปากเงียบ
ยกเว้น สุรชัย แซ่ด่าน ประธานกลุ่มแดงสยาม ในฐานะสมาชิกองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ได้ให้สัมภาษณ์เว็บข่าว Thaivoicemedia ว่า ขบวนการป่วนเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรเสรีไทยฯ
“กลุ่มนี้มีกันอยู่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับองค์การเสรีไทย หรือกลุ่มแดงสยาม การเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ มีความขัดแย้งและต่อต้านองค์กรเสรีไทย และกลุ่มแดงสยามด้วยซ้ำ”
ประธานกลุ่มแดงสยาม ที่อาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ยังได้จัดทำคลิปรายการปฏิวัติประเทศไทย เรื่อง “ละครน้ำเน่า คนเสื้อแดงป่วนเมือง” เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา
“สุรชัย” ระบุชื่อแกนนำ “กลุ่มวิทยุชุมชนเสื้อแดง” 2 คน ว่าเป็น “สายข่าว” ของหน่วยงานความมั่นคง ที่แทรกซึมเข้ามา “ล่อซื้อ” แดงฮาร์ดคอร์ให้ไปปฏิบัติการปาบึ้ม
"พูดได้ง่าย ๆ ว่าไปรายงานตัวแล้ว แล้วก็ทหารปล่อยออกมาให้แทรกซึมไปหาข่าว ก็ผมต้องออกมาพูดวันนี้ก็เพื่อเปิดโปง ก่อนหน้านี้ไม่อยากจะพูดถึงพวกนี้ มันจะด่าผม...
“กระทั่งแม่ยกที่อยู่ยุโรป แม่ยกอ่อนหัด ถ้ายังคิดจะส่งเงินให้มันก็เอาสิ ผมก็ไม่ว่าแล้ว ผมเตือนไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่ากลุ่มพวกนี้ไว้ใจไม่ได้แล้ว มันเป็นสายลับก็ยังส่งเงินให้มันอยู่นั่นแหละ ครั้งนี้ก็ส่งเงินให้มันอีก เข้าใจไหม ก็เข้าใจว่าจะให้มันไปป่วน” สุรชัย กล่าว
ข้อมูลของสุรชัย จะมีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากแค่ไหน? ก็ต้องสอบถามจากแกนนำ นปช.ทั้งหลายว่า ได้ทราบเรื่องเหล่านี้บ้างหรือไม่? แต่ในวันนี้ แกนนำ นปช.เลี่ยงที่จะพูดถึงประเด็นนี้ เพราะอ่อนไหวต่อศรัทธาของมวลชนคนเสื้อแดง
แหล่งข่าวในกลุ่มแดงอิสระ เปิดเผยว่า เรื่องแดงฮาร์ดคอร์ถูกเรียกเข้าค่ายทหาร และถูกซื้อให้เป็น “สายข่าว” นั้น เป็นเรื่องจริง หลายกลุ่มจึงระมัดระวังในการเคลื่อนไหว แต่ก็มีแดงฮาร์ดคอร์บางกลุ่มที่เชื่อแนวทางรุนแรง ยังฝังใจที่จะก่อเหตุระเบิดป่วนเมือง
ในทางเปิดเผย บรรดาแกนนำ นปช. มักจะยืนยันว่า ขบวนการคนเสื้อแดงไม่มี “กลุ่มฮาร์ดคอร์” แต่ข้อเท็จจริงในเวลานี้ แกนนำแดงได้สั่งให้ทุกคน “ตัดตอน” การติดต่อกับอดีตการ์ด นปช.ทุกเครือข่าย เพราะไม่มั่นใจเรื่อง “แดงสายข่าว”
ปลายปีที่แล้ว สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการที่ลี้ภัยอยู่ในยุโรป ได้เขียนถึงประเด็น “กิจกรรมใต้ดิน” ของคนเสื้อแดงอย่างตรงไปตรงมาว่า “การไม่กำจัดกิจกรรมของชายชุดดำ ในหมู่เสื้อแดงโดยสิ้นเชิง” กลายเป็นจุดอ่อนและความผิดพลาดอย่างมหันต์
“ที่สำคัญที่สุด คือการไม่ยกเลิก-ทำให้หมดไป กิจกรรมแบบใต้ดิน ซึ่งพุ่งพรวดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนของวิกฤติ กปปส. และนำความเสียหาย บาดเจ็บล้มตายมาสู่ผู้บริสุทธิ์ และทั้งยังน่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทหารตัดสินใจลงมือยึดอำนาจ”
อย่างไรก็ตาม “กิจกรรมแบบใต้ดิน” นั้น เกิดจากความคิดแดงไร้เดียงสาของฮาร์ดคอร์บางกลุ่มที่เชื่อแนวทาง “กดขวัญศัตรูด้วยการทหาร” ที่ถูกปลูกฝังกันมานาน ระหว่างการต่อต้านระบอบอำมาตยาธิปไตย จึงมีคนบางกลุ่มพยายามรวมตัวกันก่อการอีกครั้ง
การจับกุมกลุ่ม “เอนก-เดียร์” ได้ผู้ต้องหามากถึง 16 คน ในทางการข่าวก็ยังเป็นฮาร์ดคอร์ “กลุ่มเดียว” ในอีกนับสิบกลุ่มที่กระจายตัวอยู่ในลักษณะ “แดงใต้ดิน” จึงเชื่อว่าในอนาคต แนวโน้มสถานการณ์จะมีความรุนแรงก็ยังดำรงอยู่
...
จุดเปลี่ยน“แหวน” พยานคดี 6 ศพ
ชื่อของ “แหวน” ณัฏฐธิดา มีวังปลา กลายเป็นประเด็นข่าวใหญ่ เมื่อเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดของขบวนการระเบิดป่วนเมือง ในครั้งแรกเมื่อเดือน ก.พ.2558
เหตุเกิดในท้องที่ สน.โชคชัย พบว่า เอนก ซานฟราน ได้ติดต่อทางไลน์และโซเชียลมีเดียกับเดียร์-สุภาพร ให้ติดต่อว่าจ้างหาคนวางระเบิด 5 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยพบการโอนเงิน 5 หมื่นบาท ผ่าน วสุ เอี่ยมละออ และมีการติดต่อ แหวน-ณัฏฐธิดา ให้หาคนทำงาน
จากนั้น ณัฏฐธิดาติดต่อสุรพล เอี่ยมสุวรรณ ซึ่งอ้างว่าตัวเองมีความรู้ด้านการประกอบระเบิดจากต่างประเทศ ให้รับงานวางระเบิดทั้ง 5 จุด แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใด สุรพลยกเลิกภารกิจ จึงมีการวางแผนใหม่อีกครั้ง
นอกจากนี้ ณัฏฐธิดา ยังถูกดำเนินคดี ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ที่มีหลักฐานข้อความที่มีโพสต์ไว้ในแอพพลิเคชั่นไลน์
ก่อนที่จะ “แหวน” จะตกเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย และหมิ่นสถาบันฯ วิญญัติ ชาติมนตรี ทนาย นปช.ได้โพสต์เฟซบุ๊คว่า มีทหารในเครื่องแบบ 2 นายและนอกเครื่องแบบ 3 นาย มาควบคุมแหวน ในวันที่ 11 มี.ค.2558 ที่บ้านพัก ต.แพรกษา จ.สมุทรปราการ โดยการคุมตัวไปไม่มีหมายจับและหมายค้น อ้างใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก
เหตุที่ ทนาย นปช.ให้ความสำคัญกับเรื่องของ “แหวนหายตัวไป” เพราะเธอคือพยาบาลอาสาสมัคร ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญในคดี 6 ศพ วัดปทุมวนาราม เมื่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
แหวนคือใคร? เธอเป็นชาวหนองบัวลำภู และได้มาอยู่กับสามีที่อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และหลังเหตุการณ์น้ำท่วม ณัฏฐธิดาได้เลิกรากับสามี โดยแหวนมียายอยู่ที่สมุทรปราการ แต่ตอนหลังเธอไปพักอยู่บ้านเพื่อนแถวเมืองทองธานี
สอบถามจากแกนนำแดงอิสระ ยืนยันว่า แหวนเป็นคนเสื้อแดง และเข้าร่วมเป็นพยาบาลอาสาในช่วงการชุมนุมใหญ่ ปี 2553
“เท่าที่ถามเพื่อนๆ งานนี้แหวนพลาด รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไปหลงเชื่อพวกเดียวกัน” แกนนำแดงอิสระ กล่าว
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/640364#sthash.jA5HmKO4.dpuf