สรุปคำตัดสินสั้นๆกระชับได้ใจความ: ศาลตัดสินว่าดาบตำรวจ(คนยิงจำเลยที่1)กระทำโดยชอบด้วยกฎหมายแต่เกินกว่าเหตุตัดสินจำคุก 10ปี แต่เนื่องจากเป็นการกระทำตามหน้าที่โดยชอบลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 5ปี ส่วนจำเลย2-5(ทีมชุดจับกุมที่เหลือ)ให้ยกฟ้อง
1. ความรู้สึกสั้นๆคือคดีนี้แสดงให้เห็นเลยว่ากระบวนการยุติธรรมไทยเนี่ยเสื่อมศาลไม่รับฟ้องในเรื่องที่มายาบ้าที่พบในศพคนตายว่าเป็นของคนตายจริงหรือไม่(ประเด็นนี้ศาลไม่รับฟ้องเพราะอ้างว่าไม่มีประจักษ์พยานและไม่อาจนำสืบเรื่องที่มาของยาบ้าจากคนตายได้)
แต่ทำไมศาลไม่รับฟ้องและให้มีการตรวจสอบรอยนิ้วมือในหีบห่อที่บรรจุยาบ้าเพราะการจะเอายาบ้าห่อลงหีบห่อและยัดลงในกางเกงบ๊อกเซอร์มันจะไม่มีรอยนิ้วมือติดเลยเชียวเหรอแบบนี้เท่ากับว่าคนตายจะยังมีมลทินติดตัวไปว่ายาบ้าเป็นของเค้าเนื่องจากศาลได้ตัดสินไปแล้วด้วยว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยชอบเพียงแต่ทำเกินกว่าเหตุ
2. ประเด็นเรื่องที่ตำรวจอ้างว่ามีการใช้โทรศัพท์ล่อซื้อยาบ้าจากคนตายก็ไม่มีการนำสืบในศาลทั้งๆที่เรื่องนี้ควรจะเป็นหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้คนตายได้เลยเพราะถ้าตำรวจอ้างว่าได้โทรเข้าล่อซื้อยาบ้าจากคนตายจริงมันต้องมีข้อมูลบันทึกไว้ในระบบของค่ายมือถือใน call detail หรือที่ตำรวจอ้างว่าเบอร์ที่ตำรวจโทรไปล่อซื้อเป็นเบอร์ที่คนตายใช้อีกเบอร์ซึ่งคนในครอบครัวไม่รู้ประเด็นนี้พิสูจน์ง่ายมากแค่เอาข้อมูลมาดูว่าวันที่ตำรวจโทรไปล่อซื้อยาบ้าที่เบอร์โทรศัพท์ที่ตำรวจอ้างนั้นเวลานั้นมันเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณของค่ายโทรศัพท์ต้นไหนเพราะคนตายมีหลักฐานชัดเจนว่าวันที่ตำรวจอ้างว่ามีการโทรไปล่อซื้อยาบ้านั้นคนตายอยู่ที่หอพักและเดินทางไปที่ตลาดโรงเกลือที่มีกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ชัดเจน
3. ประเด็นเรื่องระหว่างคนตายกับญาติๆโดนไล่ยิงได้มีการโทรไปที่ 191 เพื่อแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือศาลก็ไม่นำสืบทั้งๆที่มันใช้เป็นข้ออ้างอิงได้เป็นอย่างดีว่าคนตายถ้ามียาบ้าอยู่กับตัวจริงๆจะโทรไปหา 191 ทำไม?
ความเห็นส่วนตัวสุดท้ายคำตัดสินที่ออกมาแบบนี้แทบจะไม่เรียกว่าคืนความยุติธรรมให้คนตายเลยเพราะศาลตัดสินว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยชอบเพียงแต่ทำเกินกว่าเหตุเท่ากับว่าศาลตัดสินเป็นนัยๆว่ายาบ้าเป็นของคนตายเพราะถ้ายาบ้าไม่ใช่ของคนตายตำรวจต้องโดนข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ ฆ่าคนตายโดยเจตนา
ที่มาจะเป็นสรุปคำพิพากษาจากรายการข่าว 3 มิติ >>
http://www.krobkruakao.com/รายการข่าวย้อนหลัง-ตอน/43/52849/03/2015/ข่าว-3-มิติ.html
คดีตำรวจยิงวิศวกร ที่สกลนครศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว
1. ความรู้สึกสั้นๆคือคดีนี้แสดงให้เห็นเลยว่ากระบวนการยุติธรรมไทยเนี่ยเสื่อมศาลไม่รับฟ้องในเรื่องที่มายาบ้าที่พบในศพคนตายว่าเป็นของคนตายจริงหรือไม่(ประเด็นนี้ศาลไม่รับฟ้องเพราะอ้างว่าไม่มีประจักษ์พยานและไม่อาจนำสืบเรื่องที่มาของยาบ้าจากคนตายได้)แต่ทำไมศาลไม่รับฟ้องและให้มีการตรวจสอบรอยนิ้วมือในหีบห่อที่บรรจุยาบ้าเพราะการจะเอายาบ้าห่อลงหีบห่อและยัดลงในกางเกงบ๊อกเซอร์มันจะไม่มีรอยนิ้วมือติดเลยเชียวเหรอแบบนี้เท่ากับว่าคนตายจะยังมีมลทินติดตัวไปว่ายาบ้าเป็นของเค้าเนื่องจากศาลได้ตัดสินไปแล้วด้วยว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยชอบเพียงแต่ทำเกินกว่าเหตุ
2. ประเด็นเรื่องที่ตำรวจอ้างว่ามีการใช้โทรศัพท์ล่อซื้อยาบ้าจากคนตายก็ไม่มีการนำสืบในศาลทั้งๆที่เรื่องนี้ควรจะเป็นหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้คนตายได้เลยเพราะถ้าตำรวจอ้างว่าได้โทรเข้าล่อซื้อยาบ้าจากคนตายจริงมันต้องมีข้อมูลบันทึกไว้ในระบบของค่ายมือถือใน call detail หรือที่ตำรวจอ้างว่าเบอร์ที่ตำรวจโทรไปล่อซื้อเป็นเบอร์ที่คนตายใช้อีกเบอร์ซึ่งคนในครอบครัวไม่รู้ประเด็นนี้พิสูจน์ง่ายมากแค่เอาข้อมูลมาดูว่าวันที่ตำรวจโทรไปล่อซื้อยาบ้าที่เบอร์โทรศัพท์ที่ตำรวจอ้างนั้นเวลานั้นมันเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณของค่ายโทรศัพท์ต้นไหนเพราะคนตายมีหลักฐานชัดเจนว่าวันที่ตำรวจอ้างว่ามีการโทรไปล่อซื้อยาบ้านั้นคนตายอยู่ที่หอพักและเดินทางไปที่ตลาดโรงเกลือที่มีกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ชัดเจน
3. ประเด็นเรื่องระหว่างคนตายกับญาติๆโดนไล่ยิงได้มีการโทรไปที่ 191 เพื่อแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือศาลก็ไม่นำสืบทั้งๆที่มันใช้เป็นข้ออ้างอิงได้เป็นอย่างดีว่าคนตายถ้ามียาบ้าอยู่กับตัวจริงๆจะโทรไปหา 191 ทำไม?
ความเห็นส่วนตัวสุดท้ายคำตัดสินที่ออกมาแบบนี้แทบจะไม่เรียกว่าคืนความยุติธรรมให้คนตายเลยเพราะศาลตัดสินว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยชอบเพียงแต่ทำเกินกว่าเหตุเท่ากับว่าศาลตัดสินเป็นนัยๆว่ายาบ้าเป็นของคนตายเพราะถ้ายาบ้าไม่ใช่ของคนตายตำรวจต้องโดนข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ ฆ่าคนตายโดยเจตนา
ที่มาจะเป็นสรุปคำพิพากษาจากรายการข่าว 3 มิติ >> http://www.krobkruakao.com/รายการข่าวย้อนหลัง-ตอน/43/52849/03/2015/ข่าว-3-มิติ.html