'สุภารัตน์' แฉ 'เอนก ซานฟราน' บงการ

กระทู้ข่าว
ความคืบหน้าคดีปาระเบิดใส่ลานจอดรถหน้าศาลอาญา หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวผู้ต้องหาและนำตัวมาส่งมอบต่อพนักงานสอบสวนไปแล้ว 11 คน

ล่าสุด ทหารจากกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) ควบคุมตัว นายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ อายุ 44 ปี และนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาในคดีปาระเบิดอาร์จีดี 5 ใส่ลานจอดรถศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคม มาส่งมอบต่อพนักงานสอบสวน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มอีก 2 คน

จากนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สอบปากคำ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนางสุภาพร สวมเสื้อสีแสด กางเกงขายาวสีดำ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเดินประกบตลอดเวลา แม้ในช่วงสอบปากคำ ขณะที่นายเจษฎาพงษ์ สวมเสื้อเชิ้ต แจ็กเกตสีดำทับ โดยทั้งสองมีสีหน้าอิดโรย จากนั้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา พร้อมสอบประวัติ และแยกสอบปากคำทั้งคู่ โดยการสอบสวนนางสุภาพร เป็นไปอย่างเข้มข้น ก่อนควบคุมตัวนำไปฝากขังศาลทหารต่อไป



'เดียร์' หัวขบวนป่วนในประเทศ


พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 กล่าวว่า วันนี้ทหารนำนางสุภาพร และนายเจษฎาพงษ์ ซึ่งครบกำหนดควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน หลังจากส่งมอบผู้ต้องหาคนอื่นๆ ในขบวนการให้แล้ว 11 คน รวมวันนี้เป็น 13 คน โดยยังมีผู้ต้องหาตามหมายจับอยู่ในการควบคุมของทหารอีก 2 คน คือ นายวสุ เอี่ยมลออ ซึ่งมีหมายจับข้อหาร่วมกันก่อการร้าย และนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ และยังมีหลบหนีอีก 2 คน คือ นายมนูญ ชัยชนะ หรือ เอนก ซานฟราน ผู้บงการและผู้จ้างวาน และนายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือ ใหญ่ พัทยา ผู้ร่วมวางแผนและจัดหาระเบิด

พล.ต.ต.ชยพล กล่าวต่อว่า การก่อเหตุระเบิดของขบวนการนี้แบ่งเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เกิดในท้องที่ สน.โชคชัย พบว่านายมนูญ ได้ติดต่อทางไลน์ และโซเชียลมีเดียกับนางสุภาพร ให้ติดต่อว่าจ้างหาคนวางระเบิด 5 จุดในพื้นที่ กทม. ได้แก่ ศาลอาญา สวนลุมพินี สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจตุจักร กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ และลานจอดโรงแรมสยาม เคมปินสกี้ โดยพบการโอนเงิน 5 หมื่นบาท ผ่านนายวสุ ส่งต่อให้นางวาสนา บุษดี และมีการติดต่อ น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือ แหวน ให้หาคนทำงาน

พล.ต.ต.ชยพล กล่าวต่อว่า จากนั้น น.ส.ณัฏฐธิดา ติดต่อนายสุรพล ซึ่งอ้างว่าตัวมีความรู้ด้านการประกอบระเบิดจากต่างประเทศ ให้รับงานวางระเบิดทั้ง 5 จุด แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใดนายสุรพล ยกเลิกภารกิจ จึงมีการวางแผนใหม่อีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2 ในเดือนมีนาคม คราวนี้นางสุภาพร ได้เปลี่ยนไปติดต่อผ่านนายวิชัย อยู่สุข หรือตั้ม และนายนรภัทร เหลือผล หรือบาส ก่อนติดต่อว่าจ้างนายวิระศักดิ์ รับงานว่าจ้างนายมหาหิน ขุนทอง และนายยุทธนา เย็นภิญญโญ รับงานก่อเหตุที่ศาลอาญา กระทั่งถูกจับกุมได้ สรุปแล้วนายมนูญ พยายามก่อเหตุรุนแรงใน กทม.ถึง 2 ครั้ง โดยติดต่อผ่านเครือข่ายนางสุภาพร ที่แยกชุดทำงานออกเป็น 2 สาย

"นางสุภาพร หรือเดียร์ จัดว่าเป็นกลุ่มทุนที่เป็นหัวใจสำคัญในประเทศไทย มีนายเอนก ซานฟราน เป็นกลุ่มทุนสำคัญในต่างประเทศ สนับสนุนทางการเงินจากต่างประเทศ พบมีการโอนเงินให้กัน ครั้งแรกโอนให้ 5 หมื่นบาท ก่อนจะให้ลงมือ ส่วนครั้งที่ 2 โอนผ่านบัญชีลูกชายนางสุภาพร 5 หมื่นบาท เพื่อให้นำไปเยียวยาครอบครัวของคนที่ถูกจับ โดยเหตุที่นางสุภาพรไม่ให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง อ้างว่าไม่มีบัญชีธนาคาร มีเพียงบัญชีของอดีตสามี ซึ่งหย่าร้างไปแล้ว อีกทั้งสามียังมีคดีติดตัวอีกด้วย จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับเงินก้อนนั้น" ผบก.น.6 กล่าว



สารภาพ 'เอนก ซานฟราน' รับดูแลลูก


พล.ต.ต.ชยพล กล่าวอีกว่า ส่วนเหตุจูงใจนั้น นางสุภาพร ให้การว่า นายเอนกรับปากว่าจะเลี้ยงดูบุตรชาย 2 คน และหากดำเนินการตามสั่งแล้วเสร็จจะพาไปทำงานเก็บองุ่นที่ประเทศออสเตรเลีย โดยเหตุหลักที่ร่วมมือกันก่อเหตุ เพราะมีอุดมการณ์การเมืองสอดคล้องกัน โดยนายเอนกนั้นอยู่ในต่างประเทศ มีอุดมการณ์ต่อต้านรัฐบาลปัจจุบัน และต่อต้านสถาบันฯ ทั้งนี้ การติดต่อของกลุ่มนี้จะใช้ช่องทางไลน์ และโซเชียลมีเดียต่างๆ บางคนไม่รู้จักกัน ไม่เคยพบกันด้วยซ้ำ เพียงแต่ติดตามกันทางโซเชียลมีเดียด้วยมีอุดมการณ์ แนวคิดสอดคล้องกัน

ด้าน พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า นางสุภาพรมีประวัติเป็นระดับแกนนำในกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มีความขัดแย้งในอดีต โดยนางสุภาพรเป็นแกนนำระดับสำคัญที่มีบทบาทและได้รับการยอมรับพอสมควร ที่ผ่านมาหน่วยความมั่นคงเคยขึ้นบัญชีมีข้อมูลไว้ เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่มีหลักฐานหรือสิ่งบ่งชี้ว่าจะกระทำความผิด ขณะที่ผู้ต้องหาบางคนในกลุ่มนี้ เช่น นายมนูญนั้น มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ฐานหมิ่นสถาบันฯ แต่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ซึ่งยืนยันได้ว่าตำรวจและทหารดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งหมดตามกฎหมายและพยานหลักฐานที่ปรากฏ ตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับกลุ่มใด โดยทั้งหมดเกิดจากคำให้การของผู้ต้องหาทั้งสิ้น

"เหตุจูงใจนอกจากค่าจ้างแล้ว กลุ่มผู้ต้องหายังมีอุดมการณ์แนวคิดทางการเมืองที่เหมือนกัน การก่อเหตุแต่ละครั้งก็มีเหตุผลหลายอย่าง ทั้งอุดมการณ์ที่ตรงกัน ถูกหลอก ถูกชักจูง และเงินค่าจ้าง" - See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/639827#sthash.owlr421j.hn3XfR9M.dpuf
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่